เริ่มต้นปิดเทอมวันหยุดหน้าร้อนปีนี้ ผมได้พาลูกๆ เดินทางจากจังหวัดขอนแก่นไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งในสวนมีการปลูกผลไม้ไว้หลายชนิด ที่ได้ทานกันแน่ๆ คือ มะม่วง และกล้วยหลากหลายสายพันธ์ุ แต่เป้าหมายหลักของการมาสวนกันวันนี้ของพวกเราไม่ได้มาเก็บมะม่วง หรือกล้วยกันนะครับ แต่เป็นผลไม้ที่เมื่อตอนผลสุก จะมีลูกสีเหลืองอมส้ม เช่นเดียวกันกับมะม่วง ส่วนขนาดผลนั้นก็พอ ๆ กับไข่ไก่ ใช่เลยครับ มันคือ "มะยงชิด" ที่คุณตาได้ปลูกเอาไว้จำนวนหนึ่งต้นถ้วน...ครับไม่ได้พิมพ์ผิด มีหนึ่งต้นในสวน พอมาถึงพวกเราก็จัดแจงหาบันใดสูง ๆ มาปีนขึ้นไปเก็บ พร้อมช่วยกันส่งต่อกันลงไปรวบรวมไว้ในตะกร้าที่เตรียมมา ตามที่คาดการณ์คือ เราเก็บมะยงชิดได้แทบเต็มเข่งจากต้นมะยงชิดต้นเดียวนี้ เราไม่ได้ชั่งนำหนักเพื่อวัดดูนะครับ คาดว่าน่าจะใกล้เคียง 8 - 9 กิโลกรัม ลูก ๆ พากันอมยิ้มกันเลยทีเดียว ผมบอกลูก ๆ ว่า ทานได้เต็มทีนะ ส่วนเรื่องน้ำตาลเกินก็เดี๋ยวพ่อพาไปออกกำลังกายเอาตามวันหลังแล้วกันนะ ฮ่า ๆ พอนำกลับมาถึงบ้านคุณแม่ก็ได้บรรจงปอกเปลือก แล้วใช้มีดแกะสลักผักและผลไม้เอามาคว้านเมล็ดออกให้ลูก ๆ เพื่อป้องกันไม่เมล็ดหลุดติดคอ และทานได้ง่ายครับ และแล้วเราก็ถึงเหตุต้นเรื่องในหัวข้อบทความ "มะยงชิด กับ มะปราง แตกต่างกันมั้ย" เพราะขณะที่ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย คุณแม่ก็บอกลูก ๆ ว่า จะมีผลไม้ที่หน้าตาคล้ายกันนี้ คือ "มะปรางหวาน" แต่จะมีรสชาติ และรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกันอยู่นะ ทันใดนั้นลูก ๆ รีบเปิด GOOGLE ค้นหาภาพในมือถือดู ก็ต้องพากันร้องว้าว เพราะผลไม้ทั้งสองนี้มีความคล้ายกันมาก หากเพื่อน ๆ สนใจที่จะแยกผลไม่สองอย่างนี้ออก ก็อ่านต่อกันได้เลยครับ มะยงชิด และ มะปรางเป็นผลไม้ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน (วงศ์ Anacardiaceae) ทำให้มีลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกันมาก จนหลายคนมักสับสน แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้านที่ช่วยให้เราแยกแยะได้ง่ายขึ้นครับ ข้อแตกต่างของมะยงชิดและมะปราง 1. ขนาดและรูปทรง มะยงชิด: โดยทั่วไปแล้วจะมี ขนาดผลใหญ่กว่า มะปราง รูปทรงกลมมนคล้ายไข่ไก่หรือไข่เป็ด มะปราง: มักจะมี ขนาดผลเล็กกว่า และมีรูปทรงเรียวกว่ามะยงชิด 2. สีของผล มะยงชิด: ผลดิบมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกแล้วจะมี สีเหลืองอมส้ม หรือเหลืองเข้มสดใส มะปราง: ผลดิบมีสีเขียวซีด เมื่อสุกแล้วจะมี สีเหลืองนวล อ่อนกว่ามะยงชิด 3. รสชาติ มะยงชิด: มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์คือ หวานอมเปรี้ยว หรือหวานนำแต่มีรสเปรี้ยวปลายลิ้นเล็กน้อย ทำให้รู้สึกสดชื่น มะปราง: ส่วนใหญ่จะมี รสชาติหวาน ละมุน บางสายพันธุ์อาจหวานจัด หรือบางสายพันธุ์อาจมีรสเปรี้ยวมาก (มะปรางเปรี้ยว) 4. เนื้อและเมล็ด มะยงชิด: มีเนื้อเยอะ และ เมล็ดลีบเล็ก ทำให้ทานได้เต็มคำ มะปราง: มีเนื้อน้อยกว่า และ เมล็ดใหญ่กว่า มะยงชิด 5. ยางและเปลือก มะยงชิด: โดยทั่วไปแล้ว ไม่มียาง ที่ทำให้คันคอหรือระคายเคืองเมื่อรับประทาน และสามารถทานได้ทั้งเปลือก มะปราง: บางสายพันธุ์ อาจมียาง ที่ทำให้รู้สึกฝาดหรือระคายคอได้เมื่อทานในปริมาณมาก หรือหากทานไม่ถูกวิธี 6. กลิ่น มะยงชิด: ผลสุกจะมี กลิ่นหอมหวาน ที่ค่อนข้างชัดเจน มะปราง: ผลสุกมี กลิ่นหอมอ่อนๆ 7. ราคา มะยงชิด: โดยทั่วไปแล้วจะมี ราคาสูงกว่า มะปราง เนื่องจากเป็นที่นิยมและมีความต้องการสูง มะปราง: จะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า หากสรุปง่ายๆ ให้จำไว้ว่า มะยงชิด ลูกใหญ่ สีเหลืองอมส้ม รสหวานอมเปรี้ยว เมล็ดลีบ ไม่มียาง ราคาแพง มะปราง ลูกเล็ก สีเหลืองนวล รสหวานจัด (หรือเปรี้ยวจัด) เมล็ดใหญ่ บางพันธุ์มียาง ราคาถูกกว่า แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ทั้งมะยงชิดและมะปรางต่างก็เป็นผลไม้หน้าร้อนที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยส่วนตัวครอบครัวพวกเราชอบรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยของมะยงชิดกันมาก ทานแล้วรู้สึกสดชื่น จึงมีแผนที่จะขยายพันธุ์มะยงชิดต้นนี้ เพื่อปลูกในสวนเพิ่ม และอาจจะได้มีโอกาสแบ่งปัน หรือขายหารายได้ในอนาคตได้ด้วยครับ ภาพประกอบ โดยผู้เขียนบทความ หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !