สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่าน มาพบกับรีวิวไปเรื่อยกับ Teamccer วันนี้จะมาบอกสูตรความร่อยของกุ้งอบวุ้นเส้นค่ะ กุ้งอบวุ้นเส้นเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ ต่ำทำได้อร่อยน่ะยากมาก ๆ ส่วนตัวแล้วก็ลองผิดลองถูกหลายครั้งมาก ๆ เพราะแต่ละทีถ้าจะทำให้ออกมาอร่อยก็ยากเหมือนกัน แต่คราวนี้พอทำทานแล้วรสชาติถึงพริกถึงขิงจริง ๆ ค่ะ เราไปลองดูสูตรวิธีการทำกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากวัตถุดิบที่ต้องมีนะคะ กุ้ง เบค่อน วุ้นเส้น ขิง กระเทียม ผักชี ซอสซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซอยหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลมาพร้าว ครึ่งก้อน มีผักชีและรากผักชีด้วยนะคะ แต่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ ส่วนผสมสำหรับโขลก พริกไทยเม็ด แล้วแต่ชอบเลยค่ะ พริกหอมหรือชวงเจีย แล้วแต่ชอบเลยค่ะ ตัวนี้เป็นเครื่องเทศตัวเดียวกันกับที่อยู่ในหม่าล่าที่กินแล้วจะชา ๆ รากผักชี 2 ราก กระเทียม 5 – 6 กลีบ นำส่วนผสมเหล่านี้ไปโขลกให้เข้ากันก็จะได้หน้าตาแบบนี้ จากนั้นนำเครื่องโขลกทั้งหมดมาใส่ ผสมกับซอสซีอิ๊วขาว ซอยหอยนางรม น้ำมันงา และน้ำตาลมาพร้าวตามนี้เลยค่ะ เติมน้ำสะอาดหรือน้ำซุปก็ได้ค่ะ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันทั้งหมด ชอบเค็มชอบหวานปรับตามใจได้เลยนะคะ พอก็นำกุ้งลงมาหมักกับน้ำซอสที่เราได้ผสมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จริง ๆ กุ้งถ้าทำแบบตามร้านจะไม่แกะเปลือกใช่มั้ยคะ แต่ทำทานเองแกะเปลือกสะดวกกว่าค่ะ หมักกุ้งไว้กระมาณ 10 นาที ก็นำวุ้นเส้นลงไปคลุกกับน้ำซอสให้พอวุ้นเส้นได้ดูดน้ำซอสค่ะ จากนั้นตั้งกระทะเปิดแก๊สนำเบค่อนลงไปทอดให้น้ำมัน มันออกมา เราใช้เบค่อนค่อนข้างจะสะดวกกว่าใช้หมูสามชั้นเพราะหอม อีกอย่างคืออยากทานเบค่อนด้วยค่ะ อิอิ หลังจากน้ำมันออกมาจากเบค่อนแล้วก็ใส่กระเทียมกับขิงทุบลงไปผัดนิดหน่อย และโรยพริกไทยกับพริกหอมเล็กน้อยให้หอม จากนั้นใส่กุ้งวางลงไปให้สวยงาม และใส่วุ้นเส้นกับน้ำซอสลงไปตาม จากนั้นปิดฝาอบอีกประมาณ 8 นาทีค่ะ และก็ใส่ผักชีหรือคื่นช่ายตามชอบ แต่พอดีว่ามีแค่ผักชีก็เลยใส่ผักชีลงไป และจัดลงจานเป็นอันเสร็จเรียบร้อยน่าทานมากค่าา พอนำอาหารวางลงบนโต๊ะผู้ตรวจการก็รีบมานั่งทีเก้าอี้รอทันทีเลยค่ะ แต่แมวไม่ควรทานอาหารคนนะคะ เพราะมันเค็มสำหรับแมวมาก ๆ ราคาส่วนผสมที่ซื้อมาทั้งหมด กุ้ง 60 บาท วุ้นเส้น 17 บาท เบค่อน 69 บาท ขิง 5 บาท ผักชี 5 บาท พริกไทย มีอยู่ไม่ได้ซื้อ พริกหอม มีอยู่ไม่ได้ซื้อ กระเทียม มีอยู่ไม่ได้ซื้อ ปล. ทางครอบครัวหลังทานแล้วชมว่าอร่อยมากค่ะ ทานกันเรียบเลย ได้ความหอมของพริกหอมนี่แหละเป็นตัวนำ แถมมีติดความชาที่ลิ้นด้วยนิดนึง หวังว่าเพื่อน ๆ ที่ได้อ่านบทความนี้แล้วจะลองนำไปทำตามดูนะคะ ♥♥ "ภาพถ่ายโดยนักเขียน Teamccer"