"กาแฟ" เครื่องดื่มยอดนิยมที่มีเรื่องชวนรู้มากกว่ารสชาติเข้มๆ กลิ่นหอมๆ และการทำให้เรารู้สึกตื่นตัว ด้วยองค์ประกอบสำคัญที่พบในกาแฟอย่างสารคาเฟอีน (Caffeine) ทำให้กาแฟมีคุณประโยชน์รวมไปจนถึงเรื่องชวนรู้อื่นๆ อีกเยอะมาก บทความนี้เราเลยอยากชวนคอกาแฟทุกท่านไปทำความรู้จักเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกาแฟกันให้มากขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูพร้อมกันได้เลยค่ะ 1.การกินกาแฟเยอะๆ ไม่ได้ทำให้หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเคยไหมคะที่วันไหนง่วงนอนเป็นพิเศษเราก็จะอัดกาแฟเข้าไปแบบเต็มเหนี่ยวเพราะหวังว่ากาแฟจะช่วยเบิกเนตร ถ่างตาให้เราหายง่วงได้ แต่ความจริงแล้วนั้นการกินกาแฟเยอะๆ ไม่ได้ทำให้เราหายง่วงได้มากขึ้นอย่างที่เราคิดค่ะ ตัวเราเองเคยติดดื่มกาแฟประมาณ 2-3 แก้ว ภายใน 3-4 ชั่วโมง ซึ่งก็บอกได้เลยว่าไม่ได้ทำให้เราตื่นตัวมากขึ้นแต่อย่างใดกลับกันยังทำให้เรารู้สึกใจสั่นเสียด้วยซ้ำ สิ่งนี้เป็นเพราะคาเฟอีนมีระยะการออกฤทธิ์สิ่งที่เราควรทำคือหมั่นจิบกาแฟไปเรื่อยๆ ไม่กระดกรวดเดียวจนหมด และควรทิ้งช่วงห่างระหว่างกาแฟแต่ละแก้วอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเปลืองเงินค่ากาแฟ 2.ช่วงเวลาที่ดื่มกาแฟแล้วทำให้ตื่นตัวดีที่สุดคือ 9.30-11.30 น. ส่วนตัวเราเองจะดื่มกาแฟแก้วแรกช่วงประมาณ 05.30 นาที ก็พบว่าร่างกายจะรู้สึกตื่นตัวขึ้นขณะหนึ่งก่อนที่สายๆ ก็จะกลับมาง่วงใหม่ หลังจากดื่มกาแฟแก้วที่ 2 ในช่วงประมาณ 10 โมงเช้ารู้สึกว่าเป็นแก้วที่ทำให้เราตื่นตัวได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเพราะในช่วง 9.30-11.30 เป็นช่วงที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เป็นฮอร์โมนความเครียดในร่างกายถูกหลั่งออกมาน้อยที่สุด เมื่อเราดื่มกาแฟเข้าไปสารคาเฟอีนจึงสามารถออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างเต็มที่ การดื่มกาแฟในช่วงเวลาเหล่านี้จึงทำให้เราตื่นตัวได้ดีกว่านั่นเอง 3.ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 3 แก้ว หรือปริมาณคาเฟอีนวันละไม่เกิน 300-400 มิลลิกรัม นอกจากควรเว้นระยะห่างต่อแก้วอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงแล้วนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับกาแฟคือ ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 3-4 แก้ว สำหรับกาแฟกระป๋องขนาดมาตรฐานทั่วไปไม่ควรเกินวันละ 3 กระป๋อง โดยปริมาณคาเฟอีนที่ร่างกายควรได้รับไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัม เพราะถ้าหากเราดื่มมากไปกว่านี้จะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ปัสสาวะบ่อยมากกว่าปกติ (เพราะร่างกายพยายามกำจัดคาเฟอีนส่วนเกินออกจากร่างกาย) จนทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ 4.กาแฟอาจมีส่วนกระตุ้นให้ถ่ายหนักข้อนี้คอกาแฟหลายๆ ท่านอาจเป็น (รวมถึงเราด้วย) หลังจากการดื่มกาแฟอาจทำให้รู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ โดยเป็นลักษณะของการถ่ายหนักแบบทั่วไปไม่ใช่กลุ่มอาการของท้องเสีย ถ่ายเหลว การดื่มกาแฟแล้วถ่ายหนักเป็นเพราะคาเฟอีนมีส่วนกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่เกิดการบีบรัดตัวและขยับตัวมากขึ้นกว่าเดิมจนส่งผลให้เราอยากถ่ายท้องนั่นเองค่ะ หลายๆ คนอาจรู้สึกปวดมวนท้องหลังดื่มกาแฟสำเร็จรูป บางคนอาจมีอาการเหล่านี้เมื่อดื่มกาแฟที่คั่วบดสดใหม่ แตกต่างกันไปตามร่างกายของแต่ละบุคคล 5.กาแฟมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันมีผลการศึกษาหลายฉบับชี้ให้เห็นว่าคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้มากขึ้นได้ประมาณ 3-11% นั่นหมายถึงร่างกายจะเผาผลาญไขมันมากขึ้นกว่าระดับปกติ ส่วนตัวในช่วงที่ลดน้ำหนัก ลดไขมัน เราจะดื่มกาแฟดำยามเช้าก่อนออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันในระหว่างการออกกำลังกายและระหว่างวันได้ดีขึ้น แนะนำว่าให้ดื่มเป็นกาแฟดำเพียวๆ ไม่ใส่น้ำตาลหรือนมเพิ่มเพื่อให้เราได้รับประโยชน์จากคาเฟอีนแบบเต็มๆ ซึ่งกาแฟดำก็ช่วยให้เราจัดการน้ำหนักและลดไขมันได้อย่างเห็นผล เน้นย้ำว่าจะต้องควบคุมอาหารอื่นๆ ให้เหมาะสมและอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย 6.กาแฟช่วยลดความรู้สึกหิวได้ข้อนี้หลายๆ คนที่ดื่มกาแฟอาจรู้กันดีเลยค่ะเพราะหลังจากที่เราดื่มกาแฟจะรู้สึกได้เลยว่าอาการหิวจะลดน้อยลงอย่างประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะคาเฟอีนจะช่วยลดระดับการหลั่งของฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความหิวให้น้อยลง ส่งผลให้ความหิวของเราลดลงชั่วคราว สำหรับใครที่จำเป็นต้องควบคุมอาหารก็สามารถดื่มกาแฟดำเพื่อช่วยลดความหิวได้ ทั้งนี้เราก็ไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟดำเพื่อจะได้อดอาหาร กินน้อยๆ ไปเลยนะคะ เพราะอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะเนื่องจากกาแฟมีค่าความเป็นกรดอ่อนๆ และการอดอาหารนานๆ ยังทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดสารอาหารได้ด้วย 7.กาแฟเป็นสาเหตุทำให้เกิดคราบบนผิวฟัน ฟันเหลืองการดื่มพวกชากาแฟเป็นประจำจะส่งผลให้สารเคลือบฟันของเรากร่อนตัวลงได้ พร้อมกันในชา กาแฟ ยังเป็นเครื่องดื่มที่มีสีเข้มเนื่องจากมีสารที่ทำให้เกิดสีเยอะ เมื่อสารเหล่านี้จับตัวกับผิวฟันก็จะทำให้เกิดคราบเหลือง คราบสีได้ง่ายมาก ส่วนตัวเราเองก็มีปัญหาฟันเหลืองจากการดื่มกาแฟเหมือนกันค่ะ วิธีแก้ไขคือหลังจิบกาแฟให้เรากลั้วปากหรือดื่มน้ำเปล่าตามเพื่อล้างคราบสีที่ฟัน หรือสำหรับกาแฟเย็นให้เราใช้หลอดดูดกาแฟแทนการยกดื่มเพื่อลดการสัมผัสระหว่างกาแฟและหน้าฟัน 8.คุณสามารถแพ้คาเฟอีนได้เหมือนกันนะกาแฟอาจไม่ใช่เครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป เนื่องจากมีบางคนที่มีอาการแพ้คาเฟอีนเมื่อดื่มชาหรือกาแฟ โดยอาการที่สังเกตได้ คือ มีอาการคันตามผิว มีรอยบวมแดง มีผื่นขึ้น หายใจติดขัด หายใจไม่ออกและในขั้นรุนแรงอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับใครที่ไม่เคยดื่มกาแฟและไม่แน่ใจว่าตัวเองแพ้กาแฟหรือไม่ ให้เริ่มดื่มในปริมาณน้อยๆ และสังเกตอาการของตัวเองแล้วค่อยๆ ปรับเพิ่มความเข้มข้นของกาแฟมากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าดื่มแล้วรู้สึกถึงความผิดปกติควรหยุดดื่มทันทีหรือเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรฝืนดื่มต่อ 9.กาแฟช่วยลดความเครียดสะสมในร่างกายนอกไปจากจะทำช่วยให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัวแล้วนั้นกาแฟยังช่วยลดความเครียดอีกด้วย ข้อนี้เราเห็นว่าจริงสุดๆ โดยเฉพาะเมื่อเราได้กลิ่นหอมๆ ของกาแฟก็ช่วยทำให้เราสมองของเราปลอดโปร่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนเราจึงชอบเข้าร้านกาแฟ และอีกสาเหตุสำคัญคือคาเฟอีนจะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก ทำให้อาการปวดตึงศีรษะเพราะความเครียดค่อยๆ ลดลง 10.กาแฟอาจทำให้กระดูกของเราไม่แข็งแรง เพราะสารคาเฟอีนทำให้ร่างกายขับเอาแคลเซียมออกจากร่างกายมากขึ้นค่ะ ส่วนตัวเราดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วงนี้เวลาชั่งน้ำหนักกับเครื่องชั่งอัจฉริยะจะแจ้งว่ามวลกระดูกต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราดื่มกาแฟทุกวัน แต่กินอาหารอื่นๆ ที่เป็นแหล่งของแคลเซียมน้อย เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม หอยนางรม ผักใบเขียว ซึ่งทุกวันนี้เราก็พยายามดื่มนมทุกวัน เสริมด้วยผักใบเขียว 11.หากไม่อยากมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับควรดื่มกาแฟห่างกับเวลาเข้านอนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง นั่นเป็นเพราะกาแฟอาจส่งผลให้เราตื่นตัวได้นานถึง 6 ชั่วโมง ดังนั้นแล้วการดื่มกาแฟกระชั้นชิดกับเวลาเข้านอนมากไปอาจส่งผลให้เรานอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิท พอตื่นเช้ามาก็จะไม่ค่อยสดใส ส่วนตัวเราจะหยุดดื่มกาแฟเมื่อเข็มนาฬิกาวนเข้าช่วงบ่ายๆ ของวันเพื่อป้องกันอาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิทและนี่ก็เป็น 11 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกาแฟที่เรารวบรวมมาฝากกัน ส่วนตัวเราเป็นคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟผงแบบชงเอง กาแฟเม็ดและกาแฟจากร้านคาเฟ่ต่างๆ ยิ่งได้ดื่มนานขึ้นก็ยิ่งศึกษาข้อมูลวิธีการดื่มที่เหมาะสมมามากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่เคยดื่มกาแฟวันละ 3-4 แก้ว ก็ลดมาวันละ 1-2 แก้วเท่านั้น เน้นดื่มในตอนเช้าช่วง 9.00-10.00 น. เพื่อให้คาเฟอีนออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ เลี่ยงการดื่มกาแฟช่วงบ่ายและเย็นป้องกันการนอนหลับยากภาพหน้าปก ภาพที่1 โดย freepik จาก freepik แต่งด้วย canvaภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียนอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้