9 แนวคิดสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อรับมือวิกฤต ที่ควรรู้ เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความไม่แน่นอนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่ภัยพิบัติที่เกิดบ่อยขึ้น ราคาสินค้าอาหารผันผวน ระบบขนส่งสะดุด ไปจนถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งในหลายพื้นที่ของโลก ซี่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนอย่างจริงจังว่า อาหารยังเป็นเพียงเรื่องในครัว หรือแท้จริงแล้วคือรากฐานของความมั่นคงในการใช้ชีวิตของทุกคน เพราะคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ในวันที่เส้นทางอาหารหยุดลงเพียงช่วงสั้นๆ ครอบครัวธรรมดาอาจเข้าสู่ภาวะเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ความเข้าใจเรื่องความมั่นคงทางอาหาร จึงไม่ใช่ความรู้เฉพาะทางอีกต่อไป แต่เป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีค่ะ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของคำถามสำคัญว่า เราจะสร้างความมั่นคงทางอาหารให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ท่ามกลางโลกที่ผันผวนและคาดเดาได้ยาก ในบทความนี้ผู้เขียนจะมาบอกต่อและทำให้คุณผู้อ่านมองเห็นภาพใหญ่ของระบบอาหารในชีวิตจริง ตั้งแต่ระดับบ้าน ชุมชน ไปจนถึงโครงสร้างที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงให้มีอาหารไว้รับประทานเท่านั้น แต่เน้นให้เห็นวิธีคิดที่ช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความยืดหยุ่น และทำให้เรายืนหยัดได้เมื่อเกิดวิกฤต เพราะเมื่อเรามองภาพออก เราจะพบว่าความมั่นคงทางอาหารไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่คือสิ่งที่เริ่มสร้างได้ทันทีตั้งแต่วันนี้ค่ะ และต่อไปนี้คือ แนวคิดสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อรับมือวิกฤต ที่ควรรู้ 1. โครงสร้างพื้นฐานอาหารต้องไม่พึ่งแหล่งเดียว เมื่อเราพูดถึง “โครงสร้างพื้นฐานอาหาร” หลายคนอาจคิดถึงเพียงแหล่งผลิตหรือแหล่งซื้ออาหารเพียงแห่งเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วระบบอาหารที่ยั่งยืน ต้องมีความหลากหลายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทั้งแหล่งปลูก แหล่งจับ แหล่งแปรรูป การขนส่ง การกระจาย และแหล่งจำหน่ายค่ะ การพึ่งพาแหล่งเดียวทำให้เราตกอยู่ในความเสี่ยงทันทีเมื่อเกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง สงคราม การปิดเส้นทาง หรือเหตุการณ์ที่ทำให้แหล่งนั้นหยุดชะงัก โครงสร้างอาหารที่ดีจึงต้องมีความกระจายตัวและมีแหล่งสำรองหลายระดับ ทั้งระดับครัวเรือน ชุมชน และภูมิภาค เพื่อให้เราไม่เสียความสามารถในการเข้าถึงอาหารแม้ในวันที่ระบบหลักล้มลง โดยหลักคิดนี้สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายกว่าที่เราคิดค่ะ เพราะเราสามารถสร้างระบบอาหารหลายชั้นตั้งแต่ในบ้าน เช่น ปลูกผักหลากชนิดรอบบ้าน เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ต่อ สำรองอาหารแห้งพื้นฐาน และซื้อของจากหลากหลายช่องทาง ทั้งตลาดชุมชน กลุ่มเกษตรกร และร้านค้าท้องถิ่น เมื่อมองในระดับชุมชนการมีแปลงอาหารกลาง จุดแลกเปลี่ยนผลผลิต หรือการเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรยั่งยืน จะช่วยให้ชุมชนมีภูมิคุ้มกันต่อวิกฤตมากขึ้น เราจึงไม่เพียงลดความเสี่ยงด้านอาหาร แต่ยังสร้างความมั่นคงทางโภชนาการและความเข้มแข็งให้ระบบอาหารไทยในระยะยาวอีกด้วย 2. อาหารสำรองต้องมีจำนวนมากพอ และมีระบบหมุนเวียนเสมอ แนวคิดเรื่องอาหารสำรองไม่ได้หมายถึงการกักตุนนะคะ แต่คือการสร้างกันชนให้ครอบครัวมีความปลอดภัยด้านอาหารเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น น้ำท่วม ไฟดับยาว สงคราม เศรษฐกิจผันผวน หรือเส้นทางขนส่งหยุดชะงัก อาหารสำรองที่ดีต้องมีปริมาณเพียงพออย่างน้อย 14 วัน ครอบคลุมทั้งอาหารแห้ง น้ำดื่ม วัตถุดิบพื้นฐาน และอาหารพร้อมทานสำหรับวันที่ไม่สามารถประกอบอาหารได้ ระบบนี้ช่วยลดความเครียดระหว่างวิกฤต ลดความเสี่ยงภาวะทุพโภชนาการ และทำให้ครอบครัวสามารถตั้งหลักได้โดยไม่ต้องพึ่งการช่วยเหลือจากภายนอกทันที และการมีอาหารสำรองจะยั่งยืนได้ต่อเมื่อเราจัดให้มีระบบหมุนเวียนหรือวิธี FIFO (First In – First Out) คือใช้ของที่ซื้อก่อนก่อน เพื่อไม่ให้หมดอายุและสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ โดยเราสามารถจัดชั้นวางอาหารให้มองเห็นง่าย ติดสติกเกอร์วันหมดอายุ แบ่งกลุ่มวัตถุดิบ และวางแผนเมนูจากของที่ใกล้หมดอายุ นอกจากนี้ควรเติมของกลับเข้าสต็อกทันทีเมื่อหยิบไปใช้ เพื่อให้สำรองพร้อมใช้งานเสมอ วิธีนี้ไม่เพียงรับมือวิกฤต แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ควบคุมคุณภาพอาหารในบ้าน และสร้างวินัยการบริโภคที่ปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วยค่ะ 3. น้ำสะอาดคือรากฐานของชีวิต ไม่แพ้อาหาร น้ำสะอาดคือปัจจัยพื้นฐานที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ไม่ต่างจากอาหารค่ะ เพราะร่างกายต้องใช้น้ำในการย่อย การดูดซึม การควบคุมอุณหภูมิ และกำจัดของเสีย เมื่อเกิดวิกฤต เช่น น้ำท่วม ระบบปิดล้อม หรือไฟฟ้าดับยาว แม้เราจะมีอาหารเพียงพอ แต่ถ้าขาดน้ำสะอาด ร่างกายก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารได้เต็มที่ ทั้งยังเสี่ยงต่อการมีท้องเสีย การติดเชื้อ และภาวะขาดน้ำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ดังนั้นการเตรียมน้ำสะอาดจึงเป็นหัวใจสำคัญพอๆ กับการสำรองอาหารในการรับมือทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน การจัดการน้ำสะอาดในระดับครัวเรือนทำได้หลายรูปแบบนะคะ ตั้งแต่การมีน้ำดื่มสำรองอย่างน้อยคนละ 3–4 ลิตรต่อวัน การจัดเก็บน้ำในภาชนะทึบแสงและปิดสนิท ไปจนถึงการเตรียมอุปกรณ์กรองน้ำแบบพกพา ผงคลอรีนเม็ด หรือวิธีต้มฆ่าเชื้อสำหรับวันที่แหล่งน้ำไม่ปลอดภัย นอกจากนี้การสร้างนิสัยตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการแยกน้ำใช้และน้ำดื่มให้ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงการปนเปื้อนในช่วงที่โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย ระบบน้ำสะอาดที่ดีจึงไม่ใช่เพียงมาตรการชั่วคราว แต่คือเกราะป้องกันสุขอนามัยที่ทุกบ้านควรมีตลอดปีค่ะ 4. เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เสี่ยงที่สุดในสถานการณ์อาหารไม่มั่นคง ในภาวะที่อาหารไม่มั่นคงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด คือ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุค่ะ เพราะเป็นช่วงวัยที่ร่างกายต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ และมีความไวต่อการขาดอาหารหรือการได้รับอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เด็กเล็กอาจเกิดภาวะแคระแกร็น พัฒนาการล่าช้า หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ส่วนหญิงตั้งครรภ์หากได้รับอาหารไม่พอเพียงอาจกระทบต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ขณะที่ผู้สูงอายุเสี่ยงขาดพลังงาน กล้ามเนื้อลดลง และติดเชื้อได้ง่ายกว่า ความเปราะบางเหล่านี้ทำให้การขาดแคลนอาหารส่งผลหนักและเร็วกว่ากลุ่มวัยอื่นมาก ดังนั้นการเตรียมระบบอาหารเพื่อดูแลกลุ่มเปราะบาง จึงต้องเป็นลำดับแรกของทุกแผนรับมือทั้งในบ้านและในระดับชุมชน เช่น การสำรองนมผงเด็ก อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ย่อยง่าย อาหารพลังงานสูงสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และอาหารอ่อนสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงการมีน้ำสะอาดและระบบกรองน้ำที่ทันต่อเหตุการณ์ การให้ความรู้ผู้ดูแลเกี่ยวกับโภชนาการขั้นต่ำที่จำเป็น เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงภาวะทุพโภชนาการในช่วงวิกฤต เมื่อเราปกป้องกลุ่มเปราะบางได้ เราก็ลดความสูญเสียและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในระยะยาวค่ะ 5. อาหารคืออาวุธ และความมั่นคงทางอาหารคือความมั่นคงของมนุษย์ คำว่า “อาหารคืออาวุธ” ไม่ได้หมายถึงการใช้เป็นอาวุธทำร้ายใครโดยตรงนะคะ แต่เป็นคำที่ผู้เขียนต้องการสะท้อนให้เห็นว่า อาหารมีพลังในการกำหนดความอยู่รอดและเสถียรภาพของสังคมอย่างลึกซึ้ง หากพื้นที่หนึ่งขาดการเข้าถึงอาหารเพียงไม่กี่วัน ผู้คนจะเริ่มอ่อนแรง ระบบสาธารณสุขจะรับภาระหนัก และความขัดแย้งภายในอาจปะทุขึ้นได้ทันที โดยเหตุการณ์ทั่วโลกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่ออาหารถูกควบคุมหรือจำกัด ประชาชนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ความมั่นคงอย่างรุนแรง จึงไม่เกินจริงที่จะบอกว่าอาหารเป็นทั้งพลังอำนาจและความเปราะบางของมนุษย์ในเวลาเดียวกัน และในความหมายเชิงลึกคำว่า “ความมั่นคงทางอาหาร” จึงเท่ากับ “ความมั่นคงของมนุษย์” เพราะถ้าคนในประเทศเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ปลอดภัย และมีโภชนาการดี สังคมจะมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจดำเนินไปได้ และสุขอนามัยของประชาชนจะแข็งแรงรองรับความเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ เศรษฐกิจผันผวน หรือความขัดแย้ง การสร้างระบบอาหารที่ยืดหยุ่น ตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงระดับชาติ จึงเป็นเสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นเกราะป้องกันที่ทำให้เราไม่ล้มลงง่ายเมื่อเกิดวิกฤตใดๆ ในโลกใบนี้ค่ะ 6. เส้นทางอาหารต้องไม่ถูกขัดขวาง เส้นทางอาหารคือหลอดเลือดหลักของระบบความมั่นคงทางอาหารค่ะ เพราะอาหารทุกชิ้นต้องเดินทางผ่านขั้นตอนตั้งแต่ฟาร์ม โรงเก็บ แหล่งแปรรูป ไปจนถึงมือผู้บริโภค หากเส้นทางนี้ถูกขัดขวางเพียงจุดเดียว ไม่ว่าจะจากน้ำท่วม ถนนเสียหาย ไฟฟ้าดับยาว ความขัดแย้ง หรือการปิดล้อม อาหารจำนวนมากจะไม่สามารถเดินทางต่อได้ทันที ที่จะส่งผลให้ชุมชนเกิดภาวะขาดแคลนอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์หลายประเทศแสดงชัดว่าแม้อาหารยังมีอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ถ้าการขนส่งเข้าไม่ได้ ผู้คนก็เข้าสู่ภาวะเสี่ยงภายในไม่กี่วัน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการรักษาเสถียรภาพของเส้นทางอาหารจึงสำคัญเทียบเท่าการผลิตอาหารเองนะคะ สำหรับการป้องกันปัญหานี้ต้องเริ่มจากการมีเส้นทางสำรองหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจุดกระจายอาหารระดับชุมชน ระบบจัดเก็บแบบกระจาย (Decentralized Storage) หรือตลาดท้องถิ่นที่สามารถรับและส่งอาหารได้แม้โครงสร้างหลักจะล่ม นอกจากนี้ครัวเรือนยังสามารถเสริมความปลอดภัยได้ด้วยการสำรองอาหารพื้นฐาน การปลูกผักระยะสั้นรอบบ้าน และการเลือกช่องทางซื้อหลายแหล่งเพื่อลดการพึ่งพิงเพียงเส้นทางเดียว เมื่อเส้นทางอาหารไหลไม่สะดุด เราก็สามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะอดอยาก เพิ่มโอกาสฟื้นตัวหลังวิกฤต และสร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบอาหารเข้มแข็งมากขึ้นในระยะยาวค่ะ 7. พลังงานในการปรุงอาหารสำคัญพอๆ กับอาหารที่มีอยู่ หลายคนมักมองว่าเมื่อมีอาหารสำรองเพียงพอก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วพลังงานในการปรุงอาหาร คือ หัวใจที่ทำให้วัตถุดิบที่มีอยู่ถูกแปรเป็นอาหารที่กินได้จริงนะคะ หากเกิดไฟฟ้าดับยาว ขาดแก๊สหุงต้ม หรือถูกจำกัดเชื้อเพลิง เช่น ในสถานการณ์น้ำท่วม ลมแรง ระบบปิดล้อม หรือหลังภัยพิบัติ อาหารจำนวนมากจะไม่สามารถปรุงได้เลย แม้จะมีอยู่เต็มชั้นวางก็ตาม การขาดพลังงานในการปรุงทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย และทำให้ครอบครัวเผชิญกับภาวะกดดันด้านโภชนาการได้อย่างรวดเร็ว และนี่คือเหตุผลที่พลังงานในการปรุงอาหารสำคัญเทียบเท่าการมีอาหารในมือค่ะ สำหรับการเตรียมพร้อมด้านพลังงานในประเทศไทยเรา สามารถทำได้ตั้งแต่ระดับครัวเรือนค่ะ เช่น การมีเตาแบบอเนกประสงค์ เตาจรวด เตาถ่านแห้ง เตาฟืน หรือเชื้อเพลิงสำรองที่เก็บได้นาน เช่น ถ่าน ไบโอชาร์ หรือฟืนแห้ง รวมถึงอาหารพร้อมทานที่ไม่ต้องใช้ไฟปรุง นอกจากนี้ควรมีเทคนิคการปรุงแบบประหยัดเชื้อเพลิง เช่น การปิดฝาหม้อให้สนิท ใช้หม้อแรงดัน หรือการปรุงครั้งเดียวแล้วแบ่งเก็บเพื่อประหยัดพลังงาน เมื่อบ้านมีทั้งอาหารและพลังงานในการปรุงอย่างพอดี เราจะสามารถดูแลสุขอนามัยโภชนาการของครอบครัวได้อย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะวิกฤตรูปแบบใดค่ะ 8. ข้อมูลข่าวสารด้านอาหารและน้ำต้องโปร่งใสและทันเวลา ข้อมูลข่าวสารด้านอาหารและน้ำเป็นเหมือนเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้า ที่ช่วยให้ชุมชนรับมือวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อปริมาณอาหาร น้ำสะอาด หรือระบบกระจายสินค้า หากข้อมูลไม่ชัดเจน ประชาชนจะไม่รู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไร ทำให้เกิดความสับสน การซื้อกักตุนเกินจำเป็น หรือไม่เตรียมตัวเลยจนเข้าสู่ภาวะเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว ความโปร่งใสของข้อมูลจึงสำคัญมาก เพราะช่วยให้เราประเมินสถานการณ์ได้จริง เห็นความเสี่ยงก่อนเกิดปัญหา และตัดสินใจได้ถูกต้องว่าต้องสำรองอะไร แค่ไหน และเมื่อใด การทำให้ข้อมูลโปร่งใสและทันเวลาจำเป็นต้องเริ่มจากระดับรัฐถึงระดับชุมชน เช่น การรายงานสถานการณ์น้ำดื่ม น้ำใช้ การปิดและเปิดเส้นทางขนส่งอาหาร ปริมาณสินค้าสำคัญในตลาด ไปจนถึงจุดแจกจ่ายหรือจุดบริการฉุกเฉินที่ชัดเจน ขณะเดียวกันระดับครัวเรือนสามารถติดตามข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นระยะ และสื่อสารภายในบ้านให้เข้าใจตรงกัน การมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลาไม่เพียงช่วยลดความตื่นตระหนก แต่ยังทำให้ครอบครัวและชุมชนวางแผนได้อย่างมีเหตุผล เพิ่มโอกาสรอด ป้องกันภาวะโภชนาการต่ำ และสร้างความเข้มแข็งให้ระบบอาหารและน้ำอย่างยั่งยืนค่ะ 9. การปลูกอาหารแม้ในพื้นที่จำกัด ช่วยชีวิตได้จริง การปลูกอาหารแม้ในพื้นที่จำกัดเป็นหนึ่งในวิธีเสริมความมั่นคงทางอาหารที่มีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ เพราะช่วยลดการพึ่งพาตลาดในวันที่ระบบขนส่งสะดุด ราคาอาหารพุ่งสูง หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้การเข้าถึงอาหารยากขึ้น โดยหลายคนยังไม่รู้ว่าพืชอายุสั้นอย่างผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักชีฝรั่ง ต้นหอม หรือพืชกระถางอย่างโหระพา พริก และกะเพรา สามารถปลูกได้ทั้งในกระถาง ขวดพลาสติก รีไซเคิล หรือแปลงเล็กๆ ข้างบ้าน แม้สิ่งเหล่านี้อาจดูเล็กน้อย แต่ในภาวะคับขันสามารถกลายเป็นแหล่งสารอาหารสดที่ช่วยลดความเสี่ยงภาวะทุพโภชนาการ และทำให้ครอบครัวมีอาหารต่อเนื่องแม้ระบบหลักล่มค่ะ ซึ่งความสำคัญของการปลูกอาหารยังอยู่ที่การควบคุมคุณภาพ เพราะเมื่อเราปลูกเอง เรารู้แหล่งที่มา ปลอดภัยจากสารตกค้าง และสามารถเก็บกินได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดการสูญเสียอาหาร และสร้างความมั่นใจว่าครอบครัวมีผักสดพร้อมใช้เสมอ ไม่ว่าจะช่วงวิกฤตหรือช่วงราคาผักแพง การปลูกอาหารในพื้นที่จำกัดจึงไม่ใช่เรื่องของคนมีที่ดินเท่านั้น แต่เป็นทักษะที่ทุกบ้านควรมีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้านอาหารที่เข้มแข็งขึ้นในยุคที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติค่ะ ก็จบแล้วค่ะ พอจะมองเห็นภาพกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ โดยเมื่อเรามองภาพใหญ่ของความมั่นคงทางอาหารออก เราจะเริ่มมองเห็นว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงการมีอาหารอยู่ในบ้านค่ะ แต่คือระบบรองรับทั้งหมดที่ทำให้เราเข้าถึงอาหารได้ต่อเนื่องแม้ในวันที่ทุกอย่างรอบตัวหยุดชะงัก โดยระบบที่ว่านี้ประกอบด้วยเส้นทางอาหารที่ไม่สะดุด แหล่งผลิตที่หลากหลาย การมีน้ำสะอาดพร้อมใช้ การเข้าถึงข้อมูลที่ชัดเจน และการดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างรอบด้าน ซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกันเหมือนวงจรเดียว หากส่วนใดส่วนหนึ่งล้มลง จะกระทบต่อความสามารถของครอบครัวในการคงไว้ซึ่งการมีสุขอนามัยดี โภชนาการดี และการใช้ชีวิตอย่างมีความมั่นคงในทุกสถานการณ์นะคะ และสิ่งที่สำคัญอีกคือเราสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารได้ตั้งแต่ในระดับครัวเรือนค่ะทุกคน เช่น การจัดสำรองอาหารอย่างเป็นระบบ การมีแหล่งปลูกอาหารขนาดเล็กรอบบ้าน การเก็บน้ำสะอาดอย่างถูกวิธี หรือการเลือกช่องทางซื้ออาหารจากหลากหลายแหล่งเพื่อไม่ผูกความเสี่ยงไว้ที่จุดเดียว นอกจากนี้การเตรียมพลังงานในการปรุงอาหาร เช่น เตาสำรองและเชื้อเพลิงทนเก็บ ก็เป็นองค์ประกอบที่หลายคนมองข้าม แต่มีผลต่อการอยู่รอดอย่างยิ่งในยามฉุกเฉิน เมื่อองค์ประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกัน ความเสี่ยงด้านโภชนาการจะลดลงทันทีค่ะ สำหรับการนำไปใช้จริงในสถานการณ์จริงของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องทำพร้อมกันหมดทุกข้อจนรู้สึกกดดันตัวเองค่ะ แต่ให้เริ่มจากสิ่งที่ทำได้ก่อนจากเรื่องใกล้ตัว จากจุดเล็กๆ เช่น เพิ่มผักหนึ่งชนิดที่ปลูกเอง จัดชั้นอาหารให้ใช้แบบ FIFO ซื้ออาหารจากตลาดชุมชนเพิ่มหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ หรือเตรียมน้ำดื่มสำรองให้ครบตามจำนวนสมาชิกในบ้าน เมื่อเริ่มเห็นผลแล้วเราสามารถขยายเป็นระบบที่ครบขึ้น เช่น แปลงอาหารชุมชน กลุ่มแลกเปลี่ยนผลผลิต หรือระบบกระจายน้ำดื่มในหมู่บ้าน ซึ่งวิธีคิดแบบเสริมทีละชั้นนี้จะทำให้ครอบครัวและชุมชนมีพื้นฐานที่แข็งแรง ที่พร้อมรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ดีกว่าเดิม และสร้างความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืนในระยะยาวค่ะ ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนเป็นคนที่มีความสามารถก่อไฟได้ ทำอาหารให้สุกได้ด้วยถ่านและฟืน รู้จักใช้แก๊สหุงต้ม วางก้อนหินสามก้อนทำเตาก็ได้ค่ะ ซึ่งที่นี่มีทั้งเตาถ่าน เตาฟืน เตาไฟฟ้าและเตาแก๊สนะคะ ในส่วนของการปลูกผักบางชนิดไว้กินเองที่บ้าน ผู้เขียนทำประจำอยู่แล้วค่ะ มีทักษะนี้มานานแล้ว ไปอยู่ไหนก็ปลูกผักเอาไว้กินเองค่ะ และเป็นคนที่มักเลือกซื้ออาหารจากหลากหลายแหล่ง เช่น ตลาดคลองถม ตลาดสีเขียว ตลาดประชารัฐ ซื้อจากเกษตรกรโดยตรง และซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น และเป็นคนที่มีทักษะในการทำอาหาร มีความรู้เรื่องการเลือกซื้ออาหารและจัดการอาหารให้ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้ก็มีอาหารสำรองบางส่วนไว้ในบ้านค่ะ สำหรับเรื่องการจัดการน้ำสะอาดนั้น ผู้เขียนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตลอดอยู่แล้วนะคะ ตอนนี้ที่นี่ได้จัดการทรัพยากรน้ำด้วยการนำน้ำใต้ดินมาใช้ร่วมกับน้ำประปาด้วย และมีเครื่องกรองน้ำก่อนนำมาดื่มค่ะ สำหรับคุณผู้อ่านเองก็สามารถนำแนวทางต่างๆ ในบทความนี้มาไปใช้ได้ในสถานการณ์จริงค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #การจัดการอาหารในภาวะฉุกเฉิน #ความมั่นคงทางอาหาร #วิกฤตอาหารโลก #อนามัยสิ่งแวดล้อม #FoodCrisis เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Topntp26 จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 แนวทางสร้างความมั่นคงทางอาหาร ในระดับครัวเรือน ต้องทำอะไร เพาะถั่วงอกในขวด แหล่งโปรตีนจากถั่ว สำหรับ ทำอาหารง่ายๆ ที่บ้าน 15 ผักสวนครัวปลูกครั้งเดียว แต่เก็บกินได้ตลอด มีอะไรบ้าง หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !