9 ทริครักษาคุณค่าทางอาหาร ในผักและผลไม้ ตามธรรมชาติที่มีอยู่ มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในทุกวันนี้หลายคนให้ความสำคัญกับการเลือกกินผักและผลไม้มากขึ้น แต่กลับละเลยวิธีจัดการหลังจากซื้อมา ซึ่งมีผลต่อคุณค่าทางอาหารไม่แพ้กันค่ะ โดยเรามักเห็นการแชร์เคล็ดลับล้างผัก หั่นผัก หรือปรุงอาหารในโซเชียลมีเดีย แล้วทำตามกันโดยไม่ได้ตั้งคำถามว่า วิธีเหล่านั้นเหมาะกับธรรมชาติของวัตถุดิบจริงหรือไม่ ที่บางคนปอกเปลือกทุกครั้งเพราะคิดว่าสะอาดกว่า บางคนลวกผักนานเพราะเชื่อว่ายิ่งสุกยิ่งปลอดภัย หรือบางคนแช่ผักในน้ำข้ามคืนเพราะอยากให้กรอบขึ้น ทั้งที่พฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจทำให้สารอาหารสำคัญในผักผลไม้ค่อยๆ หายไปโดยไม่รู้ตัวนะคะ ซึ่งความเข้าใจผิดเหล่านี้เกิดจากการที่เรามองความสะอาดเป็นจุดหมายสูงสุดของการเตรียมอาหาร แต่ลืมคิดว่าความสดและคุณค่าทางธรรมชาติของผักผลไม้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งจริงๆ แล้วการรักษาคุณค่าของอาหาร ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือยุ่งยากเกินไปเลยค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่า จะทำยังไงดีให้ผักและผลไม้ของเรายังคงมีคุณค่าทางอาหาร แลมีความปลอดภัยด้วยในเวลาเดียวกัน โดยเมื่อเราหันกลับมาใส่ใจในรายละเอียดที่ผู้เขียนจะได้พูดถึงต่อไปนี้ คุณผู้อ่านจะพบว่าการกินดีไม่ได้อยู่ที่การทำตามใคร แต่เริ่มจากการเข้าใจธรรมชาติของอาหารด้วยตัวเราเองค่ะ และต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จำเป็นต้องรู้นะคะ 1. อย่าปอกเปลือกโดยไม่จำเป็น การปอกเปลือกผักผลไม้โดยไม่จำเป็นเป็นพฤติกรรมที่หลายคนอาจทำจนชิน แต่รู้ไหมคะว่าบริเวณเปลือกนั้น กลับอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การปอกเปลือกทิ้งจึงเท่ากับการลดคุณค่าทางอาหารโดยไม่รู้ตัว ที่หลายคนทำเป็นปกติ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการล้างให้สะอาดก่อนรับประทานค่ะ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่ปลูกด้วยวิธีทั่วไป ควรแช่ในน้ำเกลืออ่อนหรือน้ำผสมเบกกิ้งโซดา แล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาด เพื่อขจัดคราบสารเคมีและสิ่งสกปรก หากเป็นผักผลไม้จากแหล่งเกษตรอินทรีย์ เราสามารถกินพร้อมเปลือกได้อย่างมั่นใจมากขึ้น การไม่ปอกเปลือกนอกจากจะช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารแล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ในครัวเรือน และเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนความใส่ใจต่อทั้งสุขอนามัยของเราและสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วยค่ะ 2. อย่าลดความขมจนหมด หลายคนมักพยายามล้างหรือลวกผักจนรสขมจางหายไป เพราะกลัวว่ากินแล้วจะไม่อร่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วรสขม คือ เสน่ห์เฉพาะตัวของผักพื้นบ้านไทยหลายชนิดที่สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบ เช่น มะระ สะเดา การลดความขมจนหมดทำให้รสชาติของอาหารขาดมิติและเอกลักษณ์เดิมไปอย่างน่าเสียดาย รสขมจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด แต่เป็นรสที่ช่วยเติมสมดุลให้กับมื้ออาหาร ให้มีทั้งหวาน มัน เค็ม เปรี้ยว และขมอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนค่ะ การเรียนรู้ที่จะยอมรับและค่อยๆ ชินกับรสขม จึงเป็นการฝึกให้เราเปิดรับรสธรรมชาติของอาหารมากขึ้น บางครั้งการปล่อยให้มีรสขมเล็กน้อยยังช่วยให้จานอาหารมีเสน่ห์มากขึ้น โดยเฉพาะในเมนูไทยโบราณที่ตั้งใจให้มีรสนี้เป็นตัวตัดรสอื่น เช่น แกงเลียง แกงป่า หรือผักแนมกับน้ำพริก การไม่ลดความขมจนหมดจึงไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่เป็นการเคารพธรรมชาติของวัตถุดิบ และสะท้อนความตั้งใจของคนปรุงที่รู้จักหยุดพอดี ระหว่างความอร่อยกับความเป็นจริงของอาหารบนจานค่ะ 3. ลวกให้สุกพอดี ไม่เดือดจนนิ่ม การลวกผักให้สุกพอดีเป็นศิลปะเล็กๆ น้อยๆในครัว ที่บ่งบอกถึงความใส่ใจของคนทำอาหารค่ะ เพราะถ้าลวกจนผักนิ่มเกินไป สีจะหม่น เนื้อจะเละ และรสสัมผัสจะหายไปทันที ผักที่ลวกพอดีจะยังมีความกรอบ สีสด และกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้จานอาหารดูน่ากินมากขึ้น เทคนิคง่ายๆ คือ ใช้น้ำเดือดจัดแต่ใส่ผักลงเพียงสั้นๆ ไม่กี่สิบวินาที แล้วรีบตักขึ้นทันที การทำแบบนี้จะช่วยล็อกสี และรักษารสธรรมชาติของผักไว้ในตัว ไม่ว่าจะเป็นคะน้า ถั่วฝักยาว หรือผักบุ้ง หลังจากลวกเสร็จแล้ว การแช่ผักในน้ำเย็นหรือน้ำใส่น้ำแข็งสักครู่จะช่วยหยุดความร้อน ทำให้ผักยังคงความกรอบน่ากินและไม่สุกต่อเกินจำเป็น วิธีนี้ยังเหมาะกับการเตรียมผักสำหรับน้ำพริกหรือสลัดที่ต้องการความสดใหม่ การลวกพอดีจึงไม่ใช่เพียงเรื่องเทคนิค แต่เป็นการฝึกให้เรารู้จังหวะและความพอดีของอาหารในแบบที่ทั้งดูดี รสชาติดี และรักษาความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบค่ะ 4. เก็บผลไม้ที่ยังไม่สุกแยกจากผลไม้สุก การเก็บผลไม้ที่ยังไม่สุกแยกจากผลไม้ที่สุกแล้วเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายบ้านมักมองข้ามค่ะ แต่จริงๆ แล้วเป็นเคล็ดลับสำคัญในการยืดอายุผลไม้ให้อยู่ได้นานขึ้น เพราะผลไม้ที่เริ่มสุกจะปล่อยก๊าซเอทิลีนออกมา ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติที่ช่วยเร่งให้ผลไม้อื่นๆ รอบข้างสุกตาม หากเราเก็บผลไม้สุกกับผลไม้ดิบไว้รวมกัน เช่น วางกล้วยสุกใกล้มะม่วงหรือฝรั่งที่ยังแข็ง ผลไม้ดิบเหล่านั้นจะสุกเร็วผิดปกติ บางครั้งยังเกิดรอยช้ำหรือเปลี่ยนสีเร็วกว่าที่ควร การแยกเก็บจึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยควบคุมความสุกให้พอดีและลดการสูญเสียโดยไม่ต้องใช้สารใดๆ เลย เคล็ดลับคือให้เก็บผลไม้ที่ยังดิบไว้ในตะกร้าที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ส่วนผลไม้สุกควรเก็บในที่อุณหภูมิเย็นหรือแช่ในตู้เย็นช่องผลไม้โดยแยกถุงกันอย่างชัดเจน หากต้องการเร่งให้ผลไม้สุกบ้าง เช่น มะม่วงหรืออะโวคาโด ก็สามารถวางใกล้ผลไม้สุกอย่างกล้วยหรือแอปเปิ้ลได้ชั่วคราว เมื่อได้ระดับความสุกที่ต้องการแล้วจึงแยกออกทันที การจัดเก็บอย่างเข้าใจธรรมชาติของผลไม้เช่นนี้ นอกจากช่วยลดการสูญเสีย ยังทำให้เราสนุกกับการกินผลไม้ในจังหวะที่อร่อยและสดใหม่ที่สุดค่ะ 5. หั่นชิ้นใหญ่ก่อนปรุง การหั่นผักหรือผลไม้เป็นชิ้นใหญ่ก่อนปรุง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคเล็กๆ ที่ช่วยให้อาหารดูน่ากินและคงความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบไว้ได้มากที่สุดค่ะ เพราะยิ่งเราหั่นชิ้นเล็กเท่าไร พื้นที่สัมผัสกับอากาศก็จะมากขึ้น ทำให้เนื้อผักหรือผลไม้แห้งเร็ว สูญเสียความสด และเกิดการเปลี่ยนสีได้ง่าย โดยเฉพาะผักใบเขียวหรือผลไม้ที่มีเนื้ออ่อน เช่น มะเขือเทศ แตงกวา หรือแอปเปิล หากหั่นไว้ล่วงหน้านานเกินไป สีและรสชาติจะจืดลงทันที การหั่นชิ้นใหญ่ก่อนปรุงจึงช่วยให้เราควบคุมทั้งเนื้อสัมผัสและความสวยงามของอาหารได้ในจานเดียว นอกจากนี้การหั่นชิ้นใหญ่ยังช่วยให้วัตถุดิบคงกลิ่นและรสตามธรรมชาติได้ดีกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องผ่านความร้อน เช่น ผัด แกง หรือต้ม เพราะเมื่ออาหารโดนไฟ ชิ้นใหญ่จะไม่เปื่อยเร็วและยังคงรสเดิมไว้ได้ การหั่นแบบนี้ยังทำให้เรารับรู้ถึงเนื้อแท้ของวัตถุดิบมากขึ้น เห็นเส้นใย เห็นสี และรู้สึกถึงความกรอบนุ่มในแบบธรรมชาติ ที่เป็นเสน่ห์ของการทำอาหารอย่างเข้าใจวัตถุดิบ ซึ่งทำให้จังหวะของการปรุงที่ไม่เร่งเกินไป ไม่ละเอียดเกินไปค่ะ 6. เก็บในตู้เย็นอย่างถูกวิธี การเก็บผลไม้ในตู้เย็นอย่างถูกวิธีช่วยยืดอายุความสดและป้องกันการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ผลไม้แต่ละชนิดมีลักษณะการเก็บที่ต่างกัน เช่น ผลไม้ที่สุกง่ายอย่างกล้วยหรือมะม่วงไม่ควรแช่ในตู้เย็น เพราะจะทำให้ผิวดำและเนื้อเสียรส ส่วนผลไม้ที่เนื้อนิ่ม เช่น องุ่น สตรอว์เบอร์รี หรือแตงโม ควรเก็บในกล่องปิดสนิทหรือถุงซีลเพื่อรักษาความชื้น ไม่ให้กลิ่นกระจายไปยังอาหารอื่น การจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ โดยแยกผลไม้แต่ละชนิดในช่องล่างของตู้เย็น ซึ่งมีอุณหภูมิคงที่และความชื้นเหมาะสม จะช่วยคงความสดได้นานขึ้น และอีกเทคนิคสำคัญ คือ ไม่ควรล้างผลไม้ก่อนแช่ เพราะความชื้นที่ติดอยู่จะเร่งการเน่าเสีย ควรล้างเฉพาะตอนจะรับประทานเท่านั้น หากจำเป็นต้องล้างก่อน ให้เช็ดให้แห้งสนิทแล้วเก็บในกล่องที่มีรูระบายอากาศ นอกจากนี้ควรตรวจดูผลไม้เป็นประจำ หากมีลูกใดเริ่มนิ่มหรือมีกลิ่นให้รีบแยกออกทันที เพื่อป้องกันการลามไปยังลูกอื่น การเก็บในตู้เย็นอย่างถูกวิธีจึงไม่ใช่แค่การยืดอายุอาหาร แต่ยังเป็นการจัดการอย่างมีระบบ ช่วยให้ครัวดูสะอาด เป็นระเบียบ และหยิบใช้ได้สะดวกในทุกวันค่ะ 7. หลีกเลี่ยงการแช่ผักในน้ำเป็นเวลานาน การแช่ผักในน้ำนานเกินไปเป็นสิ่งที่หลายคนทำ โดยไม่รู้ว่ามีผลต่อคุณภาพของผักโดยตรง เพราะแม้จะช่วยให้ผักดูสดขึ้นในช่วงแรก แต่การแช่ไว้นานเกินจำเป็นกลับทำให้เนื้อผักอมน้ำ เนื้อยุ่ย และสูญเสียกลิ่นรสตามธรรมชาติไป บางครั้งยังทำให้ผักดูซีดเหมือนโดนลวก โดยเฉพาะผักใบเขียว เช่น ผักกาด คะน้า หรือผักบุ้ง ที่จะเหี่ยวเร็วและไม่กรอบเหมือนเดิม นอกจากนี้การแช่น้ำนานยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมของสิ่งปนเปื้อนในน้ำ หากไม่ได้เปลี่ยนน้ำบ่อยๆ ทางที่ดีคือควรล้างผักให้สะอาดด้วยน้ำไหลหรือแช่เพียงระยะสั้น 10–15 นาทีในน้ำผสมเกลือหรือน้ำส้มสายชู แล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนผึ่งให้แห้งค่ะ การล้างแบบนี้ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสารตกค้างได้ โดยไม่ทำให้เนื้อผักเสียหรือรสจืดเกินไป การหลีกเลี่ยงการแช่ผักในน้ำเป็นเวลานาน จึงไม่เพียงช่วยรักษาความกรอบและสีสวยของผักเท่านั้นนะคะ แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผักที่เรานำมาปรุงอาหารคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างดีที่สุดค่ะ 8. ใช้ไฟอ่อนหรือปรุงด้วยไอน้ำ การใช้ไฟอ่อนหรือปรุงด้วยไอน้ำเป็นวิธีทำอาหาร ที่ช่วยรักษารสชาติและรูปลักษณ์ของวัตถุดิบไว้ได้อย่างนุ่มนวลค่ะ โดยเฉพาะในเมนูที่ต้องการความละเอียด เช่น ผักนึ่ง ปลานึ่ง หรืออาหารไทยบางชนิดที่เน้นความหอมของเครื่องปรุง การใช้ไฟอ่อนช่วยให้รสของอาหารค่อยๆ พัฒนาโดยไม่ไหม้หรือแข็งกระด้างเกินไป อีกทั้งยังทำให้กลิ่นและเนื้อสัมผัสออกมาละมุนเป็นธรรมชาติ วิธีนี้จึงเหมาะกับอาหารที่ต้องการความอ่อนโยนและคุมอุณหภูมิได้ดี เช่น การตุ๋นหรือเคี่ยวที่ต้องใช้เวลาแต่ไม่เร่งไฟ ส่วนการปรุงด้วยไอน้ำเป็นเทคนิคที่ช่วยให้อาหารสุกทั่วถึงโดยไม่ต้องสัมผัสน้ำโดยตรง จึงยังคงความชุ่มฉ่ำและรูปลักษณ์ที่สวยงาม เหมาะกับเมนูที่ต้องการความเบา เช่น ผักนึ่ง ซาลาเปา หรือปลานึ่งสมุนไพร การใช้ไฟอ่อนและไอน้ำไม่เพียงสะท้อนความใส่ใจในรายละเอียดของคนปรุง แต่ยังสื่อถึงแนวคิดครัวพอดีที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความอดทน และการปรับสมดุลระหว่างความร้อนกับเวลา จนได้อาหารที่ดูธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจค่ะ 9. กินผักและผลไม้หลากสีร่วมกัน การกินผักและผลไม้หลากสีร่วมกันไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามของจานอาหารค่ะ แต่ยังเป็นวิธีสร้างความสมดุลให้กับรสชาติและจังหวะการกินในแต่ละวัน เพราะแต่ละสีมีเอกลักษณ์ของรส กลิ่น และสัมผัสที่ต่างกัน การจัดจานให้มีทั้งสีเขียว เหลือง แดง ม่วง หรือส้ม ช่วยให้มื้ออาหารดูมีชีวิตชีวาและน่ารับประทานมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เราได้ฝึกความรู้สึกใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ว่าแต่ละคำที่กินมีที่มาและความหมายในตัวเอง ดังนั้นการกินจึงไม่ใช่แค่เพื่ออิ่มค่ะ แต่เป็นการเชื่อมโยงกับธรรมชาติในแบบที่ละเมียดขึ้น การเลือกผักผลไม้หลากสีมาวางรวมกันบนโต๊ะอาหาร ยังสะท้อนแนวคิดเรื่องความหลากหลายที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ไม่ต่างจากความสมดุลในชีวิตประจำวันที่เราต้องการทั้งความเรียบง่ายและความสดใหม่ในเวลาเดียวกัน การมองเห็นสีสันในจานอาหารจึงเป็นการฝึกสติเล็กๆ ว่าเรากำลังกินเพื่อเติมพลังให้ชีวิต ที่ไม่ใช่แค่เพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น และเมื่อเราทำให้มื้ออาหารกลายเป็นช่วงเวลาที่ตั้งใจเลือก ตั้งใจปรุง และตั้งใจกิน ก็จะพบว่าความสุขจากการดูแลตัวเองนั้น เริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงแค่จากจานผักผลไม้หลากสีตรงหน้าเรานี่เองค่ะ และทั้งหมดนั้นคือแนวทางรักษาคุณค่าทางโภชนาการที่มีอยู่ตามธรรมชาติของผักและผลไม้ค่ะ จะเห็นได้ว่าการใส่ใจในวิธีจัดการผักและผลไม้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงเรื่องของการทำให้อาหารดูน่ารับประทานหรือเก็บได้นานขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างละเอียดอ่อนและรู้คุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว เพราะทุกขั้นตอนในครัวตั้งแต่การเลือกซื้อ ล้าง หั่น ปรุง ไปจนถึงการเก็บรักษา ล้วนมีผลต่อทั้งรสชาติ คุณภาพ และจิตใจของผู้ทำอาหาร การรู้ว่าเมื่อไรควรปอกเปลือก เมื่อไรควรลวกให้สุกพอดี หรือตอนไหนควรแยกผลไม้สุกออกจากผลไม้ดิบ เป็นเหมือนบทเรียนเรื่องความพอดี ที่ไม่ต้องอธิบายมากแต่สัมผัสได้ผ่านการลงมือทำ การจัดการวัตถุดิบอย่างเข้าใจจึงไม่ใช่แค่ทักษะในครัวค่ะ แต่เป็นการฝึกสติและความใส่ใจในชีวิตประจำวันที่เริ่มต้นได้จากการหยิบจับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ตรงหน้าเรา เมื่อเรานำหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ในครัว จะพบว่าความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยไม่ต้องพยายามมากนัก ครัวจะสะอาดเป็นระเบียบขึ้น ของสดจะอยู่ได้นานขึ้น และมื้ออาหารจะมีความหมายมากกว่าแค่การกินให้อิ่ม เพราะเรารู้ว่าทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความตั้งใจ การทำอาหารจึงกลายเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เป็นพื้นที่แห่งการสร้างสมาธิ และเป็นช่วงเวลาที่ได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติผ่านวัตถุดิบที่เราสัมผัสด้วยมือจริงๆ ผักที่ยังเขียวกรอบจากการลวกพอดี หรือผลไม้ที่เก็บได้ในเวลาที่เหมาะสม ล้วนเป็นสัญลักษณ์ของการรู้จักพอในจังหวะชีวิต ซึ่งสะท้อนแนวคิดของการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและเรียบง่ายในแบบที่ยั่งยืนค่ะ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วการจัดการผักผลไม้อย่างรู้คุณค่ายังเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมโดยตรงค่ะ เพราะเมื่อเราดูแลวัตถุดิบอย่างเหมาะสม เราก็ลดของเสียจากการเน่าเสีย ลดการทิ้งขยะอินทรีย์ และลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น การกินอย่างรู้คุณจึงไม่ได้จบแค่บนโต๊ะอาหาร แต่ยังเป็นการส่งต่อความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ในแบบที่ทำได้จริงในทุกบ้าน การเริ่มต้นจากครัวเล็กๆ ของเรานี่เองที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งในเรื่องสุขอนามัย การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเคารพค่ะ และสำหรับผู้เขียนนั้นจริงๆ เรื่องเกี่ยวกับการกินผักและผลไม้นั้น ในตอนหลังมาได้เพิ่มการกินผักและผลไม้สดมากขึ้นค่ะ พยายามกินผักพื้นบ้านและยังความเป็นธรรมชาติเอาไว้เหมือนเดิม โดยบางอย่างก็กินได้มาก แต่บางอย่างก็กำลังพยายามอยู่ค่ะ อย่างสะเดา มะระขี้นก ผักสองอย่างนี้ผู้เขียนกินอยู่แล้วนะคะ แบบไม่ต้องไปลดความขมเลย สำหรับเทคนิคการทำอาหารแบบไม่ให้สุกเกิน แยกเก็บผักและผลไม้ การละเอียดมากขึ้นตอนล้างทำความสะอาด และอื่นๆ อีก เป็นสิ่งที่ผู้เขียนก็ยังเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาค่ะ ยังไงนั้นอย่าลืมนำเทคนิคต่างๆ ข้างต้นไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันกันนะคะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #กินผักและผลไม้สด #คงสารอาหารในผัก #วิธีส่งเสริมสุขภาพ #ผักและผลไม้ #HealthPromotion เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Jcomp จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 8 ผักสดกินกับก๋วยเตี๋ยวอร่อย มีอะไรบ้าง เข้ากันได้ดี &หาง่าย ยอดมะรุมกินดิบได้ไหม ทำอะไรได้บ้าง ถ้านำมาลวก รสชาติยังไง 11 วิธีเก็บแครอท ให้สดนานขึ้น มีไว้ใช้หลายวัน ไม่เน่าเปื่อยง่าย หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !