วันหยุดกับเมนู "สาคูต้น" ในช่วงกักตัวนี้หน้าฟีดในเฟซบุ๊กเต็มไปด้วยคนขายและคนทำเมูสาคูต้นจนกลายเป็นเมนูยอดฮิตและน่าจะกลายเป็นขนมหวานประจำจังหวัดไปแล้ว ใครมาเที่ยวพัทลุงก็ต้องมาชิมสาคูต้น จนหลายคนสงสัยว่าสาคูต้นมันจะหมดไปหรือเปล่า ? คำตอบ คือ การตัดมาทำอาหารมันไม่ได้ทำให้สาคูหมดไปหรอกค่ะ มีแต่จะทำให้คงอยู่ต่อไปเพราะมีคนยิ่งเห็นคุณค่าของมัน การจะตัดต้นสาคูมาทำแป้งสาคูนั้นต้องรอถึง 8-10 ปีเพื่อที่มันจะแก่จัดที่เขาเรียกว่า "แตกเขากวาง" ระหว่างนั้นต้นที่ตายก็แตกหน่อออกต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ ใบของมันก็ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้ห่อขนม ใช้มุงหลังคา ถ้าเราไม่ตัด พอเลยระยะออกดอกลำต้นมันก็จะกลวงและตายเองในที่สุด การตัดต้นสาคูมาทำแป้งจึงเป็นการใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ วิธีที่จะทำให้สาคูหมดไป คือ การขุดลอกคูคลองต่างหากเพราะสาคูเป็นพืชที่อยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าพรุ ซึ่งป่าสาคูยังเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้ง หอย ปู ปลาต่าง ๆ ส่วนมากจะอยู่ในพื้นที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง บางคนเลยเรียก สาคูต้นพัทลุง วิธีการทำแป้งสาคู คือ การโค่นต้นสาคูที่แตกเขากวางมาผ่าลำต้น ขูดเอาเนื้อไม้มาแช่น้ำ คั้นเอาเนื้อไม้มาตากแดดให้แห้งสนิท จะได้เม็ดสาคูเล็ก ๆ สีขาวปนน้ำตาล สามารถเก็บไว้ได้เป็นปี พูดกันมาซะขนาดนี้แล้ว เจ้าถิ่นอย่างเราจะน้อยหน้าได้ยังไง ไหน ๆ วันนี้ไปตลาดได้ข้าวโพดมา มะพร้าวอ่อนต้นข้างบ้านก็มี ใบเตยก็อยู่หลังบ้าน ส่วนแป้งสาคูยังมีเหลือติดบ้านอยู่นิดหน่อย วัตถุดิบพร้อม จะช้าอยู่ใย ไปเริ่มกันดีกว่า ส่วนผสม - แป้งสาคูต้น 250 กรัม -น้ำตาลทราย 300 กรัม - น้ำเปล่า 1 ลิตร -ใบเตย 3-4 ใบ - มะพร้าวเพื่อคั้นน้ำกะทิ 1 ลูก - เกลือ 1 ช้อนชา - ข้าวโพดต้มสุก/ มะพร้าวอ่อน แล้วแต่ชอบ วิธีทำ - ต้มน้ำกับใบเตยให้เดือด - ตักใบเตยออก หรี่ไฟลง ค่อย ๆ เทแป้งสาคูทีละนิดให้กระจายตัวและต้องคนอย่างรวดเร็วไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน - พอเม็ดสาคูเริ่มสุก สังเกตสีเม็ดจะดูใสขึ้น ใส่น้ำตาล, ข้าวโพดและมะพร้าวอ่อน กวนต่อจนเริ่มหนืดเป็นอันใช้ได้ ต้องกวนตลอดเวลา ใช้เวลากวนทั้งหมดประมาณ 10 นาที - คั้นน้ำกะทิ โดยใช้มะพร้าว 1 ลูก ต่อน้ำ 1 ถ้วย คั้นเอาหัวกะทิ เติมเกลือนิดหน่อย - ตักสาคูใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ พร้อมเสิร์ฟ นอกจากนี้ แป้งสาคูต้นยังสามารถนำไปประยุกต์ทำอาหารอื่น ๆ ได้อีกมาก ทราบมาว่าที่ญี่ปุ่นก็มีการใช้แป้งสาคูทำขนม น้ำตาลและในอุตสาหกรรมอาหารอีกหลายอย่าง จนมีสถาบันวิจัยเกี่ยวกับแป้งสาคูอย่างจริงจัง ชื่อ The society of Sago Palm studies พวกเราในฐานะที่รับมรดกจากภูมิปัญญาของรุ่นปู่ย่าตายายมาแล้ว จึงมีหน้าที่อนุรักษ์และพัฒนาเพื่อส่งต่อให้ลูกหลานของเราต่อไป ภาพทั้งหมดโดย ผู้เขียน