เมื่อพูดถึงปลา ฉิ้งฉ้าง เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเพื่อนชาวปักใต้ เพราะถือได้ว่าปลาชนิดนี้อยู่คู่กับสำรับกับข้าวของชาวใต้มาช้านาน :ปละกะตัก (ปลาฉิ้งฉ้าง) ตัวเป็นๆในน้ำทะเลที่เกาะพีพี (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักผู้เขียนจะขอเล่าพอสังเขป ปลาฉิ้งฉ้าง บางที่เรียก จิ้งจั้ง บางที่เรียกชิงชัง เป็นปลากะตักตัวเล็กเรียวๆ ขนาดไม่เกิน 10 เซ็นติเมตร ข้างลำตัวมีแถบสีเงินเรืองแสงวับๆ แวมๆ อาศัยรวมกันเป็นฝูงพบมากในทะเลฝั่งอันดามัน ชาวเลมักนำปลาชนิดนี้มาต้มกับน้ำเกลือแล้วนำมาตากให้แห้ง เก็บไว้กินคู่เมนูไหนก็ดูจะเข้ากันได้ดีไปหมด บางบ้านนำมาขายเป็นทั้งรายได้หลักและรายได้เสริม เลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ :ปลาฉิ้งฉ้างตากแห้งพร้อมจะนำมาประกอบอาหาร (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) สำหรับชาวเกาะพีพีแล้ว ปลาฉิ้งฉ้างที่อร่อยและถูกปากที่สุดจะต้องมาจากเกาะยาว จ.พังงา นอกจากจะได้ปลาที่สดใหม่แล้ว ความพิเศษของปลาฉิ้งฉ้างที่นี่คือจะไม่เค็มมาก สะอาด ราคาไม่แพงมาก ตกกิโลกรัมละ 130-200 บาท แล้วแต่ช่วงปลาหาได้มากหรือน้อย :ปลาฉิ้งฉ้างตากแห้งพร้อมจะนำมาประกอบอาหาร (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) คงสงสัยกันแล้วสินะ ว่าไอ้ปลาตัวเล็กๆ นี่มันทำอะไรกินได้บ้าง ผู้เขียนก็ต้องขอบอกเลยว่าถึงตัวจะเล็กแต่เมนูนั้นถือว่าไม่เล็กกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะทอด กรอบๆ กินกับข้าวสวย ข้าวต้ม หรือข้าวเหนียวแบบคนอีสานก็เข้าที บางคนไม่ชอบเค็มพอทอดเสร็จแล้วอาจจะโรยน้ำตาลทรายสักเล็กน้อย รสชาติจะออกเค็มๆ หวานๆ ทานคู่กับทุกเมนูได้อย่างลงตัว นอกจากนั้นแล้ว ยังสามารถนำมาใส่ต้มโคล้งปลากรอบ ยำปลาฉิ้งฉ้างใส่มะม่วงเปรี้ยว ตำเป็นน้ำพริก ทานกับสารพัดผัก ก็อร่อยจนต้องตักข้าวเพิ่มกันเลยทีเดียว :ปลาฉิ้งฉ้างที่แกะหัวแกะใส้ออกแล้ว (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) วันนี้ผู้เขียนมีวิธีทำน้ำพริกปลาฉิ้งฉ้าง ง่ายๆ สูตรของผู้เขียนเอง มาฝากทุกท่านกันด้วย วัตถุดิบที่ต้องเตรียมมีดังนี้ 1.พระเอกของเรา ปลาฉิ้งฉ้างแกะหัวและใส้แล้ว 1 ถ้วยเล็ก 2.พริกป่น(ตามชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย) 3.กะปิ 4 ช้อนโต๊ะ 4.น้ำมะขามเปียก 10 ช้อนโต๊ะ 5.น้ำตาลทราย 1 ถ้วย หรือ ประมาณ 20 ช้อนโต๊ะ 6.น้ำมันพืชสำหรับทอด :ปลาฉิ้งฉ้างทอดกรอบ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) วิธีทำ. 1.นำปลาฉิ้งฉ้างที่แกะแล้วมาทอดจนกรอบ ตักพักไว้ 2.ตั้งกะทะบนไฟอ่อนๆ ใส่น้ำมันพืชลงไป 3 ช้อนโต๊ะ ใส่พริกป่นลงไปผัดจนกลิ่นหอม หรือสังเกตุสีของพริกป่นจะเข้มขึ้น จากนั้นใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาล กะปิ ลงไปผัดรวมกันจนส่วนผสมทุกอย่างละลายเข้ากันดี ชิมรสชาติ จะออกหวาน เค็ม เผ็ด เปรี้ยว ถ้ายังไม่เค็มอาจจะเติมเกลือหรือน้ำปลาได้ แต่ทั้งนี้ควรคำนึงถึงว่าปลาฉิ้งฉ้างพระเอกของเรานั้นมีรสเค็มอยู่แล้ว จึงควรปรุงให้อ่อนเค็มเอาไว้ก่อน ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้วชิมรสชาติ กลมกล่อมก็เป็นอันใช้ได้ ยกลงจากเตาพักไว้ให้น้ำพริกเย็น :น้ำพริกที่ผัดจนได้ที่ยกลงพักไว้ให้เย็น (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) 3.ปลาฉิ้งฉ้างที่ทอดพักไว้ เอาใส่ครกตำพอหยาบๆ อย่าให้ละเอียดมาก ให้คงความเป็นตัวปลาเวลาตักน้ำพริก :ตำปลาฉิ้งฉ้างแบบหยาบๆ พอบุบ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) 4.ใส่ปลาฉิ้งฉ้างที่โขลกเสร็จลงไปในน้ำพริก คนให้เข้ากัน เท่านี้เราก็ได้น้ำพริกปลาฉิ้งฉ้างในแบบฉบับของเราไว้ทานกับข้าวสวย หรือข้าวเหนียวร้อนๆ กันแล้ว ท่านใดที่ชอบหอมเจียวหรือกระเทียมเจียวก็สามารถเติมลงไปได้เพื่อเพิ่มความหอมและเพิ่มรสสมุนไพร ถ้าทานไม่หมดแนะนำให้ตักใส่กระปุกเก็บไว้ จะแช่หรือไม่แช่ตู้เย็นก็ไม่เสีย แต่ถ้านานเกินไปน้ำพริกก็อาจจะขึ้นราได้เพราะเราไม่ได้ใส่สารกันบูด แต่ถ้าแช่ตู้เย็นก็เก็บไว้ได้นานเป็นเดือนเลยทีเดียว :ใส่ปลาฉิ้งฉ้างที่โขลกหยาบๆ ลงในน้ำพริกที่พักไว้ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) :หน้าตาน้ำพริกปลาฉิ้งฉ้างที่เสร็จสมบูรณ์พร้อมเสริฟ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)