วิธีเลือกปลาหมึกสด ดูยังไงดี น่าซื้อ มาทำอาหาร | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จากที่ผู้เขียนได้สังเกตมานั้นการทำอาหารที่ประสบความสำเร็จ ยังไม่ได้เกี่ยวข้องแค่เพียงว่าทำเมนูอะไรนะคะ แต่ว่าความสดใหม่ของวัตถุดิบก็ถือเป็นจุดที่สำคัญมากๆ เนื่องจากส่งผลต่อรสชาติ กลิ่นและหน้าตาของอาหารจานนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุดิบที่เป็นอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปลาทะเล หมึก โดยการเลือกปลาหมึกมักทำให้หลายคนพลาดหนักอยู่เหมือนกัน เพราะมองภาพไม่ออกว่าต้องเลือกแบบไหนดี พอเป็นแบบนี้ทำให้บางทีก็ได้ปลาหมึกมีกลิ่นเหม็น บางทีเนื้อปลาหมึกก็เละทานไม่อร่อยเลย จริงไหมคะ? โดยปัญหาดังกล่าวจะหมดไปถ้าคุณผู้อ่านได้ลองนำเทคนิคดีๆ ที่ผู้เขียนจะได้พูดถึงต่อไปนี้ไปใช้เลือกปลาหมึก ที่รับรองว่าเลิกกลัวการไปเลือกซื้อปลาหมึกไปเลยตลอดชีวิตแน่นอน เพราะเคล็ดลับในบทความนี้จะสามารถทำให้คุณผู้อ่านได้หมึกสดใหม่มาทำอาหารได้แบบมั่นใจสุดๆ ถึงแม้ว่าจะไปตลาดไม่บ่อยก็ตามค่ะ และต่อไปนี้คือวิธีเลือกปลาหมึกสดใหม่ที่สำคัญ 1. ดูที่ตา หลายคนยังไม่รู้ว่า เมื่อปลาหมึกตายการไหลเวียนของเลือดจะหยุดลง ทำให้ดวงตาขุ่นมัวและเปลี่ยนสีได้ โดยเนื้อเยื่อในดวงตาจะเริ่มสลายตัว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น ขุ่นมัว มีจุดด่างดำ ถ้าปลาหมึกถูกเก็บรักษาไม่ถูกวิธี อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ดวงตาเปลี่ยนสีและมีกลิ่นเหม็นค่ะ ดังนั้นตาปลาหมึกเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกความสดใหม่ของปลาหมึกได้เป็นอย่างดี การสังเกตตาปลาหมึกให้ละเอียด จะช่วยให้คุณผู้อ่านเลือกซื้อปลาหมึกได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น โดยตาปลาหมึกสดจะมีความใสและวาว ไม่ขุ่นมัว หรือมีเมือกจับ ตาดำภายในตาปลาหมึกจะเห็นได้ชัดเจน ไม่พร่ามัว หรือมีจุดด่างดำ บริเวณรอบๆ ตาจะไม่มีเลือดออก หรือมีรอยช้ำ 2. ดูที่เนื้อ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า เมื่อปลาหมึกตายโปรตีนในเนื้อจะเริ่มสลายตัว ทำให้เนื้อนิ่ม เละ และมีกลิ่นเหม็น เนื้อปลาหมึกที่ไม่สดจะดูดซับน้ำ ทำให้เนื้อนิ่มและยุบตัว ซึ่งแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในเนื้อปลาหมึกที่ไม่สด ทำให้เกิดการเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น ดังนั้นเนื้อปลาหมึกสดนั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกความสดใหม่ของปลาหมึก การสังเกตเนื้อปลาหมึกจึงเป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการสังเกตตาและส่วนอื่นๆ ของปลาหมึกค่ะ เนื้อปลาหมึกสดจะมีความแน่น ไม่นิ่มหรือเละ เมื่อกดเนื้อเบาๆ จะรู้สึกได้ถึงความแข็งตึง เมื่อกดเนื้อปลาหมึกแล้ว เนื้อจะต้องคืนตัวกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ไม่ยุบตัวหรือเป็นรอยบุ๋ม เนื้อปลาหมึกจะมีสีขาวอมชมพู หรือสีแดงอ่อน สดใส ไม่ซีดจาง เนื้อปลาหมึกสดจะไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นผิดปกติอื่นๆ 3. ดูที่หนวด เมื่อปลาหมึกตายเนื้อเยื่อในหนวดจะเริ่มสลายตัว ทำให้หนวดเปื่อยยุ่ย และสูญเสียความแข็งแรง หนวดปลาหมึกที่ไม่สดจะสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้หนวดแข็งและเปราะ แบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในหนวดปลาหมึกที่ไม่สด ทำให้หนวดเปลี่ยนสีและมีกลิ่นเหม็น ดังนั้นหนวดปลาหมึกเป็นอีกหนึ่งส่วนที่บ่งบอกความสดใหม่ของปลาหมึกได้เป็นอย่างดี การสังเกตหนวดปลาหมึกให้ละเอียด จะช่วยให้คุณผู้อ่านเลือกซื้อปลาหมึกได้อย่างมั่นใจ และลักษณะของหนวดปลาหมึกสดที่ดี มีดังนี้ สมบูรณ์: หนวดปลาหมึกสดจะสมบูรณ์ ไม่ขาดหรือหลุดง่าย แข็งแรง: หนวดปลาหมึกจะแข็งแรง ไม่เปื่อยยุ่ย หรือมีรอยช้ำ สีสันสดใส: หนวดปลาหมึกจะมีสีขาวอมชมพู หรือสีแดงอ่อน สดใส ไม่ซีดจาง ดูดติด: หนวดปลาหมึกสดจะมีแรงดูด เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงแรงดูดเล็กน้อย 4. ดูที่ผิว เมื่อปลาหมึกตายเซลล์ผิวหนังจะเริ่มสลายตัว ทำให้ผิวขรุขระและเปลี่ยนสี แบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีบนผิวปลาหมึกที่ไม่สด ทำให้เกิดการเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น การสัมผัสกับพื้นผิวขรุขระ หรือการขนส่งที่ไม่ระมัดระวัง อาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือรอยถลอกบนผิวปลาหมึก โดยลักษณะของผิวปลาหมึกสดใหม่ เป็นไปตามนี้ค่ะ เรียบเนียน: ผิวปลาหมึกสดจะมีผิวที่เรียบเนียน ไม่ขรุขระ หรือมีรอยขูดขีด สีสันสดใส: ผิวปลาหมึกจะมีสีสันสดใสตามธรรมชาติของปลาหมึกแต่ละชนิด ไม่ซีดจาง หรือมีจุดด่างดำ ไม่มีรอยช้ำ: ผิวปลาหมึกจะไม่มีรอยช้ำ รอยถลอก หรือรอยฉีกขาด ไม่มีเมือกมากเกินไป: ปกติผิวปลาหมึกจะมีเมือกบางๆ ปกคลุมอยู่บ้าง แต่ไม่มากเกินไปค่ะ 5. ดูที่หัวและลำตัว เมื่อปลาหมึกตายเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างหัวและลำตัวจะเริ่มสลายตัว ทำให้หัวและลำตัวหลวมและแยกออกจากกันได้ง่าย หากเก็บรักษาไม่ดีแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่เนื้อเยื่ออ่อนนี้ จนทำให้เกิดการเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งการสังเกตหัวและลำตัวของปลาหมึกเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณผู้อ่านเลือกซื้อปลาหมึกสดได้ง่ายขึ้น หากหัวและลำตัวของปลาหมึกมีลักษณะต่อไปนี้ แสดงว่าปลาหมึกนั้นสดใหม่และเหมาะแก่การนำไปประกอบอาหาร ติดกันแน่น: หัวและลำตัวของปลาหมึกสดจะติดกันแน่นสนิท ไม่หลวมหรือมีช่องว่างระหว่างส่วนหัวกับลำตัว ดึงยาก: เมื่อพยายามดึงหัวและลำตัวออกจากกัน จะต้องใช้แรงดึงค่อนข้างมาก และจะรู้สึกถึงความตึงของเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกัน ไม่มีกลิ่นเหม็น: บริเวณรอยต่อระหว่างหัวและลำตัวจะไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นผิดปกติอื่นๆ 6. ดูที่เยื่อหุ้ม เยื่อหุ้มตัวเป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวปลาหมึก เมื่อเยื่อหุ้มตัวเสียหาย แสดงว่าปลาหมึกอาจถูกทำร้าย หรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธี เพราะเมื่อปลาหมึกตายเนื้อเยื่อที่เป็นเยื่อหุ้มตัวจะเริ่มสลายตัว ทำให้เยื่อหุ้มตัวหลุดลุ่ยและขาดรุ่งริ่ง แบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีบนเยื่อหุ้มตัวปลาหมึกที่ไม่สด ทำให้เกิดการเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น ในบางครั้งผู้ขายบางรายอาจลอกเยื่อหุ้มตัวปลาหมึกออกเพื่อปกปิดความไม่สดของปลาหมึก เช่น มีรอยช้ำ หรือมีกลิ่นเหม็น ซึ่งการลอกเยื่อหุ้มตัวปลาหมึกอาจทำให้ปลาหมึกสัมผัสกับสิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคได้ง่ายขึ้นค่ะ ดังนั้นเยื่อหุ้มตัวปลาหมึกนั้นเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราประเมินความสดใหม่ของปลาหมึกได้ค่ะ การสังเกตเยื่อหุ้มตัวปลาหมึกจึงเป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการสังเกตส่วนอื่นๆ ของปลาหมึก และลักษณะของเยื่อหุ้มตัวปลาหมึกสด มีดังนี้ค่ะ ติดแน่น: เยื่อหุ้มตัวปลาหมึกสดจะติดแน่นกับตัวปลาหมึก ไม่หลุดลุ่ย หรือขาดรุ่งริ่ง เรียบเนียน: ผิวของเยื่อหุ้มตัวจะเรียบเนียน ไม่ขรุขระ หรือมีรอยฉีกขาด สีสันสดใส: เยื่อหุ้มตัวจะมีสีสันตามธรรมชาติของปลาหมึกแต่ละชนิด ไม่ซีดจาง หรือมีจุดด่างดำ 7. ดูที่ถุงน้ำหมึก ถุงน้ำหมึกเป็นอวัยวะภายในของปลาหมึกที่บรรจุน้ำหมึกไว้ ซึ่งน้ำหมึกนี้ปลาหมึกใช้สำหรับป้องกันตัวเมื่อตกใจหรือรู้สึกว่าถูกคุกคาม การสังเกตสภาพของถุงน้ำหมึกจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินความสดใหม่ของปลาหมึกได้ค่ะ และลักษณะของถุงน้ำหมึกในปลาหมึกสด เป็นดังนี้ สมบูรณ์: ถุงน้ำหมึกของปลาหมึกสดจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่แตก ไม่ฉีกขาด และไม่มีรอยรั่ว สีดำเข้ม: ถุงน้ำหมึกจะมีสีดำเข้ม สม่ำเสมอทั่วทั้งถุง เนื้อแน่น: ถุงน้ำหมึกจะมีเนื้อแน่น ไม่นิ่มหรือยุบตัว และเหตุผลว่าทำไมการดูถุงน้ำหมึกถึงสำคัญ ก็เพราะว่าเมื่อปลาหมึกตายหรือถูกจัดการอย่างรุนแรง ถุงน้ำหมึกอาจแตกเสียหายได้ เนื่องจากแรงกระแทกหรือการเปลี่ยนแปลงของความดันภายในตัวปลาหมึก หากปลาหมึกไม่สด ถุงน้ำหมึกอาจเน่าเสียและแตกออกได้ เมื่อถุงน้ำหมึกแตก น้ำหมึกจะไหลออกมา ทำให้ปลาหมึกสูญเสียน้ำหมึกไป และส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางอาหาร ถุงน้ำหมึกที่แตกก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปลาหมึกอาจไม่สด หรือได้รับการจัดการอย่างไม่เหมาะสม ดังนั้นเราจึงใช้ลักษณะนี้มาประเมินได้ว่าปลาหมึกสดใหม่เป็นแบบไหนได้ค่ะ 8. ดมกลิ่น กลิ่นของปลาหมึกสามารถบ่งบอกความสดใหม่ได้ค่ะ เพราะเมื่อปลาหมึกตายโปรตีนในเนื้อจะเริ่มสลายตัว ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่า หากเก็บไม่ถูกวิธีแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในปลาหมึกที่ไม่สด ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าและสารประกอบอื่นๆ ที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และถ้าหากว่าปลาหมึกถูกแช่สารเคมีเพื่อยืดอายุ จะมีกลิ่นสารเคมีเจือปนนะคะ ดังนั้นการดมกลิ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบค่ะ ปกติปลาหมึกสดจะมีกลิ่นคาวตามธรรมชาติที่ไม่รุนแรงเกินไป หากสังเกตพบกลิ่นผิดปกติ เช่น กลิ่นเหม็นเน่า กลิ่นสารเคมี หรือกลิ่นอื่นๆ ที่ไม่น่าพึงประสงค์ แสดงว่าปลาหมึกอาจไม่สดแล้ว โดยลักษณะกลิ่นของปลาหมึกสด มีดังนี้ กลิ่นคาวตามธรรมชาติ: ปลาหมึกสดจะมีกลิ่นคาวทะเลอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของปลาหมึก ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า: ปลาหมึกที่สดใหม่จะไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นคล้ายไข่เน่า ไม่มีกลิ่นสารเคมี: ปลาหมึกที่ผ่านการแช่สารเคมีเพื่อยืดอายุจะมียกลิ่นสารเคมีเจือปน 9. สังเกตสี สีของปลาหมึกเป็นอีกหนึ่งตัวบ่งบอกความสดใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปลาหมึกกล้วยและปลาหมึกหอม ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมบริโภคกันมากในประเทศไทยของเราค่ะ ปกติเมื่อปลาหมึกตายลง เม็ดสีในผิวหนังจะเริ่มสลายตัว ทำให้สีของผิวเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเนื้อปลาหมึกสัมผัสกับอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำให้เนื้อเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ รวมไปถึงแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในปลาหมึกที่ไม่สด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีได้ด้วย ดังนั้นการสังเกตสีของปลาหมึกเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณเลือกซื้อปลาหมึกสดได้ค่ะ โดยมีรายละเอียดในการสังเกตดังนี้ 9.1 หมึกกล้วย ผิวไม่แดง: ปลาหมึกกล้วยสดจะมีผิวสีขาวอมชมพู หรือสีเทาอ่อน ไม่แดงก่ำ หรือมีรอยช้ำสีแดง ไม่มีจุดด่างดำ: ผิวจะเรียบเนียน ไม่มีจุดด่างดำ หรือรอยคล้ำ สีสันสม่ำเสมอ: สีของผิวจะสม่ำเสมอทั่วทั้งตัว ไม่ซีดจางในบางส่วน 9.2 หมึกหอม จุดชัดเจน: ปลาหมึกหอมสดจะมีจุดสีน้ำตาลหรือสีแดงกระจายอยู่ทั่วตัวอย่างชัดเจน และมีขนาดเท่าๆ กัน สีสันสดใส: สีของจุดและสีพื้นของตัวปลาหมึกจะสดใส ไม่ซีดจาง ไม่มีสีซีดจางรอบๆ จุด: รอบๆ จุดสีจะไม่มีสีซีดจาง หรือมีรอยคล้ำ ก็จบแล้วค่ะ สำหรับเคล็ดลับเลือกปลาหมึกสด พอจะมองภาพออกบ้างแล้วใช่ไหมคะ? อย่างไรก็ตามอย่าลืมนำไปใช้ทุกครั้งที่ไปซื้อปลาหมึกคะ เพราะการเลือกด้วยเทคนิคข้างต้นคือสิ่งที่จะทำให้เราได้ปลาหมึกสดใหม่และมีคุณภาพค่ะ ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมักเริ่มจากซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ จากนั้นจะดูเรื่องตาของปลาหมึก หนวด หัวและลำตัวค่ะ ที่ในบางครั้งใช้เพียงไม่กี่เทคนิค ก็ทำให้ได้ปลาหมึกสดใหม่อย่างรวดเร็ว ดังนั้นถ้าคุณผู้อ่านอยากได้ปลาหมึกสดก็ต้องลองนำไปใช้ค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Rachel Claire จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/79Kb4egBeWNr https://food.trueid.net/detail/4R3g6p4ZzkXR https://food.trueid.net/detail/lX5RO3vZ5nw6 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !