วิธีเลือกซื้อมะระจีน ทำแกงจืด ดูแบบไหน สดใหม่ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ผักขมเป็นผักที่หลายคนก็หาโอกาสทานบ้าง เพราะด้วยความที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศของอาหารการกิน ประกอบกับต้องการคุณค่าตามธรรมชาติในผักที่มีรสขม มะระจีนน่าจะเป็นตัวอย่างของผักขมที่หลายคนคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะเมนูแกงจืดมะระ ที่ในบางคนก็อาจชอบมะระหั่นเป็นชิ้น ที่นำทานคู่กับก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ที่ก็ไม่ต่างกับผู้เขียนค่ะ เพราะผู้เขียนก็มีประสบการณ์แบบที่ว่ามาเหมือนกัน แต่มีเพิ่มมาจากสองอย่างข้างต้นอีกก็คือ ผัดมะระจีนใส่ไข่ค่ะ ดังนั้นพอพูดถึงเมนูจากมะระ ก็พอจะนึกคำตอบออกบ้างแล้วใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราจะพูดถึงการเลือกมะระจีนสดใหม่ล่ะ คุณผู้อ่านพอจะมองภาพออกไหมว่า เราต้องดูอะไรบ้าง เราต้องทำยังไงให้ได้มะระจีนสดใหม่มา นึกไม่ออกใช่ไหมคะ? ดังนั้นในบทความนี้มีเนื้อหามาทำให้มองภาพชัดมากขึ้นตอนไปเลือกมะระจีนมาส่งต่อกันค่ะ ที่อ่านจบเข้าใจและรู้เรื่องทันที แถมยังสามารถเลือกมะระจีนคุณภาพดีมาบ้านได้แบบง่ายๆ ด้วย น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ? งั้นอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ 1. ดูสี หลายคนยังไม่รู้ว่า สีของมะระบอกอะไรเราได้หลายอย่างและหนึ่งในนั้นคือ ความเหมาะสมในการเลือกซื้อค่ะ โดยสีของมะระจีนแต่ละสี มีความหมายดังนี้ เขียวอ่อน: มะระในช่วงนี้กำลังสุกแก่พอดี มีปริมาณสารที่ทำให้ขมน้อยที่สุด รสชาติจะหวานอมขมเล็กน้อย สีเขียวเข้ม: มะระยังอ่อนอยู่ ปริมาณสารที่ทำให้ขมจะสูง ทำให้รสชาติขมมาก สีเหลือง: มะระแก่จัดหรือสุกเกินไป สารที่ทำให้ขมอาจเริ่มสลายตัว แต่เนื้อสัมผัสจะแข็งและรสชาติอาจไม่อร่อยเท่าที่ควร เนื่องจากว่าเมื่อมะระสุกแก่พอดี สารเคมีบางชนิดภายในผลจะเปลี่ยนแปลงไป ทำให้รสชาติขมลดลง มะระสีเขียวอ่อนจะมีปริมาณน้ำตาลสูงขึ้น ทำให้รสชาติหวานขึ้นและกลบความขมได้ดีขึ้น กระบวนการสังเคราะห์แสงของมะระจะทำให้เกิดสารอาหารและสารประกอบต่างๆ ที่มีผลต่อรสชาติ โดยมะระสีเขียวอ่อนจะได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ส่งผลต่อรสชาติ ดังนั้นการเลือกมะระสีเขียวอ่อนเป็นการเลือกมะระที่สุกแก่พอดี มีรสชาติหวานอมขมเล็กน้อย และอร่อยที่สุดในการนำไปประกอบอาหารต่างๆ ค่ะ 2. ดูผิว คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ผิวของมะระเป็นเหมือนใบหน้าของมะระเลยค่ะ ที่จะบอกให้เราทราบถึงความสดใหม่และคุณภาพของมะระได้เป็นอย่างดี โดยต้องเลือกมะระที่มีผิวเรียบตึง ไม่ย่น ไม่ช้ำ และไม่มีรอยด่าง ซึ่งเหตุผลที่เราควรเลือกมะระที่มีลักษณะของผิวแบบนั้น ก็เพราะว่ามะระที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ จะมีผิวเรียบตึงเงางาม สัมผัสจะแข็ง และไม่มีรอยช้ำใดๆ มะระที่มีผิวดี มักจะมีเนื้อในที่แน่น กรอบ และมีรสชาติหวานอร่อย ไม่เละ หรือมีรสขมมากเกินไป มะระที่ผิวไม่เรียบ หรือมีรอยช้ำ อาจบ่งบอกว่ามะระนั้นถูกเก็บรักษาไม่ดี หรืออาจเริ่มเน่าเสียได้แล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางอาหาร โดยรอยช้ำหรือรอยด่างบนผิวมะระ อาจเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อในได้ ทำให้มะระเสียเร็วขึ้นค่ะ สรุปง่ายๆ คือ การเลือกมะระที่มีผิวเรียบตึง จะช่วยให้เราได้มะระที่สดใหม่ มีคุณภาพดี และอร่อยที่สุดนั่นเองค่ะ 3. ดูขนาด ที่ต้องเลือกมะระขนาดกลาง ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เพราะมะระขนาดกลางจะมีรสชาติหวานพอดี จากที่มะระขนาดกลางมักจะได้รับสารอาหารอย่างพอเพียง ทำให้มีการพัฒนาที่สมบูรณ์ ทั้งเมล็ดและเนื้อใน ซึ่งจะส่งผลให้รสชาติหวานและขมมีความสมดุลกัน มะระขนาดกลางมักจะมีปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสม ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป ทำให้รสชาติไม่จืดชืดและไม่หวานเกินไป โดยที่สารอาหารต่างๆ ในมะระจะกระจายตัวอย่างทั่วถึงในผล ทำให้เมื่อเราทาน จะได้รสชาติที่กลมกล่อม สำหรับมะระขนาดเล็กนั้น มะระที่ยังไม่โตเต็มที่ อาจจะมีรสขมมากกว่า เพราะยังไม่ถึงระยะที่สารที่ทำให้ขมลดลง และมะระขนาดใหญ่จะเป็นมะระที่แก่เกินไป อาจจะมีเนื้อแข็ง เส้นใยมาก และรสชาติอาจจะจืดชืด หรือมีรสขมที่เปลี่ยนไป ที่โดยสรุปแล้วมะระขนาดกลางเป็นช่วงที่มะระเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ มีรสชาติที่อร่อยที่สุด หวานกำลังดี และมีความขมที่พอเหมาะค่ะ 4. ดูน้ำหนัก การสังเกตน้ำหนักของมะระเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการเลือกมะระสดใหม่ เพราะว่ามะระสดใหม่จะมีปริมาณน้ำภายในสูง ทำให้มีน้ำหนักที่สัมพันธ์กับขนาด เมื่อเราอุ้มมะระจะรู้สึกถึงความหนักแน่น มะระสดใหม่จะมีเนื้อที่แน่น ไม่นิ่มยวบ ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณน้ำที่เหมาะสมและกระบวนการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ และมะระที่สดใหม่จะไม่มีช่องว่างภายในผล ทำให้เมื่อเคาะเบาๆ จะได้ยินเสียงทึบๆ น้ำหนักของมะระเป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของมะระได้เป็นอย่างดี มะระที่สดใหม่จะมีน้ำหนักแน่นเมื่อเทียบกับขนาดของผล ถ้าหากมะระมีน้ำหนักเบาผิดปกติ อาจหมายถึง มะระแก่เกินไป: มะระที่แก่เกินไปจะสูญเสียน้ำ ทำให้เนื้อแห้งและน้ำหนักเบาลง ภายในเน่าเสีย: มะระที่ภายในเน่าเสียอาจมีช่องว่าง ทำให้น้ำหนักเบาลง ขาดน้ำ: มะระที่ขาดน้ำจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม จะทำให้เนื้อเหี่ยวและน้ำหนักเบาลง 5. ดูริ้ว หลายคนยังไม่รู้ว่า การสังเกตริ้วของมะระเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราเลือกมะระได้อย่างถูกต้องและได้มะระที่อร่อยด้วยค่ะ และเหตุผลที่ทำให้เราต้องดูริ้วของมะระจีนก็คือ มะระที่มีริ้วห่างและชัดเจน มักจะเป็นมะระที่แก่พอดี มีรสชาติหวานอมขมเล็กน้อย ซึ่งเป็นรสชาติที่คนส่วนใหญ่นิยม มะระที่มีริ้วสวยงาม แสดงว่ามะระได้รับการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ มีการพัฒนาของเนื้อในและเมล็ดอย่างเต็มที่ ดังนั้นการเลือกมะระที่มีริ้วห่างและชัดเจน จะช่วยให้เราได้มะระที่สุกแก่พอดี มีรสชาติอร่อย และมีคุณภาพดีที่สุด และบางพันธุ์ของมะระจะมีลักษณะริ้วที่แตกต่างกัน การสังเกตริ้วจึงช่วยให้เราสามารถแยกแยะพันธุ์มะระได้ด้วยค่ะ แต่ถ้าไปเจอมะระที่มีริ้วถี่หรือริ้วไม่ชัดเจนหมายความว่า ริ้วถี่: มักเป็นมะระที่ยังอ่อนอยู่ รสชาติจะขมมากกว่า และเนื้ออาจจะแข็ง ริ้วไม่ชัดเจน: อาจเกิดจากการเจริญเติบโตที่ไม่สมบูรณ์ หรืออาจเป็นมะระที่เก็บไว้นานเกินไป ทำให้คุณภาพลดลง 6. ดมกลิ่น การดมกลิ่นมะระ เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราเลือกมะระได้อย่างถูกต้องค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะระที่สดใหม่นั้นบ่งบอกถึงคุณภาพและความสดของมะระได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะปกตินั้นมะระสดใหม่จะมีการปล่อยสารระเหยจากธรรมชาติออกมา ซึ่งเป็นสารที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะระ กลิ่นหอมนี้จะแตกต่างกันไปเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมะระ มะระที่สดใหม่จะไม่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นเปรี้ยว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามะระเริ่มเน่าเสียหรือเสียคุณภาพแล้ว ถ้ามะระไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นผิดปกติ สามารถเดาได้ว่ามะระจีนมีลักษณะดังต่อไปนี้ค่ะ ไม่มีกลิ่น: อาจเกิดจากมะระยังอ่อนเกินไป หรืออาจเก็บไว้นานเกินไป ทำให้สารระเหยลดลง มีกลิ่นเหม็น: แสดงว่ามะระเริ่มเน่าเสีย ไม่ควรนำมารับประทาน มีกลิ่นเปรี้ยว: อาจเกิดจากการติดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย 7. ดูแกน การตัดมะระดูที่แกน เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการตรวจสอบว่ามะระอ่อนหรือแก่เกินไปหรือไม่ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมะระบางพันธุ์ที่ดูจากภายนอกอาจจะดูคล้ายกัน โดยมะระที่ยังอ่อนอยู่ เมล็ดภายในยังไม่พัฒนาเต็มที่ หรืออาจจะยังไม่มีเมล็ดเลย ทำให้แกนมีสีขาวและดูเรียบเนียน ซึ่งมะระอ่อนมักจะมีรสขมมากกว่ามะระที่แก่พอดี เนื่องจากสารที่ทำให้ขมยังมีปริมาณสูง ตลอดจนเนื้อของมะระอ่อนมักจะนิ่มกว่า และมีเมล็ดน้อยหรือไม่มีเมล็ดเลยค่ะ ถ้าพบว่าแกนสีขาวและมีเมล็ดเล็กๆ แสดงว่า มะระกำลังสุกแก่พอดี มีรสชาติหวานอมขมเล็กน้อย ในทางตรงกันข้ามถ้าแกนสีเหลืองหรือน้ำตาล และมีเมล็ดใหญ่: มะระแก่เกินไป เนื้ออาจจะแข็ง และรสชาติอาจจะจืดชืดค่ะ 8. กดดู การกดดูที่ผิวมะระ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบความสดของมะระค่ะ ถ้าเนื้อมะระแข็งแสดงว่ามะระยังสดอยู่ แต่ถ้าเนื้อนิ่มยวบแสดงว่ามะระอาจจะเริ่มเน่าเสียแล้ว ซึ่งมะระสดใหม่จะมีปริมาณน้ำภายในสูง ทำให้เนื้อมีความแน่นและแข็ง เมื่อเรากดเบาๆ ที่ผิว จะรู้สึกถึงความตึง อีกทั้งเนื้อเยื่อของมะระสดใหม่จะมีความแข็งแรง ไม่ฉีกขาดง่าย เมื่อกดแล้วจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ส่วนเมื่อมะระเริ่มแก่หรือเน่าเสีย เนื้อเยื่อจะเริ่มสลายตัว ทำให้เนื้อนิ่มยวบ และเมื่อกดแล้วจะเกิดรอยบุ๋มค่ะ และวิธีการกดดูผิวมะระให้ทำตามนี้ค่ะ เลือกมะระ: เลือกมะระที่คุณผู้อ่านสนใจ ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ: กดที่ผิวมะระเบาๆ ทั่วผล สังเกตความรู้สึก: เนื้อแข็ง: ถ้าเนื้อมะระแข็งและเด้งกลับมาแสดงว่ามะระสดใหม่ เนื้อนิ่ม: ถ้าเนื้อมะระนิ่มยวบ หรือมีรอยบุ๋ม แสดงว่ามะระอาจจะเริ่มเน่าเสีย 9. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อมะระจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของมะระที่เราจะนำไปปรุงอาหาร ทั้งตลาดสดและซูเปอร์มาร์เก็ตต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ควรเลือกสถานที่ที่สะดวกและตรงกับความต้องการของเราค่ะ ว้าว! มีตั้ง 9 เคล็ดลับดีๆ สำหรับเลือกซื้อมะระจีนค่ะ พอจะมองภาพออกกันบ้างไหมคะ? ที่ต้องบอกเลยว่าเคล็ดลับในนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ เพราะเวลาที่ผู้เขียนต้องการมะระจีนจากตลาด การดูริ้วและการดูสี คือจุดแรกที่ผู้เขียนให้ความสำคัญค่ะ ที่จะเลือกมะระแบบไม่เล็กหรือไม่ใหญ่เกินไปเสมอ และบ่อยครั้งก็มักเลือกมะระชนิดนี้มาแค่พอดีที่ต้องใช้ค่ะ เพราะการเลือกมาในปริมาณที่เหมาะสม ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำเรามีมะระจีนทำอาหารสดใหม่ตลอด ดังนั้นอย่าลืมนำเทคนิคดีๆ ในบทความนี้ไปใช้กันค่ะทุกคน ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/mOZZWl9N73LO https://food.trueid.net/detail/vknRlzNNAbgk https://food.trueid.net/detail/lv3X00ebxO2M เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !