ต้นปีแบบนี้มีใครกำลังจะแพลนไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้างไหมคะ ส่วนเราพึ่งกลับจากเที่ยวแล้วได้ไปลองร้านดังของสิงคโปร์อย่างร้าน JUMBO Seafood จริง ๆ ในไทยก็มีสาขานะเราเคยไปลองทานพวกติ่มซำของเขา อร่อย ราคาดี แถมสุดยอดเรื่องการบริการ แต่เอาล่ะวันนี้ไหน ๆ ก็ได้ไปลองถึงประเทศต้นกำเนิดแล้ว เราก็ไม่พลาดที่จะนำมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านเช่นเดียวกัน ทำความรู้จักกับ JUMBO Seafood Jumbo Seafood เป็นร้านอาหารซีฟู้ดชื้อดังของสิงคโปร์ที่เปิดให้บริการครั้งแรกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1987 โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่ East Coast Seafood Centre ซึ่งจุดเด่นของ Jumbo Seafood คือการนำอาหารทะเลสด ๆ มาปรุงจึงทำให้อาหารแต่ละจานที่ออกจากครั้งมีรสชาติที่หวาน สด และใหม่ทุกจาน และสำหรับเมนูขึ้นชื่อของ JUMBO Seafood คือ ปูผัดพริกสิงคโปร์และปูพริกไทยดำ เรียกว่าเป็นเมนูที่ใครไปก็ต้องสั้งกันทุกโต๊ะเลยทีเดียว และปัจจุบัน Jumbo Seafood มีอยู่ด้วยกันหลายสาขาไม่ว่าจะเป็นสาขาในประเทศเองที่มีมากถึง 6 สาขา รวมไปถึงสาขาในประเทศจีน และอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วเอเชีย รวมถึงประเทศไทยเราด้วย รีวิว JUMBO Seafood สาขา Riverside Point อย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้นแล้วว่า JUMBO Seafood ในสิงคโปร์มีอยู่หลายสาขาด้วยกัน แต่เหตุผลที่เราเลือกสาขานี้คือ อยู่ใกล้ที่พัก เดินทางง่าย และที่สำคัญเราจะได้ชมวิวยามเย็นสวย ๆ ของแม่น้ำสิงคโปร์ แถมทานเสร็จยังมีมุมให้เดินถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ และสำหรับวันนี้เราไปทานกันทั้งหมด 7 คน (ผู้ใหญ่ 6 เด็ก 1) และสั่งอาหารมาทั้งหมด 6 เมนูด้วยกัน โดยทั้งหมดมีดังนี้ Singapore Chilli Crab (ปูผัดซอสพริกสไตล์สิงคโปร์) ปูสดซอสพริกที่น้ำซอสจะมีรสชาติ หวาน เปรี้ยว และเผ็ดเล็กน้อย ผสมผสานเครื่องเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 10 ชนิด บวกกับความหวานของเนื้อปูสด ๆ และความนัวของไข่ ทำให้ปูผัดจากนี้เป็นอะไรที่อร่อยลงตัว ถูกปากคนไทยแบบเรา ๆ แน่นอน ที่สำคัญนอกจากที่เราจะได้ลิ้มรสหวานของเนื้อปูสดแล้ว เรายังจะได้สัมผัสกับเนื้อปูแน่น ๆ ก้ามปูใหญ่ ๆ เอาจริง ๆ ว่าใหญ่กว่ามืออีก และสำหรับเมนูนี้ทางร้านจะมีปูให้เลือกถึง 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ปูอลาสก้า, ปูทะเล (Mud Crab) และ ปูดันเจเนสส์ (Dungeness crab) ส่วนเราของเลือกเป็น Mud Crab ค่ะ เพราะน่าจะถูกปากมากที่สุด และราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ไม่แรงจนเกินไป โดยราคาของปูทะเล หรือ Mud Crab จะแบ่งออกเป็น 2 ราคาด้วยกัน คือ น้ำหนักไปเกิน 1 กก. จะอยู่ที่ 10.80$ / 100 กรัม และ น้ำหนัก 1 กก. ขึ้นไป ราคาจะอยู่ที่ 11.80$ / 100 กรัม จานนี้เราเลือกเป็นปูไซซ์ 1.7 กก. ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 200.6$ โดยเป็นราคาที่รวมการนำไปปรุงเป็นอาหารแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการนำปูไปปรุงเป็นเมนูอะไรนอกจากนี้สำหรับเมนูปูผัดทุกจาน ทางร้านจะจัดเสิร์ฟมาพร้อมกับหมั่นโถทอด ที่ต้องบอกเลยว่า "โคตรอร่อย" หมั่นโถทอดร้อน ๆ กรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน จะกินเดี่ยว ๆ หรือจะทานคู่กับปูผัดก็เข้ากันสุด ๆ Singapore Signature Black Pepper Crab (ปูผัดพริกไทยดำสไตล์สิงคโปร์) ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบอะไรเผ็ด ๆ รสชาติร้อนแรง ไม่ควรพลาดจานนี้เลยค่ะสำหรับ Singapore Signature Black Pepper Crab (ปูผัดพริกไทยดำสไตล์สิงคโปร์) เพราะทางร้านสาดพริกไทยดำลงไปแบบไม่หวงเครื่อง เผ็ดร้อนถึงใจ สำหรับจานนี้เราก็เลือกเป็นปูทะเลไซซ์ 1.7 กก. เช่นเดียวกัน จึงทำให้จานนี้และ Singapore Chilli Crab มีราคาเท่ากัน แต่ต้องบอกเลยว่าเมนูปูผัดทั้ง 2 จานเป็นเหมือน มุนินทร์ มุตา กาสะลอง ซ้องปีบ ยังไงยังงั้นเลย แต่จานนี้ตัวซอสจะไม่มีน้ำจุ๊ส ๆ ให้จิ้มกับหมั่นโถเหมือนจานแรก และมีความแห้งมากกว่าแต่ซอสพริกไทยดำจะเคลือบอยู่บนตัวปูจนทั่ว ซึ่งเห็นแบบนี้หลายคนอาจจะกลัวไม่เข้าเนื้อใช่ไหมคะ เพราะกระดองและเปลือกของปูดูแข็งมาก ๆ แต่ต้องบอกเลยว่า เชฟปรุงซอสได้เข้มข้นมาก ๆ จึงทำให้จานนี้รสชาติไม่ดร็อปเลย ใครที่อยากลองเมนูปูผัด อยากให้ส่งทั้งผัดซอสพริกและผัดพริกไทยดำคู่กันไปเลยค่ะ Beancurd and Assorted Seafood Braised in Claypot (เต้าหู้รวมมิตรทะเลหม้อดิน) จานนี้คือจานที่ต้องสั่งเท่านั้น รสชาติเข้มข้น หอมเหล้าจีน หรือจะเรียกว่าเป็นรสชาติที่คุ้นเคย ถูกปากคนไทยอย่างเรา ๆ ก็ว่าได้ สำหรับเมนูตุ๋นหม้อดินหม้อนี้จะประกอบไปด้วยเต้าหู้ทอด, ปลาหมึก, กุ้ง, หอยเชลล์ และ เห็ดหอม ซึ่งเป็นคอมบิเนชั่นที่ลงตัวสุด ๆ รับรองว่า คุณต้องถูกใจจานนี้แน่นอน สำหรับราคาของ Beancurd and Assorted Seafood Braised in Claypot (เต้าหู้รวมมิตรทะเลหม้อดิน) หม้อนี้จะมีให้เลือก 3 ไซซ์ 3 ราคาด้วยกัน ได้แก่ 24$ สำหรับไซซ์ S, 36$ สำหรับไซซ์ M และ 48$ สำหรับไซซ์ L โดยในภาพจะเป็นหม้อไซซ์ S ค่ะ Asparagus Stir Fried with Scallops (หอยเชลล์ผัดหน่อไม้ฝรั่ง) สำหรับจานนี้เหมาะกับการเป็นจานเริ่มต้นมื้ออาหารสุด ๆ เพราะรสชาติไม่รุนแรง หรือไม่เข้มข้นจนเกินไป รสชาติกลม ๆ นวล ๆ หอมกระทะ บวกกับควรกรอบของหน่อไม้ฝรั่ง และความหวานของหอยเชลล์ทำให้จานนี้เป็นจานที่ลงตัวมาก ๆ นอกจากนี้สำหรับใครที่ไม่ชอบหน่อไม้ฝรั่งก็สามารถเลือกเป็นบล็อกโคลีแทนได้ ส่วนตัวแล้วคาดว่าก็คงอร่อยไม่แพ้กันแน่นอน และสำหรับ Asparagus Stir Fried with Scallops (หอยเชลล์ผัดหน่อไม้ฝรั่ง) จะมีให้เลือก 3 ไซซ์ 3 ราคา ได้แก่ S ราคา 36$, M ราคา 54$ และ 72$ สำหรับไซซ์ L โดยในภาพจะเป็นจานไซซ์ S ค่ะ Cod Fish Steamed with Preserved Radish and Diced Chilli (ปลาค็อดนึ่งซีอิ๊วราดไซโป้วดอง) จานที่คนชอบทานปลาควรต้องสั่ง โดยตัวปลาจะเป็นปลาค็อดหรือว่าปลาหิมะสด ๆ ชิ้นโตนำไปนึ่งซีอิ๊วแล้วราดด้วยไชโป้วดองและพริกสับสูตรเฉพาะของร้าน ที่มีรสชาติหวานเค็มอมเปรี้ยวเล็ก ๆ เมื่อนำมาราดบนชิ้นปลาที่มีรสชาติหวานมัน จึงทำให้จานนี้เป็นจานที่อร่อยลงตัวอีกจานนึงช่นกัน นอกจากนี้ตัวซีอิ๊วก็จะมีความใสรสชาติไม่เข้มข้นจนเกินไปจึงทำให้ไม่ปกลบรสชาติของปลา เรียกว่าเป็นการปรุงที่ชูวิตถดิบมาก ๆ และสำหรับราคาของ Cod Fish Steamed with Preserved Radish and Diced Chilli ก็จะมีเพียงราคาเดียวค่ะ คือ 30$ ต่อหนึ่งเสิร์ฟ Supreme seafood fried rice โต๊ะจีนจะเป็นโต๊ะจีนไม่ได้ถ้าไม่ปิดท้ายด้วยข้าวผัด จานนี้ไม่มีอะไรมากค่ะก็เรียกว่าเป็นข้าวผัดดี ๆ จานนึงเป็นข้าวผัดที่หาได้ในร้านอาหารจีนทั่วไป แต่มันถือว่าเป็นเมนูที่ปิดมืออาหารได้ดีมาก ๆ สำหรับคนไทยแบบเรา ๆ สำหรับเมนูก็มีให้เลือก 3 ขนาดเช็นเดียวกัน ได้แก่ S, M และ L โดยมีราคาอยู่ที่ 24$, 36$ และ 48$ รายละเอียดทางร้าน JUMBO Seafood Riverside Point เปิดให้บริการทุกวัน 11:30 - 23:00 น. โทร: +65 6532 3435 Google Map: 30 Merchant Rd, #01-01/02 Riverside Point, สิงคโปร์ 058282 Website: https://www.jumboseafood.com.sg/ แนะนำให้จอง เครดิตภาพปก ภาพประกอบ เครดิตภาพปก: Facebook JUMBO Seafood Riverside Point, ภาพจากผู้เขียน ภาพประกอบ: ภาพประกอบทั้งหมดจากผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !