10 เคล็ดลับลดสารเคมีตกค้าง ในผักและผลไม้สด ต้องทำอะไรบ้าง? มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ผักและผลไม้เป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย แต่กระบวนการเพาะปลูกในปัจจุบัน มักใช้สารเคมีเพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืช กำจัดเชื้อรา และเร่งการเติบโตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ถึงแม้ว่าสารเคมีจะถูกควบคุมปริมาณให้ไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่หากเก็บเกี่ยวเร็วเกินไป ล้างไม่สะอาด หรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธี ก็อาจเหลือตกค้างจนส่งผลต่อสุขอนามัยได้ในระยะยาวค่ะ ซึ่งปัญหานี้ยิ่งน่ากังวลเพราะเราไม่สามารถมองเห็นสารเคมีได้ด้วยตาเปล่า และบางครั้งผักผลไม้ที่ดูสวยน่ากิน ก็อาจมีสารตกค้างมากกว่าที่คิดก็ได้ ซึ่งสิ่งที่คนทั่วไปมักมองข้าม คือ วิธีจัดการหลังการซื้อกลับบ้าน หลายคนมักทำเพียงล้างน้ำเร็วๆ หรือเก็บในตู้เย็นทั้งที่ยังมีดินและฝุ่นติดอยู่ จึงทำให้สารเคมีและสิ่งปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมยังคงอยู่จนถึงเวลาปรุงอาหาร และการเลือกซื้อจากแหล่งที่ไม่ชัดเจนเรื่องมาตรฐานการปลูก ก็เป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงได้อีกเช่นเดียวกัน ดังนั้นการตระหนักรู้เรื่องนี้จึงสำคัญมากๆ ค่ะ เพราะไม่เพียงช่วยป้องกันการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังช่วยสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขอนามัยในระยะยาว ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนก็ได้รวบรวมเคล็ดลับต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้มาให้ได้อ่านและทำความเข้าใจกันแล้วค่ะ ก็เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าผักผลไม้ที่นำเข้าครัวสะอาดและปลอดภัยทุกมื้อ และต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่สำคัญค่ะ 1. เลือกผักผลไม้ขนาดพอดี ทุกคนรู้ไหมว่าการเลือกผักผลไม้ที่มีขนาดพอดีตามธรรมชาติ เป็นวิธีลดความเสี่ยงจากสารเคมีได้ดีอย่างคาดไม่ถึง เพราะผลที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติอาจเกิดจากการใช้ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตมากเกินไป การเลือกผลที่มีขนาดกลางหรือเล็กตามฤดูกาลช่วยให้มั่นใจได้ว่า ผักผลไม้นั้นเจริญเติบโตตามธรรมชาติ ไม่ถูกเร่งโตจนสะสมสารเคมีในปริมาณสูงเกินไป อีกทั้งยังมักจะมีรสชาติหวาน กรอบ และหอมอร่อยกว่า เพราะได้รับสารอาหารอย่างสมดุลระหว่างการเจริญเติบโต ซึ่งการสังเกตลักษณะอื่นควบคู่ไปด้วยก็สำคัญค่ะ เช่น สีผิวที่สม่ำเสมอ ไม่เข้มจนผิดธรรมชาติหรือเงาวับเกินจริง และไม่มีร่องรอยสารเคลือบที่เหนียวติดมือ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงผลที่มีผิวแตกหรือช้ำ เพราะอาจมีสารเคมีซึมเข้าไปตามรอยแผล และเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรา ให้เลือกผลที่ขนาดพอดี น้ำหนักแน่นเมื่อจับ จะช่วยให้เราได้ผักผลไม้ที่ปลอดภัย สดใหม่ และอุดมด้วยสารอาหารอย่างที่ควรจะเป็นนะคะ 2. เลือกซื้อผักผลไม้ตามฤดูกาล การเลือกซื้อผักผลไม้ที่ออกตามฤดูกาล เป็นวิธีลดสารเคมีที่ได้ผลมากค่ะ เพราะพืชที่ปลูกในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับภูมิอากาศและสภาพดิน จะเจริญเติบโตได้ง่ายตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งการเจริญเติบโต หรือสารเคมีป้องกันโรคพืชมากเกินไป จึงมีสารตกค้างน้อยกว่า นอกจากนี้ผักผลไม้ตามฤดูกาลมักจะมีรสชาติอร่อย สดกรอบ สีสวยตามธรรมชาติ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผักผลไม้นอกฤดูกาล เพราะต้องเพาะปลูกในสภาพแวดล้อมควบคุมหรือใช้สารเคมีช่วย การเลือกซื้อแบบนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการบริโภคพืชที่สะสมสารพิษเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขอนามัยในระยะยาว อีกทั้งการเลือกผักผลไม้ตามฤดูกาลยังช่วยประหยัดเงิน เพราะผลผลิตจะมีปริมาณมากในตลาด ราคาจะถูกลงและเราสามารถเลือกของสดใหม่ได้ง่าย ตัวอย่างเช่น ฤดูร้อนมีมะม่วงสุก แตงโม ฝรั่ง ให้เลือกหลากหลาย ฤดูฝนจะได้เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า ผักบุ้งจีนที่กรอบนุ่ม และฤดูหนาวจะมีสตรอว์เบอร์รี ข้าวโพดหวาน กะหล่ำปลีรสชาติหวานอร่อย นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นให้ปลูกพืชหมุนเวียนตามธรรมชาติ ช่วยลดการทำลายดินและสิ่งแวดล้อม ทำให้ระบบนิเวศยั่งยืนและสร้างสมดุลในระยะยาวค่ะ 3. ปอกเปลือกก่อนรับประทาน คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่าการปอกเปลือกผักและผลไม้ก่อนรับประทาน เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดสารเคมีตกค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีการเคลือบสารป้องกันเชื้อรา หรือเคลือบไขแววเงาเพื่อให้ดูน่าซื้อมากขึ้น การปอกเปลือกมีส่วนช่วยกำจัดสารเคมีที่เคลือบอยู่บนผิวออกไปโดยตรง ลดโอกาสที่สารเคมีจะเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นการกำจัดฝุ่นละออง คราบดิน หรือแม้กระทั่งไข่แมลงที่อาจติดอยู่บนผิว ซึ่งน้ำเปล่าอาจล้างออกได้ไม่หมด อย่างไรก็ตามการปอกเปลือกก็มีข้อที่ควรระวัง เพราะสารอาหารหลายชนิดมักจะอยู่ที่บริเวณเปลือกหรือใต้เปลือก การปอกอาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางส่วน ดังนั้นควรเลือกปอกเฉพาะผลไม้ที่มาจากแหล่งที่ไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยค่ะ หรือผลไม้ที่เปลือกแข็งและมีสารเคลือบมาก เช่น แอปเปิลนำเข้า มะม่วงดิบ ฝรั่ง หรือแครอท แต่ถ้าเป็นผักผลไม้จากแหล่งที่ไว้ใจได้ การล้างอย่างดีและเลือกที่จะไม่ปอกเปลือก จะยังคงคุณค่าของสารอาหารได้เต็มที่ค่ะ 4. จัดลำดับการล้างอย่างเหมาะสม หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การล้างผักผลไม้ให้สะอาดไม่ใช่แค่เปิดน้ำแล้วล้างพร้อมกันทั้งหมด แต่ควรมีการจัดลำดับเพื่อป้องกันการปนเปื้อนย้อนกลับค่ะ โดยเราควรเริ่มจากล้างผักผลไม้ที่สะอาดง่ายและมีเปลือกหนาก่อน เช่น แตงโม แคนตาลูป แอปเปิล จากนั้นจึงล้างผักใบหรือผักที่มีดินติดมาก เช่น ผักชี ต้นหอม หรือผักบุ้ง ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดโอกาสที่ดินหรือสารเคมีจากผักที่สกปรกจะปนเปื้อนลงไปในผักผลไม้ที่ล้างเสร็จแล้ว นอกจากนี้การจัดลำดับการล้างยังช่วยให้ประหยัดน้ำและเวลาได้มากขึ้น เช่น นำน้ำที่ใช้ล้างผลไม้เปลือกแข็งรอบแรกมาใช้แช่ผักใบในรอบต่อไป เพราะสิ่งสกปรกที่หลุดออกจะไม่มากนัก ก่อนจะล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งในขั้นตอนสุดท้าย การทำเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผักผลไม้แต่ละชนิดได้รับการล้างที่เหมาะสม และลดสารเคมีตกค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เปลืองทรัพยากรค่ะ 5. วางแผนซื้อผักผลไม้ให้พอดี การซื้อผักผลไม้ในปริมาณที่พอดีกับการบริโภค เป็นวิธีลดสารเคมีตกค้างที่หลายคนมองข้ามไปค่ะ เมื่อเราซื้อในปริมาณที่เหมาะสมและกินหมดภายใน 2-3 วัน จะช่วยลดความเสี่ยงที่ผักผลไม้จะถูกเก็บไว้นานจนเริ่มเน่าเสีย ซึ่งกระบวนการเน่าเสียนั้นอาจทำให้เกิดเชื้อราและสารพิษจากจุลินทรีย์ ที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยมากกว่าสารเคมีที่ตกค้างเสียอีก การวางแผนล่วงหน้าจึงสำคัญ ควรทำรายการซื้อของก่อนเข้าตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อป้องกันการซื้อเกินความจำเป็นจนเกิดของเหลือ นอกจากนี้การซื้อในปริมาณที่พอดี ยังช่วยให้เราเลือกของสดใหม่ได้บ่อยครั้ง หมุนเวียนผักผลไม้เข้าสู่ครัวอยู่เสมอ ลดความเสี่ยงจากผักที่ค้างสต็อกนาน หรือถูกเก็บในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้นมาก ซึ่งทำให้สารเคมีเสื่อมสลายกลายเป็นสารพิษที่อาจอันตรายต่อร่างกายได้ การวางแผนอย่างเป็นระบบจึงช่วยทั้งสุขอนามัย ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดปริมาณขยะอาหารที่เกิดขึ้นในครัวเรือนได้ในเวลาเดียวกัน 6. สนับสนุนเกษตรกรอินทรีย์หรือชุมชนเกษตรปลอดสาร รู้ไหมคะว่าการเลือกซื้อผักผลไม้จากเกษตรกรอินทรีย์หรือชุมชนเกษตรปลอดสาร ถือเป็นการลงทุนด้านสุขอนามัยระยะยาวค่ะ เพราะผลผลิตมักใช้วิธีการปลูกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่พึ่งพาสารเคมีอันตราย และเน้นการปรับสมดุลธรรมชาติของดินและน้ำ ทำให้ผักผลไม้มีสารเคมีตกค้างน้อยลงอย่างชัดเจน การสนับสนุนโดยตรงยังช่วยให้เราได้รู้แหล่งที่มาของอาหาร พูดคุยสอบถามวิธีปลูกกับเกษตรกรได้โดยตรง จึงเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยของสิ่งที่นำเข้าครัว นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับชุมชน ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่เป็นธรรม ไม่ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง และมีแรงจูงใจในการผลิตอาหารปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยเราสามารถเลือกซื้อจากตลาดสีเขียว ตลาดเกษตรกรที่จัดประจำ หรือสั่งตรงจากฟาร์มออนไลน์ที่มีการรับรองมาตรฐาน GAP หรือ Organic การเลือกสนับสนุนวิถีเกษตรเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้ครัวเรือนได้รับผักผลไม้ที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นการมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนให้การทำเกษตรยั่งยืนเกิดขึ้นจริงค่ะ 7. อ่านฉลากและข้อมูลสินค้าให้ละเอียด การอ่านฉลากก่อนซื้อผักผลไม้เป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้เราเลือกสินค้าที่ปลอดภัยมากขึ้น บรรจุภัณฑ์ที่มีข้อมูลชัดเจน เช่น วันที่เก็บเกี่ยว วันบรรจุ ฟาร์มผู้ผลิต หรือสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน GAP, Organic, Q Mark ทำให้เรามั่นใจได้ว่าผลผลิตนั้นผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพ ลดความเสี่ยงจากการได้รับสารเคมีเกินมาตรฐาน ซึ่งการสังเกตวันเก็บเกี่ยวและวันหมดอายุ ยังช่วยให้มั่นใจว่าเราเลือกของที่ยังสดใหม่ และไม่ค้างสต็อกนาน นอกจากนี้การอ่านข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด ช่วยให้เราตัดสินใจเลือกซื้อได้เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัว เช่น เลือกสินค้าที่บรรจุในวัสดุสะอาด ปลอดภัย ไม่มีกลิ่นสารเคมีติด หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี QR Code ให้สแกนตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งผลิตได้ วิธีนี้ไม่เพียงช่วยลดสารเคมีตกค้าง แต่ยังทำให้เราได้ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบคุณภาพและราคา เลือกสินค้าที่คุ้มค่าและสบายใจได้ว่าปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้านค่ะ 8. หลีกเลี่ยงการซื้อผลไม้ที่เคลือบแววเงาเกินจริง ผลไม้หลายชนิดที่วางขายในท้องตลาด โดยเฉพาะผลไม้นำเข้ามักถูกเคลือบสารเพื่อป้องกันการเน่าเสียและทำให้ผิวดูมันเงาน่าซื้อ ซึ่งสารเคลือบบางชนิดแม้จะใช้ในปริมาณที่อนุญาต แต่ถ้าผลไม้ไม่ได้ผ่านการล้างอย่างถูกวิธี ก็อาจยังคงตกค้างบนผิวและเข้าสู่ร่างกายเมื่อรับประทาน การสังเกตความเงาที่ผิดธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ถ้าผลไม้เงาวับจนสะท้อนแสงมากเกินไป หรือผิวดูเรียบลื่นจนผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อ เพราะอาจมีการใช้สารเคลือบในปริมาณสูง นอกจากนี้ควรสังเกตลักษณะของผลไม้ว่ามีกลิ่นฉุนผิดปกติหรือไม่ หากมีกลิ่นคล้ายสารเคมี หรือผิวสัมผัสเหนียวติดมือ ควรหลีกเลี่ยงและเลือกผลไม้ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า หากจำเป็นต้องซื้อผลไม้ที่เคลือบเงา เช่น แอปเปิลนำเข้าหรือส้มบางชนิด ควรปอกเปลือกก่อนรับประทาน และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสเปลือก เพื่อป้องกันสารเคมีติดมือแล้วปนเปื้อนไปยังอาหารอื่น วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การบริโภคผลไม้ปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ 9. เลือกซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้ การเลือกซื้อผักผลไม้จากแหล่งที่ไว้ใจได้ ถือเป็นด่านแรกของการลดสารเคมีตกค้างค่ะ เพราะเราจะมั่นใจได้ว่าสินค้ามีการควบคุมคุณภาพตั้งแต่กระบวนการปลูก เก็บเกี่ยว และขนส่ง โดยแหล่งที่เชื่อถือได้มักมีมาตรฐานรับรอง เช่น GAP, Organic หรือ Q Mark และมีการหมุนเวียนสินค้าบ่อย จึงทำให้เรามั่นใจว่าได้ของสดใหม่ ไม่ค้างสต็อกนานจนเสี่ยงต่อการเน่าเสียหรือสะสมสารเคมีในปริมาณสูง นอกจากนี้การเลือกซื้อจากร้านที่มีสุขลักษณะดี เช่น ตลาดที่สะอาด มีการจัดโซนสินค้าเป็นระเบียบ ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ และพนักงานใส่ใจเรื่องความสะอาด จะช่วยลดการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมระหว่างการขาย และเรายังสามารถสอบถามแหล่งที่มาของผักผลไม้จากผู้ขายได้โดยตรง ทำให้รู้ว่ามาจากฟาร์มไหน และมีการใช้สารเคมีอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิต และทำให้มั่นใจในความปลอดภัยของอาหารที่นำกลับบ้านค่ะ 10. ปลูกกินเองถ้ามีพื้นที่ การปลูกผักสวนครัวหรือผลไม้เล็กๆ ไว้ที่บ้าน เป็นทางเลือกที่ทั้งปลอดภัยและยั่งยืนค่ะ เพราะเราสามารถควบคุมทุกขั้นตอนการปลูกได้เอง ตั้งแต่การเลือกเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยอินทรีย์ ไปจนถึงการรดน้ำโดยไม่ใช้สารเคมีอันตราย ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้างปนเปื้อน และเราจะได้กินผักผลไม้ที่สดใหม่จริงๆ ซึ่งมักมีรสชาติหวาน กรอบ และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ อีกทั้งยังเก็บเกี่ยวได้ตามต้องการ ลดการทิ้งของเหลือเสีย และได้สารอาหารเต็มที่เพราะไม่ผ่านการขนส่งหรือเก็บไว้นาน ถึงแม้จะมีพื้นที่จำกัดเราก็สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ค่ะ เช่น ปลูกในกระถางบนระเบียง ทำสวนแนวตั้ง หรือใช้ภาชนะรีไซเคิลอย่างกล่องโฟม ขวดน้ำพลาสติก เพื่อช่วยลดขยะในบ้าน เลือกปลูกพืชที่ใช้บ่อยในครัว เช่น โหระพา กะเพรา ต้นหอม พริก มะนาว หรือผักสลัดที่โตเร็วและเก็บเกี่ยวได้หลายรอบ การปลูกผักเองยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเชื่อมโยงคนในครอบครัวให้มีเวลาร่วมกัน สร้างความเพลิดเพลิน และลดความเครียดจากการทำงาน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยากมีไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม เพราะทุกครั้งที่เราเก็บผักจากสวนเล็กๆ ของตัวเองมากิน นั่นคือการเลือกอาหารที่ปลอดภัยทางหนึ่ง และมีส่วนช่วยลดการใช้สารเคมีในระบบเกษตรโดยรวมด้วยค่ะ และนั่นคือเคล็ดลับทั้ง 10 ข้อค่ะ พอจะมองภาพออกกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ? อย่างไรก็ตามในชีวิตจริงเราไม่จำเป็นต้องทำครบทุกวิธีทุกครั้งค่ะ เพราะบางขั้นตอนอาจใช้เวลาและทรัพยากรมากเกินไปจนทำให้รู้สึกยุ่งยากได้ แต่สิ่งที่ควรทำเป็นประจำคือการล้างผักผลไม้ด้วยน้ำไหลให้สะอาดอย่างละเอียด เพราะนี่คือวิธีพื้นฐานที่ลดสิ่งสกปรกและสารเคมีได้มากที่สุด หากมีเวลามากขึ้นควรเสริมด้วยการแช่น้ำผสมเกลือ น้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดา เพื่อเพิ่มความมั่นใจ โดยเฉพาะผักใบเขียวหรือผลไม้ที่กินทั้งเปลือก เช่น องุ่น แอปเปิล และสตรอว์เบอร์รี ส่วนการปอกเปลือกก็ใช้เมื่อจำเป็น เช่น ผลไม้นำเข้าที่มักเคลือบสารป้องกันรา ซึ่งสิ่งที่ถือเป็นขั้นตอนห้ามข้าม คือ 3 อย่างหลักๆ ได้แก่ การล้างให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทาน การเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และการวางแผนซื้อให้พอดีกับการกินใน 2-3 วัน เพราะวิธีเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงก่อนนำเข้าปาก หากทำได้ควรเลือกผักผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อลดการใช้สารเร่ง และอ่านฉลากหรือข้อมูลฟาร์มเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ เพราะผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่ผักผลไม้ที่ปลอดภัย แต่ยังช่วยประหยัดเงินและลดการทิ้งของเหลือเสียค่ะ เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอไปทุกวัน การใส่ใจเรื่องนี้จะกลายเป็นนิสัยที่ปกป้องสุขอนามัยของทั้งครอบครัวในระยะยาวนะคะ ที่ช่วยลดโอกาสเกิดการเจ็บป่วยเรื้อรังจากการสะสมสารพิษในร่างกาย และยังมีส่วนช่วยสนับสนุนเกษตรกรที่ผลิตอาหารปลอดภัย ทำให้ระบบอาหารในสังคมมีความยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้นอย่ามองข้ามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ เพราะทุกครั้งที่เราล้าง เลือก และเก็บอย่างถูกวิธี เรากำลังลงทุนกับสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตของตัวเองในอนาคตค่ะ โดยผู้เขียนเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ทำทุกวันไม่เว้นวันหยุดค่ะ บางอย่างทำตลอด บางเคล็ดลับนานๆ ได้ทำ เช่น ผู้เขียนมักเลือกซื้อผักและผลไม้จากตลาดใกล้บ้าน เน้นวัตถุดิบพื้นบ้าน ตามฤดูกาล เน้นที่หาได้หรือปลูกได้พื้นชุมชนก่อน หากเป็นพืชผักจากที่อื่นก็จะพิจารณาเรื่องแหล่งที่ปลูก เน้นการล้างทำความสะอาด และซื้อแค่พอดีที่ตัวเองสะดวกจัดเก็บค่ะ ตลอดจนผู้เขียนยังได้ใช้พื้นที่หน้าบ้านทำเป็นสวนผักรั้วกินได้ด้วย ซึ่งตอนนี้มีผักหลายอย่างมากนะคะ เช่น แมงลัก ชะพลู ผักชีฝรั่ง กะเพรา วอเตอร์เครสแดง ต้นทูน ตะไคร้ ใบย่านาง กระชาย และต้นใบเตย เพราะอาหารสามารถนำมาซึ่งความเจ็บป่วยในคนเราได้ ดังนั้นแนวทางทั้ง 10 ข้อข้างต้น คือ วิธีการลดความเสี่ยงจากการสัมผัสกับสารเคมีตกค้างที่ผ่านมาทางผักและผลไม้สดนะคะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้กันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ลดสารเคมีตกค้าง #ผักปลอดสารพิษ #ความปลอดภัยของอาหาร #PesticideFreeTips เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย KamranAydinov จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล ปลูกผักชีฝรั่งในกระถางหน้าบ้าน ทำอะไรได้บ้าง ดูแลยังไงให้งาม 9 ทริคเลือกแอปเปิลกาล่า ซื้อแบบไหนดี สดใหม่ รสชาติกรอบอร่อย 8 วิธีเลือกมะเขือพวง ลวกจิ้มได้อร่อย แบบไหนดีสดใหม่ น่าซื้อ หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !