วิธีเลือกพริกหวาน ใส่สลัดผัก รสชาติดี กรอบอร่อย | บทความโดย Pchalisa การทำสลัดผักทานเองที่บ้าน เป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้ทำเรื่อยๆ ค่ะ จากที่ต้องการทำตัวเองให้มีช่องทางที่สามารถทานผักสดๆ ได้มากขึ้น ที่ก็พบว่า การทำสลัดผักนั้นหากเรามีผักที่หลากหลายและสดใหม่ ความอร่อยและความน่ารับประทานก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวค่ะ โดยพริกหวานสีสันหลากหลายเป็นอีกผักหนึ่งชนิด ที่ผู้เขียนมักหาโอกาสนำมาใส่ลงไปจานสลัด พริกหวานไม่เลือกไม่ได้ค่ะ เพราถ้าหยิบมามั่วๆ โอกาสเจอพริกหวานเก่าและไม่ดีเป็นได้สูงมาก เพราะบางคนอาจมองแค่สีสันเท่านั้น ซึ่งการดูสีก็ดีค่ะ แต่การเลือกพริกหวานที่ดีนั้นต้องมีกลยุทธ์ให้ครอบคลุม จึงจะทำให้ได้พริกหวานคุณภาพสูงนะคะ ที่ในบทความนี้เราจะมารู้จักกับเทคนิคเลือกพริกชนิดนี้กันค่ะ ที่อ่านจบแล้วรู้เรื่องและสามารถนำไปใช้ได้ทันที น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ? งั้นอย่าเสียเวลาค่ะ อ่านต่อกันเลยดีกว่า ดังเนื้อหาต่อไปนี้ 1. ดูสีสัน สีของพริกหวานไม่ได้บอกแค่ความสวยงาม แต่ยังบ่งบอกถึงรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกันไปด้วยค่ะ จากที่สีของพริกหวานจะเปลี่ยนไปตามระยะเวลาการสุกบนต้น โดยพริกหวานจะเริ่มจากสีเขียว แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม และแดงตามลำดับ ซึ่งยิ่งสุกนาน สีก็จะยิ่งเข้มขึ้น และปริมาณน้ำตาลก็จะมากขึ้น ทำให้มีรสชาติหวานมากขึ้นด้วย ซึ่งแต่ละสีจะมีสารอาหารที่แตกต่างกันเล็กน้อย และพริกหวานแต่ละสีจะมีรสชาติและความหวานแตกต่างกันเล็กน้อยด้วย ดังนี้ สีแดง: หวานที่สุด มีรสชาติเข้มข้น สีส้ม: หวานรองลงมา มีรสชาติกลมกล่อม สีเหลือง: ไม่หวานมากนัก มีรสชาติอ่อนโยน สีเขียว: รสชาติเผ็ดเล็กน้อย นิยมนำไปประกอบอาหารมากกว่าทำสลัด ถ้าต้องการเน้นความหวาน ให้เลือกพริกหวานสีแดงหรือสีส้มค่ะ ซึ่งการลองผสมพริกหวานหลายสีลงในสลัด ก็เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันนะคะ 2. สังเกตผิว ผิวของพริกหวานเป็นเหมือนเกราะป้องกันเนื้อใน ไม่ให้เสียหายจากเชื้อโรคหรือความชื้น ดังนั้นการเลือกพริกหวานที่มีผิวเรียบเนียน จึงเป็นการเลือกพริกหวานที่สดใหม่และมีคุณภาพดี ที่ควรเลือกพริกหวานที่มีผิวพริกหวานควรเรียบตึง ไม่มีรอยย่น หรือรอยบุบ และพริกหวานที่สดใหม่จะมีผิวมันวาวเล็กน้อย เพราะการมีรอยช้ำเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพริกหวานถูกกระแทกหรือบีบอัด ซึ่งอาจทำให้เนื้อในเสียหายได้ รอยขีดข่วนเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อในได้ รอยด่างอาจเกิดจากโรคหรือแมลง ทำให้พริกหวานเสียรสชาติและคุณค่าทางอาหาร 3. กดดูความแข็ง การกดตรวจสอบความแข็งของพริกหวาน เป็นวิธีง่ายๆ ในการประเมินความสดใหม่ของพริกหวาน พริกหวานที่สดใหม่จะมีเนื้อแน่น ไม่นิ่มยวบ เมื่อกดเบาๆ จะรู้สึกได้ถึงความแข็งตึงเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าพริกหวานยังคงมีความชุ่มฉ่ำและมีรสชาติที่ดี และวิธีการตรวจสอบให้ทำตามนี้ค่ะ ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ โดยให้กดลงไปบนผิวพริกหวานเบาๆ โดยทั่วทั้งผล สังเกตความรู้สึก พริกหวานสด: จะมีความแข็งตึงเล็กน้อย เมื่อกดแล้วจะไม่ยุบตัวลงไป พริกหวานไม่สด: จะรู้สึกนิ่มยวบ เมื่อกดแล้วจะยุบตัวลงไปเล็กน้อย หรืออาจมีรอยบุ๋ม พริกหวานที่นิ่มมักจะขาดความสด อาจจะเก็บไว้นานเกินไป หรือถูกเก็บในสภาพที่ไม่เหมาะสม เนื้อในของพริกหวานที่นิ่ม จะมีรสชาติจืดชืด ไม่หวานกรอบ และพริกหวานที่นิ่ม มีแนวโน้มที่จะเน่าเสียเร็วกว่าพริกหวานที่สดใหม่ค่ะ 4. ดมกลิ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของพริกหวานสด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บ่งบอกถึงคุณภาพและความสดใหม่ของพริกหวานค่ะ กลิ่นนี้เกิดจากสารประกอบระเหยที่อยู่ในพริกหวาน ซึ่งจะค่อยๆ ลดลงเมื่อพริกหวานเริ่มเหี่ยวหรือเน่าเสีย โดยพริกหวานที่สดใหม่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งพริกหวานที่สดใหม่จะมีกลิ่นหอมที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารได้ดียิ่งขึ้น กลิ่นจะช่วยให้เราเลือกพริกหวานที่สดใหม่และมีคุณภาพดีที่สุดค่ะ พริกหวานไม่สด อาจจะมีกลิ่นเหม็นอับ หรือกลิ่นเปรี้ยว 5. ดูที่ก้าน ก้านพริกหวานเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างพริกหวานกับต้น ดังนั้น ก้านที่สดใหม่และติดแน่นกับตัวพริก จึงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพริกหวานนั้นเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ และยังคงความสดอยู่ ก้านพริกหวานที่ดีควรมีลักษณะดังนี้ค่ะ เขียวสด: ก้านพริกหวานควรมีสีเขียวสดใส ไม่เหลืองหรือเหี่ยว ติดแน่นกับตัวพริก: ก้านควรติดแน่นกับตัวพริก ไม่หลุดล่อนง่าย ไม่มีรอยช้ำ: ก้านไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยแตก ไม่มีรอยเปื้อน: ก้านควรสะอาด ไม่มีรอยเปื้อนของดินหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ 6. เลือกผลขนาดกลาง เนื่องจากพริกหวานขนาดกลางมักจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงที่สุกกำลังดี ซึ่งเป็นช่วงที่พริกหวานมีความหวานและความกรอบสูงสุด เมื่อเก็บเกี่ยวในช่วงที่เหมาะสม เนื้อของพริกหวานจะยังคงมีความกรอบอยู่ พริกหวานขนาดกลางมักจะมีเมล็ดที่ไม่แก่เกินไป ทำให้เนื้อของพริกหวานมีความแน่นและกรอบ ถึงแม้ว่าพันธุ์พริกหวานบางชนิดเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่ แต่รสชาติอาจจะไม่หวานกรอบเท่ากับพันธุ์ที่โตแล้วมีขนาดกลางค่ะ 7. หลีกเลี่ยงพริกที่มีน้ำหนักเบา จากที่พริกที่มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับขนาดของพริก มักบ่งบอกว่าภายในผลพริกนั้นสูญเสียน้ำไป ทำให้เนื้อแห้งและไม่สดชื่นเท่าที่ควรค่ะ เพราะเมื่อพริกถูกเก็บไว้นานเกินไป หรือเก็บในสภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้นต่ำ พริกจะค่อยๆ สูญเสียน้ำ ทำให้เนื้อแห้งและเหี่ยว ที่แม้ภายนอกของพริกจะดูสมบูรณ์ แต่ภายในอาจมีส่วนที่เน่าเสีย ซึ่งจะทำให้พริกสูญเสียน้ำหนักและมีกลิ่นผิดปกติ ถ้าพริกถูกเก็บเกี่ยวเร็วเกินไป หรือเก็บเกี่ยวในขณะที่ยังไม่สุกเต็มที่ พริกก็อาจจะมีน้ำหนักเบาและรสชาติไม่ดีค่ะ 8. เลือกพริกที่ปลูกในประเทศ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกพริกหวานที่ปลูกในประเทศ เพราะจะได้พริกหวานที่สดใหม่กว่า จากที่พริกหวานที่ปลูกในประเทศมีระยะเวลาการขนส่งที่สั้นกว่าพริกหวานนำเข้า ทำให้พริกยังคงความสดใหม่และคุณค่าทางอาหารได้มากกว่า พริกหวานที่ปลูกในประเทศมักจะผ่านกระบวนการเก็บรักษาน้อยกว่า ทำให้ได้รสชาติที่สดใหม่และเป็นธรรมชาติมากกว่า และการเลือกซื้อพริกหวานที่ปลูกในประเทศเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย อย่างไรก็ตามพริกหวานที่ปลูกในประเทศมีหลากหลายพันธุ์ให้เลือก ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็จะมีรสชาติและลักษณะที่แตกต่างกันไปค่ะ ซึ่งการบริโภคพริกหวานที่ปลูกในประเทศจะช่วยให้เราได้สัมผัสรสชาติของพริกหวานตามฤดูกาล การขนส่งพริกหวานระยะไกลทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเลือกซื้อพริกหวานที่ปลูกในประเทศจึงเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นให้มองหาฉลากที่ระบุว่าผลิตในประเทศไทย หรือมีโลโก้รับรองสินค้าไทย หรือสอบถามผู้ขายโดยตรงว่าพริกหวานที่จำหน่ายมาจากแหล่งผลิตใด 9. ดูวันผลิตและวันหมดอายุ การตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุของพริกหวานบรรจุหีบห่อนั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณผู้อ่านมั่นใจได้ว่าพริกหวานที่คุณเลือกมานั้นยังสดใหม่และปลอดภัยต่อการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณผู้อ่านซื้อพริกหวานที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น พริกหวานแช่แข็งหรือพริกหวานกระป๋อง โดยสิ่งที่ควรมองหาบนฉลาก ได้แก่ วันผลิต (Manufacturing Date): บ่งบอกถึงวันที่พริกหวานถูกแปรรูปหรือบรรจุหีบห่อ วันหมดอายุ (Expiration Date): บ่งบอกถึงวันที่พริกหวานหมดอายุและไม่ควรบริโภคอีกต่อไป วันที่ควรบริโภคก่อน (Best Before): บ่งบอกถึงวันที่พริกหวานยังคงมีความสดใหม่และคุณภาพดีที่สุด หากบริโภคหลังจากวันที่ระบุ คุณภาพของพริกหวานอาจลดลง แต่ก็ยังสามารถบริโภคได้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น มีกลิ่นผิดปกติ หรือมีราขึ้น หลังจากวันหมดอายุ ผลิตภัณฑ์อาจมีเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโต ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ รสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสของพริกหวานอาจเปลี่ยนแปลงไป ทำให้รสชาติไม่อร่อย โดยบรรจุภัณฑ์ควรสมบูรณ์ ไม่บุบสลาย หรือมีรอยรั่ว ซึ่งพริกหวานกระป๋องมักจะมีอายุการเก็บรักษานานที่สุด แต่ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนเปิดกระป๋องค่ะ 10. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อพริกหวานจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้คุณผู้อ่านมั่นใจได้ว่าพริกหวานที่ได้รับนั้นมีความสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพดี ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางอาหารของอาหารที่เราปรุง จากที่แหล่งที่ได้มาตรฐานจะมีการดูแลรักษาความสะอาดของสินค้าและสถานที่เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อโรค และตัวอย่างของแหล่งที่น่าเชื่อถือในการซื้อพริกหวาน เช่น ตลาดสด: เป็นแหล่งที่คุณผู้อ่านสามารถเลือกซื้อพริกหวานได้สดใหม่จากเกษตรกรโดยตรง หรือจากพ่อค้าที่คัดสรรสินค้ามาอย่างดี ซูเปอร์มาร์เก็ต: มีพริกหวานบรรจุหีบห่อที่สะอาดและได้มาตรฐาน แต่ราคาอาจสูงกว่าตลาดสด ร้านค้าปลีกผักผลไม้: มักจะมีพริกหวานหลากหลายสายพันธุ์และมีการคัดสรรคุณภาพ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์: หากคุณผู้อ่านต้องการพริกหวานปลอดสารเคมี สามารถหาซื้อได้จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ร้านค้าออนไลน์: มีบริการส่งพริกหวานสดถึงบ้าน แต่ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีชื่อเสียงและมีรีวิวที่ดีค่ะ พริกหวานพอนำมาใส่สลัดผักแล้วสมชื่อค่ะ หวาน กรอบและอร่อยดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความอร่อยก็ขึ้นอยู่กับความสดใหม่และคุณภาพของพริกหวานนะคะ ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้นำข้อมูลในนี้ไปใช้ก็ไม่เคยผิดหวังค่ะ โดยมักบีบดูพริกหวานตลอดเวลาไปซื้อ ดูสีสันต้องมันวาว ผิวไม่เหี่ยวย่นค่ะ ที่จะว่าต้องใช้หลายเคล็ดลับก็ได้ เพราะแนวทางนี้ดีที่สุดค่ะ ทำให้เราได้พริกหวานคุณภาพดีง่ายขึ้น ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านจะไปซื้อพริกหวาน ก็อย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ในนี้ไปใช้ค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://food.trueid.net/detail/3alyr1R0bE32 https://food.trueid.net/detail/AzqOk22qrg4p https://food.trueid.net/detail/jyXGVxgmJ4JP เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !