เชื่อว่าในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ถือเป็นฤดูที่เมืองไทยมีอากาศร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเดือนหรือเทศกาลสงกรานต์ คนไทยสมัยโบราณถึงต้องออกมารดน้ำปะแป้งเพื่อดับร้อนผ่อนเย็น แต่ก็ใช่จะมีเพียงประเพณีการเล่นเท่านั้นที่ช่วยคลายความร้อน ยังมีอาหารการกินทั้งคาวหวานที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาสำหรับการนี้ อย่างเช่น ข้าวแช่ หรือซ่าหริ่ม สำหรับวันนี้ ผมมีเมนูขนมหวานที่ชื่อก็เพราะ สีสันก็สวยสด รสชาติหวานหอมชื่นใจ แถมยังทำเองได้ไม่ยากอีกต่างหาก ขนมชนิดนี้มีชื่อว่าขนม “อินทนิล” ฟังชื่อแล้วหลายคนอาจนึกถึงชื่อไม้ยืนต้นดอกสีม่วงอมชมพู หรืออาจนึกถึงคาเฟ่กาแฟก็ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่นึกถึงชื่อขนมไทยโบราณ ที่มีชื่อว่าขนมอินทนิล หน้าตาคล้ายวุ้นสีเขียวสดกับน้ำกะทิอบควันเทียนกลิ่นหอมฟุ้ง แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับ หากทุกคนจะนึกแต่ไม่ถึง เพราะมันโบราณจนผมเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน เพิ่งมานึกได้ก็ตอนที่รูปเจ้าขนมอินทนิลถูกโพสต์ตามโซเชียลเต็มไปหมด ทั้งเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทำให้ผมอยากทำทานขึ้นมาบ้าง ซึ่งวิธีการทำนั้นก็ไม่ยุ่งยากอะไร วัตถุดิบอุปกรณ์ก็หาได้ภายในบ้านหรือซื้อหาตามร้านสะดวกซื้อง่าย วันนี้เรามาลองทำขนมอินทนิลทานดับร้อนกันดูนะครับ ส่วนประกอบหลักของขนมอินทนิลแบ่งเป็นสองส่วน คือตัวเนื้อขนมกับน้ำกะทิ ตัวเนื้อขนมนั้นประกอบด้วยแป้งมันสำปะหลัง น้ำใบเตยสีเขียวคั้นสด เกลือ และน้ำตาลทราย ส่วนน้ำกะทิอบควันเทียน ผมแนะนำว่าถ้าจะให้ง่ายต่อชีวิตคนเมืองอย่างเรา ๆ ที่ต้องการความเร่งด่วน ลองหาซื้อน้ำกะทิกล่องอบควันเทียนมาเคี่ยวกับน้ำตาลทรายก็สะดวกดีครับ หรือหากใครมีเวลาพอจะเคี่ยวน้ำกะทิแล้วอบควันเทียนเองก็จะยิ่งเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกของรสชาติขนมไทยขึ้นไปอีกครับ เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาทำตัวเนื้อขนมกันดีกว่า กรรมวิธีชั่งตวงวัดนั้น สำหรับหลายท่านที่ทำทานกับสมาชิกในครอบครัวไม่กี่คน หรือทานคนเดียวอย่างผมก็ใช้วิธีตวงจากถ้วยอะไรก็ได้ขนาดกำลังพอดี โดยอาศัยอัตราส่วนแป้งหนึ่งถ้วย น้ำสองถ้วย หากจะเพิ่มปริมาณก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแค่นั้น ส่วนน้ำใบเตยคั้นสด ผมก็ปลูกใบเตยเอาไว้เองที่บ้าน เพราะใบเตยขึ้นง่ายตายยาก ขอให้มีน้ำหล่อเลี้ยงรากให้ชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลาเป็นพอ และอีกอย่างก็ปลอดภัยจากสารเคมีด้วยครับ การคั้นน้ำใบเตย เมื่อได้ใบเตยมาสักกำมือหนึ่งหรือสิบกว่าใบ ก็เริ่มจากนำใบไปล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นซอยเอาเข้าเครื่องปั่นหรือครกตำให้ออกสีก็ได้ครับ จากนั้นนำมากรองให้ได้น้ำใบเตยสีเขียวสดตามปริมาณที่ต้องการ คืออีกเท่าตัวของปริมาณแป้ง (นิดหนึ่งครับว่า ถ้าหาน้ำใบเตยไม่ได้จริง ๆ พอจะอนุโลมให้ใช้น้ำหวานเข้มข้นสีเขียวแทนได้) ทีนี้ก็นำแป้งมันสำปะหลังกับน้ำใบเตยคั้นสดละลายให้เข้ากันในกระทะก่อนนำไปตั้งไฟ เรื่องกระทะนี้ผมแนะนำว่าหากหากระทะทองเหลืองสำหรับทำขนมไม่ได้ จะใช้กระทะเคลือบเทฟลอนก็ไม่ติดกระทะดีครับ การกวนเนื้อขนมนี้ต้องอาศัยไฟอ่อน ค่อย ๆ ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อย ๆ อย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อนหรือไหม้เอาได้ กวนไปสักพักแป้งจะเริ่มสุกเปลี่ยนเป็นสีใสไม่ขุ่น จะรู้สึกเองว่าแป้งไม่เหลวไม่แข็ง พอหนืด ๆ หนุบหนับเป็นอันใช้ได้ (ที่จริงถ้าใครเคยทำกาวแป้งเปียกก็ลักษณะเดียวกันเลยครับ) ก่อนจะปิดไฟก็เติมเกลือสักเล็กน้อยและน้ำตาลทรายพอประมาณให้พอมีรสหวาน จากนั้นตักลงภาชนะพักไว้ให้เย็นแล้วมาเตรียมน้ำกะทิกันต่อ อย่างที่ผมแนะนำว่าให้ลองใช้น้ำกะทิกล่องอบควันเทียนเคี่ยวกับน้ำตาลทรายยิ่งทำให้ได้ทานขนมเร็วขึ้น น้ำกะทิกล่องอบควันเทียนยังไม่มีรสชาติอะไร มีแต่กลิ่นหอมเท่านั้น ต้องเทลงกระทะตั้งไฟอ่อน ๆ เติมน้ำตาลทรายให้พอดี เคี่ยวพออุ่น ๆ อย่าให้เดือดจนล้นออกมาอาจจะทำให้น้ำกะทิมีกลิ่นไหม้แทน เสร็จแล้วตั้งพักไว้ให้เย็น ตักน้ำกะทิใส่ถ้วยที่จะทาน ทีนี้ถึงขั้นตอนตักเนื้อขนมใส่น้ำกะทิกันแล้ว วิธีตักเนื้อขนมบางท่านอาจจะใช้มือชุบน้ำเด็ดเป็นก้อนขนาดพอดีคำใส่ลงไปในน้ำกะทิ หรืออาจใช้ช้อนชาสองคันชุบน้ำตักเนื้อขนมมาใส่ถ้วยน้ำกะทิก็ไม่ติดไม้ติดมือดีครับ ที่เหลือจากนี้ก็เป็นเรื่องการลองชิมแล้วล่ะครับ ใครอยากทานรสชาติหวานหอมถึงรสขนมไทยก็ไม่ต้องตักน้ำแข็งใส่ ใครอยากทานให้หวานเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน ก็ทานกับน้ำแข็งหลอดเล็กหรือน้ำแข็งเกล็ด นี่แหละครับขนมอินทนิล ขนมไทย ทำง่าย คลายร้อน อย่าลืมลองทำกันดูนะครับ ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน