ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด ทั้งสมัยก่อนและปัจจุบันนี้ การดื่มชายังคงเป็นอะไรที่พบเห็นกันได้ ถึงจะไม่มากเท่าสมัยก่อนเพราะมีเครื่องดื่มต่างๆที่มาใหม่และได้รับความนิยมมากกว่ามาแทนที่ แต่คนที่ยังคงดื่มชาก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน ซึ่งชาแต่ละชนิดที่ได้ดื่มและลิ้มลองกันนั้นก็มีมากมายเสียเหลือเกิน ในวันนี้เราจึงนำชาที่พบเห็นได้ง่ายและยังคงได้รับความนิยมมานำเสนอ พร้อมกับบอกคุณสมบัติต่างๆ ให้ทุกๆ คนได้รู้กันค่ะ ชาเขียว (Green Tea) เป็นชาที่หากได้ดื่มแล้วนอกจากจะช่วยดับกระหาย และแก้ร้อนในแล้วในชาเขียวยังมีสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งพร้อมทั้งฆ่าเซลล์มะเร็ง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ แถมยังทำให้ผิวพรรณนั้นเปล่งปลั่งขึ้น ไม่แก่ก่อนวัยอันควร ไม่แห้งกร้าน แก้ร้อนใน ลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด และยังป้องกันการจับตัวของลิ่มเลือดอีกด้วย เครดิตรูปภาพ : https://pixabay.com/ ชาอู่หลง (Oolong Tea) เป็นชาที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของไขมัน ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง อ่อนวัย มากยิ่งขึ้น และชาอู่หลงยังสามารถป้องกันฟันผุได้อีกด้วย เพราะในชาอู่หลงมีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียในช่องปากนั่นเอง เครดิตรูปภาพ : https://pixabay.com/ ชาดำ (Black Tea) เป็นชาที่มีใบชาใบเดียวกันกับชาเขียว แต่ผ่านกรรมวิธีที่แตกต่างกัน ชานี้มีสารที่ยับยั้งเอนไซม์ย่อยไขมัน ช่วยให้ร่างกายต้องการอัตราการเผาผลาญไขมันให้มากขึ้น จึงเป็นชาที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้ดี บรรเทาอาการท้องเสีย ป้องกันการเกิดมะเร็ง กระตุ้นการทำงานของระบบสมอง ช่วยลดความตึงเครียดและอารมณ์หงุดหงิดได้ด้วย เครดิตรูปภาพ : https://pixabay.com/ ชาขาว (White Tea) เป็นชาที่มาจากยอดอ่อนใบชา มีวิตามินซีและวิตามินอี จึงนับว่ามีประโยชน์มาก เช่น ช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้เปล่งปลั่ง ชะลอการเกิดริ้วรอย และยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองขจัดสารพิษออกจากผิวของเรา หรือที่เรียกว่าการดีท็อกซ์ผิวนั่นเอง เครดิตรูปภาพ : https://pixabay.com/ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาต่างๆ จะมีคุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่หากดื่มอย่างไม่ถูกวิธีการแล้วล่ะก็ อาจเกิดผลเสียตามมาได้ ดังนั้นเราจึงมีข้อควรระวังเล็กๆน้อยๆ พร้อมกับวิธีการดื่มที่ได้ประโยชน์มาให้ด้วย ข้อควรระวังในการดื่มชา ไม่ควรดื่มชาก่อนเข้านอน เนื่องจากชาเองก็มีสารคาเฟอีน อาจทำให้นอนไม่หลับได้ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงไม่ควรดื่มชา เพราะสารคาเฟอีนในชาจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรดื่มชา เนื่องจากชามีคาเฟอีนและจะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นด้วย ผู้ป่วยที่มีไข้ไม่ควรดื่มชา เพราะจะทำให้ตัวร้อนมากขึ้นและหัวใจเต้นเร็วขึ้น ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรดื่มชาในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากชาจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ผู้ป่วยโรคกระเพาะไม่ควรดื่มชา เพราะชาจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร สตรีที่มีครรภ์ สตรีที่ทานยาคุม และสตรีที่ยังให้นมบุตรอยู่ไม่ควรดื่มชา เด็กเล็กไม่ควรดื่มชา เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่ ดื่มชาอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ควรดื่มชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ เพราะหากทิ้งไว้เกิน 2 ชั่วโมง จะทำให้ชามีรสฝาดและอาจส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารอีกด้วย ดื่มชาหลังรับประทานอาหาร จะช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารได้ดี