ไมโครกรีน Microgree เป็นผักอีก 1 ทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับคนที่ชอบทานผักปลอดสารพิษ ผักที่เราสามารถปลูกทานเอง คนที่มีพื้นที่เล็ก ๆ เพราะไมโครกรีนเป็นการเพาะเมล็ด และนิยมนำมารับประทานในช่วงระยะเริ่มต้นของการงอกจนระยะต้นกล้าที่มีใบเลี้ยงคู่แท้ที่สมบรูณ์ ซึ่งแยกประเภทได้ 3ประเภท ดังนี้ ผักงอก ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ต้นอ่อน ได้แก่ ถั่วงอก ต้นอ่อนผักบุ้ง ต้นอ่อนทานตะวัน ต้นอ่อนหัวไชเท้า ไมโครกรีน เป็นช่วงการเจริญเติบโตหลังจาากต้นอ่อนจนมีใบเลี้ยงคู่แท้ที่สมบรูณ์ ประมาณ 7 - 10 วัน เป็นผักที่อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ มากกว่าพืชชนิดเดียวกันที่เติบโตเต็มที่ (ภาพประกอบโดย Chanapra.2468) วันนี้เราจะมานำเสนอการปลูกต้นอ่อนผักบุ้งซึ่งเป็นผักในครัวที่นิยมในครัวเกือบทุกบ้าน นอกจากอร่อย แล้วยังมีประโยชน์มากมายซึ่งมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้เลยค่ะ ขั้นตอนที่ 1 ล้างเมล็ดผักบุ้งให้สะอาด แล้วนำเมล็ดแช่ในน้ำ อย่างน้อย 12 ชั่วโมง ขั้นตอนที่ 2 นำเอาเมล็ดมาห่อผ้า เพื่อรักษาความชื้น คลุมผ้าไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง เมล็ดจะเริ่มงอก (ภาพประกอบโดย Chanapra.2468) ขั้นตอนที่ 3 เตรียมดินสำหรับเพาะปลูกในภาชนะ (ภาชนะรีไซเคิลก็ได้) สูงประมาณ 4-5 นิ้ว วางความหนาของดินไม่เกิน 1 นิ้ว ให้นำเมล็ดเอาโปรยลงไปในภาชนะที่เตรียมดินเอาไว้ เกลี่ยให้เต็มพื้นที่ โรยลงไปแค่พอเหมาะ ขั้นตอนที่ 4 ให้โรยขุยมะพร้าวกลบทับบาง ๆ อีกชั้น เพื่อช่วยกักเก็บความชื้น รดน้ำทุกวัน ภาชนะที่เพาะต้นอ่อนผักบุ้งต้องวางอยู่ในร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ได้รับแสงแดดรำไร ขั้นตอนที่ 5 ในวันที่ 2 -3 เมล็ดจะเริ่มงอกออกมาเป็นราก ยาวประมาณ 1-2 นิ้ว (ภาพประกอบโดย Chanapra.2468) วันที่ 4-5 ต้นอ่อนจะเริ่มโตขึ้นความยาวประมาณ 4-5 นิ้ว เริ่มมีใบเขียว แต่จะมีเปลือกเกาะอยู่เยอะตามยอดต้นอ่อน เราจะต้องดึงเปลือกออก (ภาพประกอบโดย Chanapra.2468) วันที่ 8 ต้นอ่อนผักบุ้งจะเริ่มโตขึ้น สามารถตัดทานได้แล้วค่ะ (ภาพประกอบโดย Chanapra.2468) ประโยชน์ของการปลูกผักไมโครกรีน ใช้พื้นที่ในการปลูกน้อย ปลูกง่าย มีพันธุ์พืชให้เลือกมากมาย รสชาติดี มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ปลอดภัยจากสารเคมีและสารพิษ มีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าผักชนิดเดียวที่เติมโตเต็มที่แล้ว ขั้นตอนแสนง่ายเพียงเท่านี้ ก็ทำให้เราก็ได้ต้นอ่อนผักบุ้งที่ปลอดสารพิษ อร่อย และมีประโยชน์มากมายมาประกอบอาหารให้ได้ทานในครอบครัวแล้วละคะ