ซุปหมากเขือลาย ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย คือการพึ่งหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงขององค์ในหลวง ร.9 เป็นหลัก เพราะการใช้ชีวิตที่ทะเยอทะยานอยากบางครั้งก็หาคำว่าพอไม่เจอสักทีเหมือนกัน ฉะนั้นการอยู่อย่างพอเพียงนี้จึงเป็นการดำรงชีวิตที่อยู่อย่างเป็นสุขด้วยคำว่าพอ ที่ไม่ต้องดิ้นรนจนเกินไป ที่เราเองก็บอกไม่ได้ว่า อะไรคือความสุขหรือความพอดีสำหรับชีวิตตัวเรา วันนี้ผมจะมาทำซุบหมากเขือสู่กินกันครับท่านผู้อ่าน เก็บมาจากต้นมันนี่เอง ทุกวันนี้ตลาดก็ไม่น่าอภิรมณ์เสียแล้ว เห็นทีอะไร ๆ จะต้องพึ่งพาอันที่มีอยู่แล้วล่ะ เช่น ต้นหมากเขือ อาหารอย่างซุปหมากเขือผมว่าคนอีสานน่าจะคุ้นเคยดีหรือเคย ๆ กินกันทั้งนั้น มันเป็นอาหารพื้นบ้านที่ทำง่าย ๆ ครับ แม้แต่ตามร้านอาหารผมก็ไม่เห็นมีขาย จะมีบ้างก็ตามร้านข้างทาง วิธีทำก็ง่าย ๆ ดังนี้ครับ นำหมากเขือหรือมะเขือไปต้มให้สุกก่อน โดยใช้มีดปาดมะเขือให้เป็นเครื่องหมายบวกจากก้นมันเพื่อให้มะเขือสุกไว จากนั้นเหยาะน้ำปลาร้าลงในหม้อสักหน่อย เพื่อให้มะเขือที่ต้มมีรสอร่อย จากนั้นก็นำไปต้ม และตามด้วยพริกดิบจี่ไฟสักสี่-ห้าเม็ด หอมหัว กระเทียม เสียบไม้จี่ไฟเหมือนกัน อย่างกระเทียมนี้ตัวพาอร่อยเลย พอทุกอย่างหร้อมแล้ว วิธีทำก็ง่าย ๆ ดังนี้ครับ นำพริกจี่ หอม กระเทียมที่เผาไฟ ปลอกเปลือกออกจนเหลือแต่เนื้อ ลงโขลกกับพริกจี่ จนละเอียดได้ที่ จึงเติมมะเขือต้มน้ำปลาร้าตามลงไป ใช้สากตำเบา ๆ ฉุ ๆ ๆ ๆ ๆ จนเนื้อมะเขือต้มแหลก จากนั้นจึงเติมเครื่องปรุงอื่น ๆ ดังนี้ น้ำปลาร้าที่ต้มมะเขือสักทัพพี ใบผักชี ใบหอม สะระแหน่ น้ำปลา ผงชูรส เมื่อใส่ครบแล้ว จงใช้สากอันเดิมนี่ล่ะ ตำเบา ๆ อีกครั้ง เพื่อให้เครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากัน พอเข้ากันดีแล้ว จึงชิมดู ขาดอะไรเติมลงได้ บางทีน้ำปลาอาจเอาไว้ใส่ตอนชิมนี้ก็ได้ เพราะน้ำปลาร้าก็อาจให้รสเค็มพอดีแล้ว รวมทั้งที่อยู่ในเนื้อมะเขือต้มแล้วด้วย เท่านี้ก็จะได้ ซุปหมากเขือลายอร่อย ๆ แล้วครับ กินกับข้าวเหนียวร้อน ๆ อาจมีเพิ่มเติมเป็นพริกสด ๆ หรือผักร่วมรายการอีกเล็กน้อย ผักอะไรก็ได้ แล้วแต่ความชอบ เข่น แตงกวาหั่นเป็นแว่น ๆ และการทำซุบหมากเขือก็มีเท่านี้เองครับผม แซ่บ ๆ ฮ่า เรื่องและภาพโดยผู้เขียน J A I W