ในพื้นที่ภาคอีสานจะมีอยู่โซนหนึ่งที่มีสภาพแวดล้อมในทางธรณีวิทยาเป็นชั้นหินดินจากเถ้าภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีก่อนและมีสภาพอากาศเหมาะกับการเกิดขึ้นของพืชเฉพาะถิ่นที่เรียกว่า “ดอกดินหรือกระเจียวดอกขาว” ตั้งต้นจากพื้นที่เขาหัวแหวนอยู่ในเขตอำเภอครบุรี แผ่ไปด้านทิศตะวันออกผ่านพื้นที่เขาซับพงโพดอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เขาพนมรุ้ง เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และต่อเนื่องจนไปถึงเขาพนมสวาย จังหวัดสุรินทร์ พอถึงช่วงปลายเดือนเมษายน เมื่อมีฝนตกติดต่อกัน 2-3 ครั้ง สภาพป่าเบญจพรรณในพื้นที่โซนดังกล่าวชุ่มชื้นมากขึ้น จะเริ่มมีปุ่มงอกออกตามต้นไม้ที่ยืนต้นผลัดใบมาตั้งแต่ย่างเข้าฤดูร้อน ขณะที่บริเวณพื้นดินที่ใบไม้ทับถมกันนั้นก็จะเริ่มมีดอกดินโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมากระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษ ที่ชาวบ้านจะได้ลิ้มลองผักจากธรรมชาติที่รอกันมาทั้งปี เพราะหนึ่งปีมีโอกาสได้ทานเพียงช่วงเวลาเดียวเท่านั้น “ดอกดินหรือกระเจียวดอกขาว” นี้ ในแต่ละพื้นที่เรียกชื่อต่างกันไป อย่างแถวจังหวัดสุโขทัยเขาเรียก ว่านม้าน้อย แถบเชียงใหม่ก็เรียกว่า อาวขาว เป็นต้น แต่ที่ตรงกันก็คือทุกพื้นที่รู้ว่า ดอกดินหรือกระเจียวดอกขาวนั้นเอามาทำคุณประโยชน์ได้ 2 อย่างคือ เป็นอาหารและเป็นยา ที่เป็นอาหารคือเอามาลวกทานน้ำพริกหรือแกง ส่วนที่เป็นยาคือช่วยขับลม เพราะว่าดอกกระเจียวดอกขาวมีฤทธิ์ร้อน ส่วนใบก็เอามาโขลกพอกกับแผลสด ๆ ที่เกิดขึ้นเวลาเดินป่าได้ดีนักแล สำหรับวันนี้ ผมจะนำเสนอเมนูอาหารที่ทำจากดอกดินหรือกระเจียวดอกขาวนี่แหละครับ พอดีว่าก่อนหน้านี้ฝนตก ดอกดินงอกขึ้นมาเยอะพอสมควรที่ป่าหลังบ้าน เป็นดงดอกดินที่ผมไปเอาต้นกล้ามาจากป่าในเขาซับพงโพดปลูกไว้หลังบ้านเมื่อ 2 ปีที่แล้วและปีนี้เป็นปีแรกที่ออกดอกมาให้ได้เห็น เมนูอาหารที่จะทำก็คือ ต้มโคล้งปลาแห้งใส่ดอกดิน มาดูสูตรกันเลยนะครับว่ามีอะไรบ้าง ขั้นตอนเตรียมวัตถุดิบและเครื่องปรุง 1.วัตถุดิบ ประกอบด้วย 1)เนื้อปลาแห้งประมาณ 1 ถ้วยตวง 2) ดอกดิน 10-15 ดอก 2.เครื่องปรุงหรือเครื่องแกง ประกอบด้วย 1)ข่าแก่หั่นเป็นแว่น 7 แว่น 2)ใบมะกรูด 5 ใบ 3)ตะไคร้ 3 ต้น 4)พริกแดง 3 - 5 เม็ด 5)หอมแดงเล็ก 10 หัว 6)มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ 7)น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 8)เกลือ 1 ช้อนชา 9)อ้อยควั่นใช้แทนนำตาล 5 ท่อน 10)มะเขือเทศ 5 ลูก 11)ยอดมะขามอ่อน 1 กำมือ 12)ผักชีฝรั่ง 10 ใบ ขั้นตอนลงมือทำ 1.เอาข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง พริกและเกลือไปคั่วในกระทะให้มีกลิ่นหอม 2.ตั้งไฟ เอาน้ำเปล่าใส่หม้อแกง 1 ลิตร ต้มให้มะขามเปียกเปื่อยและน้ำต้มออกสีเทา 3.เทเครื่องแกงที่คั่วแล้วและดอกดินลงไปในหม้อ ต้มให้เดือดราว 5 นาที 4.ใส่เนื้อปลาย่างลงไปตาม ตามด้วยน้ำปลา อ้อยควั่น มะเขือเทศและยอดมะขามอ่อน 5.ต้มต่อด้วยไฟปานกลาง 5 นาที ปิดไฟ เปิดฝาหม้อใส่ผักฝรั่งซอย ปิดฝาทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นก็ตักใส่ถ้วยให้น้ำท่วมเนื้อปลา แล้วก็รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ได้เลย ขั้นตอนรับประทาน บางคนอาจจะสงสัยว่า ต้องมีขั้นตอนรับประทานด้วยเหรอ ในฐานะเชฟบ้านนอกอย่างผมขอยืนยันเลยว่า จำเป็นครับ เพราะต้มโคล้งนี่เขาไม่ทำเป็นข้าวราดแกง ใครตักใส่จานทานแบบข้าวราดแรงนี่ถือว่าผิดหลักการ เพราะความสุดยอดของการทานต้มโคล้งนั้น ต้องตักข้าวกับเนื้อปลาใส่ปากก่อน จากนั้นจึงตักน้ำแกงซดตามลงไปครับ ถึงจะได้สัมผัสรสชาติความเปรี้ยวเผ็ดนิด ๆ และกลิ่นหอมของดอกดินกับปลาย่างคละเคล้าค่อย ๆ ไหลผ่านลำคอลงไป พร้อมกับรสซาบซ่าที่ทำให้ขนลุกซู่ได้ นั่นแหละถึงจะเรียกว่า ทำต้มเมนูนี้ผ่านตามมาตรฐาน ลองทำรับประทานกันดูนะครับหรือจะประยุกต์ใส่ผักชนิดอื่นก็ได้ เช่น ดอกข่า ดอกกระเจียวก็ได้ น่าจะหาทานได้ง่ายกว่าดอกดิน เพราะเห็นมีขายทั้งปีตามตลาดสด ข้อมูลเพิ่มเติม ดอกดินหรือกระเจียวดอกขาว เป็นพืชล้มลุกตระกูลข่า สูงประมาณ 1-2 ฟุต ในฤดูแล้งต้นจะแห้งตายเหลือแต่หัวอยู่ใต้ดิน แต่ดอกจะออกมาเหนือพื้นดินเฉพาะปลายฤดูแล้ง พอถึงช่วงฤดูฝนจะแตกยอดแทงต้นขึ้นมาบนพื้นดิน ดอกออกเป็นช่อสีขาว มีเกสรสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี