9 ทริคเลือกมะเขือเทศสีดา มาใส่ส้มตำ แบบไหนดี สดใหม่ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล การทำอาหารที่ดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้วก็มีขั้นตอนที่ยากและต้องทำเหมือนกันค่ะ ซึ่งการทำส้มตำหลายคนอาจจะพอมองภาพออกบางแล้ว ที่บางคนอาจจะเคยได้สังเกตดูแม่ค้ามาตลอดว่าใส่อะไรบ้าง โดยมะเขือเทศสีดาเป็นวัตถุดิบที่สำคัญมาก เพราะส่งผลต่อรสชาติและหน้าตาของส้มตำค่ะ ไม่มีมะเขือเทศสีดาก็พอทานได้ แต่ถ้าใส่ลงไปด้วยแล้ว รู้สึกว่าความเป็นส้มตำถูกอัปเกรดขึ้นมาทันที ดังนั้นถ้าซื้อมาได้ต้องซื้อค่ะ ที่สำคัญต้องเลือกด้วยนะคะ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเลือกมะเขือเทศสีดานั้น มีจุดที่ต้องสังเกตและมีรายละเอียดต้องดูนิดหน่อยค่ะ ที่ในบทความนี้เราจะมารู้กันว่า อะไรคือจุดสำคัญของการเลือกซื้อมะเขือเทศชนิดนี้ ถ้าต้องการให้ส้มตำของเราดูแพงขึ้น และต้องบอกว่าหากคุณผู้อ่านได้นำเคล็ดลับในนี้ไปใช้แล้ว รับรองว่าแม่ค้าต้องนึกว่าเราเป็นมืออาชีพเลือกผักแน่นอนค่ะ เพราะเคล็ดลับดีๆ ในนี้ทำให้ได้มะเขือเทศสีดาคุณภาพดีและสดใหม่ง่ายๆ น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ? งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่า กับเนื้อหาดังต่อไปนี้ 1. ดูสี การสังเกตสีของมะเขือเทศสีดานั้นเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกซื้อ เพราะสีจะบ่งบอกถึงความสุกงอมและคุณภาพของผลได้เป็นอย่างดีค่ะ โดยมีสิ่งที่ต้องสังเกตดังนี้ สีแดงสม่ำเสมอ: เมื่อมะเขือเทศสีดาสุกกำลังดี สีแดงจะกระจายตัวทั่วทั้งผลอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีส่วนที่ยังเขียวหรือเหลืองปนอยู่ ซึ่งบ่งบอกว่ามะเขือเทศได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอและสุกอย่างสมบูรณ์ สีแดงสดใส: สีแดงของมะเขือเทศควรสดใส ไม่ซีด ไม่คล้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามะเขือเทศยังสดใหม่ ไม่เหี่ยวเฉา ผิวเปลือกมันวาว: ผิวเปลือกของมะเขือเทศสีดาที่สดใหม่จะมีความมันวาว ดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามะเขือเทศยังคงความชุ่มฉ่ำอยู่ภายใน หลีกเลี่ยงสีอื่นๆ: ควรหลีกเลี่ยงมะเขือเทศที่มีสีอื่นปน เช่น สีเหลือง สีเขียว หรือสีน้ำตาล เพราะอาจบ่งบอกว่ามะเขือเทศยังไม่สุก หรือสุกเกินไปแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและเนื้อสัมผัสของมะเขือเทศ 2. สัมผัส การสัมผัสมะเขือเทศสีดานั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราประเมินได้ว่ามะเขือเทศสุกกำลังดีหรือไม่ โดยการสัมผัสจะช่วยให้เราทราบถึงความแข็งและความนิ่มของเนื้อมะเขือเทศ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับความสุกของผล และสิ่งที่ควรสังเกตเมื่อสัมผัส ได้แก่ ความรู้สึกแน่น: เมื่อบีบเบาๆ ที่ตัวผล ควรมีความรู้สึกแน่น ไม่ยุบตัวง่าย ซึ่งบ่งบอกว่ามะเขือเทศยังคงความสดใหม่ เนื้อแน่น และมีความชุ่มฉ่ำอยู่ภายใน ไม่นิ่มเกินไป: หากบีบแล้วรู้สึกว่ามะเขือเทศนิ่มเกินไป อาจหมายความว่ามะเขือเทศสุกเกินไป เนื้ออาจจะเละและไม่แข็งแรงพอที่จะนำไปประกอบอาหารได้ ไม่แข็งเกินไป: หากบีบแล้วรู้สึกว่ามะเขือเทศแข็งเกินไป อาจหมายความว่ามะเขือเทศยังไม่สุก เนื้อจะแข็งและรสชาติอาจจะยังไม่หวาน 3. ดมกลิ่น กลิ่นของมะเขือเทศสีดานั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสุกงอมและคุณภาพของผลค่ะ เมื่อมะเขือเทศสุกกำลังดี จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ชวนรับประทาน ซึ่งแตกต่างจากกลิ่นของมะเขือเทศที่ยังไม่สุกหรือสุกเกินไป โดยปกติมะเขือเทศสีดาที่สุกกำลังดี จะมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ คล้ายกลิ่นผลไม้สุก กลิ่นจะรู้สึกสดชื่น ไม่เหม็นหืน หรือมีกลิ่นเปรี้ยว ที่ไม่ควรมีกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นอื่นๆ ที่ผิดปกติค่ะ และตัวอย่างกลิ่นของมะเขือเทศสีดา มีดังนี้ มะเขือเทศสุกกำลังดี: จะมีกลิ่นหอมหวานสดชื่น ชวนให้น่ารับประทาน มะเขือเทศยังไม่สุก: อาจจะไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นจางๆ มะเขือเทศสุกเกินไป: อาจจะมีกลิ่นเปรี้ยวหรือกลิ่นเหม็น 4. ดูขั้ว การสังเกตขั้วมะเขือเทศสีดานั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินความสดใหม่ของมะเขือเทศได้ค่ะ ขั้วมะเขือเทศที่สดใหม่จะบ่งบอกว่ามะเขือเทศยังคงความชุ่มชื้น โดยสิ่งที่ควรสังเกตเมื่อดูขั้ว เช่น สีเขียวเข้ม: ขั้วมะเขือเทศที่สดใหม่จะมีสีเขียวเข้มสดใส ไม่ซีดจาง หรือมีสีเหลืองปน ไม่เหี่ยว: ขั้วควรมีความแข็งแรง ไม่เหี่ยว ไม่ยุบตัว ไม่แห้ง: ผิวของขั้วไม่ควรแห้งกร้าน หรือมีรอยแตก ติดแน่น: ขั้วควรติดแน่นกับตัวผล ไม่หลุดล่อนง่าย โดยขั้วที่สดใหม่บ่งบอกว่ามะเขือเทศเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ ขั้วที่เหี่ยวหรือแห้งแสดงว่ามะเขือเทศสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นไปแล้ว และมะเขือเทศที่มีขั้วเสียหาย อาจจะเน่าเสียได้ง่ายค่ะ 5. ดูขนาด การเลือกขนาดมะเขือเทศสีดานั้นสำคัญไม่แพ้การดูสี สัมผัส และกลิ่นเลยค่ะ เพราะขนาดของมะเขือเทศจะสัมพันธ์กับรสชาติและเนื้อสัมผัสภายใน มะเขือเทศขนาดกลางมักจะมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวกำลังดี ไม่หวานจัดเกินไป หรือเปรี้ยวเกินไป มะเขือเทศขนาดกลางมักจะมีเนื้อแน่น ไม่เละ ไม่ยุบตัวง่าย และมะเขือเทศขนาดกลางมักจะมีเมล็ดน้อยกว่ามะเขือเทศขนาดใหญ่ ทำให้ได้เนื้อมะเขือเทศที่เยอะขึ้น ในขณะที่มะเขือเทศขนาดเล็ก อาจจะมีรสชาติเปรี้ยวมากกว่าหวาน และเนื้ออาจจะแข็ง ส่วนมะเขือเทศขนาดใหญ่ อาจจะมีรสชาติจืดชืด เนื้ออาจจะร่วน และมีเมล็ดเยอะค่ะ ซึ่งเทคนิคการเลือกขนาด มีดังนี้ เปรียบเทียบขนาด: ลองเปรียบเทียบขนาดของมะเขือเทศหลายๆ ผล เพื่อเลือกผลที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ใช้มือวัดขนาด: ประมาณขนาดของมะเขือเทศที่ต้องการ โดยปกติแล้วมะเขือเทศขนาดกลางจะมีขนาดประมาณลูกปิงปอง หลีกเลี่ยงมะเขือเทศที่มีขนาดแตกต่างกันมาก: มะเขือเทศที่มีขนาดแตกต่างกันมาก อาจจะสุกไม่เท่ากัน 6. ดูรอยตำหนิ การตรวจสอบรอยตำหนิบนมะเขือเทศสีดานั้นสำคัญมากค่ะ เพราะรอยตำหนิเหล่านี้บ่งบอกถึงคุณภาพของมะเขือเทศ และอาจส่งผลต่อรสชาติและอายุการเก็บรักษาได้ มะเขือเทศที่มีรอยตำหนิจะเน่าเสียได้เร็วกว่ามะเขือเทศที่สมบูรณ์ อีกทั้งรอยตำหนิอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคนะคะ ซึ่งรอยตำหนิที่ควรระวัง เช่น รอยช้ำ: มะเขือเทศที่มีรอยช้ำ แสดงว่าเนื้อภายในอาจได้รับความเสียหาย ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงไป และอาจเน่าเสียได้เร็วขึ้น รอยแตก: รอยแตกบนผิวมะเขือเทศ อาจเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อในได้ รอยบุบ: รอยบุบเล็กน้อยอาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่หากรอยบุบใหญ่หรือลึก อาจทำให้เนื้อภายในเสียหายได้ รอยแมลงกัดกิน: รอยกัดของแมลงจะทำให้เนื้อมะเขือเทศเสียหาย และอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน รอยขีดข่วน: รอยขีดข่วนบนผิวมะเขือเทศ อาจทำให้เกิดการเน่าเสียได้ง่ายขึ้น และวิธีการตรวจสอบรอยตำหนิให้ทำตามนี้ค่ะ สังเกตผิว: ส่องดูผิวมะเขือเทศให้ทั่ว เพื่อตรวจหารอยช้ำ รอยแตก รอยบุบ หรือรอยแมลงกัดกิน สัมผัสเบาๆ: ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเบาๆ รอบๆ ผลมะเขือเทศ เพื่อตรวจหารอยแข็ง หรือรอยนิ่มที่ผิดปกติ ตรวจสอบขั้ว: ตรวจสอบว่าขั้วมะเขือเทศมีรอยเสียหายหรือไม่ ตรวจสอบใต้ผล: พลิกดูด้านล่างของมะเขือเทศ เพื่อตรวจหารอยช้ำหรือรอยเน่า 7. ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อมะเขือเทศจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณผู้อ่านได้มะเขือเทศที่มีคุณภาพ สดใหม่ และปลอดภัยต่อการบริโภคค่ะ หลายคนยังไม่รู้ว่า มะเขือเทศที่เก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ จะมีรสชาติหวานอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่ามะเขือเทศที่เก็บไว้นาน แหล่งที่น่าเชื่อถือมักจะมีมะเขือเทศหลากหลายพันธุ์ให้เลือก ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถเลือกพันธุ์ที่ถูกใจและเหมาะกับการนำไปประกอบอาหารได้ โดยให้เลือกซื้อจากตลาดสดที่สะอาด หรือร้านค้าที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าได้มะเขือเทศที่สดใหม่ค่ะ 8. สังเกตวิธีการจัดเก็บ การสังเกตวิธีการจัดเก็บมะเขือเทศเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามะเขือเทศที่คุณผู้อ่านซื้อมานั้นยังคงความสดใหม่ และมีคุณภาพดี โดยต้องเลือกซื้อมะเขือเทศสีดาที่เก็บในที่เย็นและไม่โดนแสงแดด เนื่องจาความเย็นจะช่วยชะลอการสุกของมะเขือเทศ ทำให้มะเขือเทศคงความสดใหม่ได้นานขึ้น แสงแดดจะทำให้มะเขือเทศสุกเร็วขึ้น และอาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเน่าเสียได้ การเก็บมะเขือเทศในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะช่วยรักษารสชาติที่หวานอร่อยของมะเขือเทศ โดยมะเขือเทศจะต้องไม่ถูกวางรวมกับผลไม้ชนิดอื่น เพราะว่าก๊าซเอทิลีนที่ปล่อยออกมาจากผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย แอปเปิล จะเร่งให้มะเขือเทศสุกเร็วขึ้นค่ะ หากอากาศไม่ร้อนจัด ให้สังเกตดูว่า มะเขือเทศสีดาถูกเก็บรักษาในที่ร่ม และมีอากาศถ่ายเทสะดวกไหม? ถ้ามีการวางมะเขือเทศสีดาในตะกร้าที่โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก แบบนี้เลือกซื้อได้ค่ะ 9. ซื้อทีละน้อย การซื้อมะเขือเทศทีละน้อยเป็นวิธีที่ดีในการรักษาความสดใหม่ของมะเขือเทศค่ะ เพราะมะเขือเทศสุกง่าย การซื้อมาเก็บไว้จำนวนมาก อาจทำให้สุกเกินไป หรือเน่าเสียได้ก่อนนำมาใช้นะคะ และเหตุผลที่ควรซื้อมะเขือเทศทีละน้อยก็เพราะว่า มะเขือเทศที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ จะมีรสชาติหวานอร่อย การซื้อมะเขือเทศในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดปริมาณมะเขือเทศที่เหลือทิ้ง การซื้อมะเขือเทศบ่อยๆ ในปริมาณน้อย จะช่วยให้คุณผู้อ่านสามารถเลือกซื้อมะเขือเทศที่สดใหม่ได้ตลอดเวลา และไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียของ โดยเคล็ดลับในการซื้อมะเขือเทศทีละน้อย มีดังนี้ วางแผนการทำอาหาร: ก่อนไปซื้อมะเขือเทศ ควรวางแผนเมนูอาหารที่จะทำ เพื่อให้สามารถประมาณปริมาณมะเขือเทศที่ต้องการได้ ซื้อมะเขือเทศบ่อยๆ: หากต้องการรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ ควรซื้อมะเขือเทศบ่อยๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกซื้อมะเขือเทศที่สุกกำลังดี: เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทันที หรือเก็บไว้ได้อีกไม่นาน ก็จบแล้วค่ะ กับเคล็ดลับทั้ง 9 ข้อดีๆ สำหรับนำไปใช้ตอนเลือกซื้อมะเขือเทศสีดา ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับแหล่งที่เราไปซื้อค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้แต่ร้านขายผักตามชุมชนหรือมีคนเดินมาขายหน้าบ้านก็ตาม ซึ่งแนวทางในนี้ผู้เขียนเองได้นำมาใช้ตลอดค่ะ โดยมักซื้อมะเขือเทศชนิดนี้มาไว้ทำส้มตำแค่พอดีๆ คำว่าพอดีสำหรับผู้เขียนคือถุงละ 10 บาทค่ะ เนื่องจากตลาดอยู่ใกล้บ้าน ก็ไม่รู้ว่าคุณผู้อ่านได้ทำส้มตำบ่อยไหม ถ้าทำบ่อยก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องซื้อมากกว่าผู้เขียนค่ะ และการดูเรื่องสีและจับดูความแน่นของลูกมะเขือเทศ เป็นเคล็ดลับที่ผู้เขียนจะไม่เคยลืมนะคะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ และนำไปใช้ค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/MWDMyBe0A3ap https://food.trueid.net/detail/lDoOYKpjqX0D https://food.trueid.net/detail/AzqOk22qrg4p หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !