มะม่วงกะล่อนเป็น มะม่วงพื้นบ้านขนาดเล็ก พันธุ์ดั้งเดิมของไทย มะม่วงชนิดนี้ส่วนใหญ่จะปลูกขึ้นเองตามท้องไร่ท้องนา หรือปลูกไว้ที่ริมรั้วบ้านแถวชนบท ขนาดของลูกมะม่วงมีขนาดเท่าไข่ไก่ เปลือกหนา แต่มีเมล็ดใหญ่มาก เมื่อสุกแล้วให้สังเกตสีเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน ซึ่งผลดิบจะมีสีเขียวเข้ม มะม่วงกะล่อนมีเนื้อน้อย เนื้อมีสีเหลืองอ่อน แต่รสชาติจะหวาน มีกลิ่นหอมละมุน กินแล้วอร่อย ชื่นใจมาก คลายร้อนได้ดีเลยทีเดียวค่ะ กลิ่นของมะม่วงกะล่อนนั้นหอมเย้ายวนดึงดูดทั้งคนและวัวควาย มารุมกินผลสุกที่หล่นใต้โคนต้นอยู่บ่อย ๆ เราชอบช่วงที่ฝนใกล้ตก ลมพายุแรง ๆ เพราะมะม่วงที่สุกจะร่วงหล่นลงมาโดยไม่ต้องไปสอยให้เมื่อยคอ พอพายุจบลง เราและเด็ก ๆ ก็คว้าตะกร้าวิ่งไปแย่งกันเก็บมะม่วงในแถบละแวกบ้าน วิ่งหัวชนกันจนโนปูดโปนก็มี คิดแล้วก็พลันยิ้มตามด้วยเลย เราและพี่สาวชอบเอามะม่วงกะล่อนมาฝานเป็นชิ้น ๆ เคล้าเกลือนิด ๆ เอาตากแดดให้แห้งเก็บไว้กินได้นานโข วิธีทำไม่ยากเลยล่ะ เราจะบอกให้เองน้า 1. เมื่อได้มะม่วงกะล่อนมาแล้ว ก็จะเลือกเอาลูกที่ไม่เน่า มาล้างน้ำ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วก็เอามาฝาน ๆ เป็นชิ้น ๆ พยายามปาดให้ชิดเมล็ดเลยนะจะได้เนื้อมะม่วงติดมาเยอะ ๆ 2. จากนั้นโรยเกลือลงนิดหน่อย คนให้คลุกเคล้ากัน ทิ้งไว้สักครู่ 3. เตรียมตะแกรงใหญ่ หรือกระด้ง แล้วเอามะม่วงที่เราฝานเคล้าเกลือไว้นั้น มาวางเรียงในตะแกรงที่เตรียมไว้ โดยหงายส่วนที่เป็นเนื้อขึ้นก่อน 4. เอามะม่วงตากแดดไว้ 1-2 วัน ถ้าแห้งแล้วกลับด้านที่เป็นผิวขึ้นตากแดดอีก 1-2 วัน แค่นี้เราก็จะได้มะม่วงกะล่อนตาก นุ่มหนึบ กลิ่น ๆ ละมุน เอาไว้เคี้ยวเพลิน ๆ ยามว่าง ปัจจุบันนี้มะม่วงชนิดนี้เริ่มหาทานได้ยากขึ้น จะมีก็แต่ในตลาดตามต่างจังหวัดบางแห่ง ยังพอมีพ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านเอามาขายอยู่บ้าง บางทีก็มีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนของพี่สาวเราเอามาให้บ้าง พักนี้ก็เลยวุ่นวายกับการแปรรูปมะม่วงกะล่อนตามแบบฉบับภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำไว้กินเองบ้าง แจกคนอื่นบ้าง เหนื่อย สนุก แถมมีความสุขใจมากโขเลยล่ะค่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน