อยากรับประทานพาสต้าอร่อย ๆ แต่ขี้เกียจเดินทางไปร้านอาหาร สั่งอาหารมาก็เย็นชืดจนไม่น่ารับประทาน เราจะทำอย่างไรดี? นั่นก็คือทำรับประทานเองที่บ้านเลยครับ ง่ายนิดเดียววัตถุดิบก็สามารถปรับได้ตามของที่เหลือในตู้เย็นของแต่ละบ้านเลย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ว่าของที่เหลือในตู้เย็นของบ้านผม จะทำออกมาให้อร่อยได้ขนาดไหน ไปชมกันเลยครับ เริ่มทำโจทย์ของเราในวันนี้ Pesto Pasta โดยมีวัตถุดิบหลัก คือ ผักที่เหลือในตู้เย็น Allez cuisine!! วัตถุดิบ 1. โหระพา (Basil) 2. ใบกะเพรา (Holy Basil) 3. ใบสะระแหน่ (Mint) 4. ผักชีลาว (Dill) 5. กระเทียม (Garlic) นอกเหนือจากวัตถุดิบหลักแล้วต้องมีวัตถุดิบเสริมอีกด้วย 6. น้ำเปล่า 7. เส้นพาสตา *ในที่นี้ใช้เป็น Fusilli no.34 สามารถใช้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทนได้ตามชอบ 8. น้ำมันมะกอก 9. ชีส *ในที่นี้ใช้เป็น Pecorino Romano cheese แต่ตามสูตรต้นตำรับจะใช้เป็น Parmesan cheese (เพราะไม่มีที่บ้าน) สามารถใช้ชีสแผ่นแทนได้ตามชอบ 10. เศษขนมปัง *ต้นตำรับแล้วจะใช้ถั่วมาเป็นเนื้อของตัวซอส แต่เนื่องจากที่บ้านไม่มี เลยใช้เศษขนมปังกรอบมาปั่นให้ละเอียด มาเป็นตัวเนื้อให้ซอสแทน เริ่มทำกันเลย! ส่วนซอส 1. เด็ดใบผัก เลือกใบที่มีสีสวย ไม่เหี่ยว แต่ถ้ามีรูแมลงกัดให้เลือกมาด้วย เพราะว่าสุดท้ายแล้วผักทั้งหมดจะนำมาปั่นรวมกัน ไม่ต้องกลัวว่าขึ้นจานแล้วจะไม่สวย ใบที่เหี่ยวทั้งหลายให้เก็บไว้ด้วย อย่าพึ่งทิ้ง 2. นำผักทั้งหมดเข้าเครื่องปั่น โดยที่ให้โหระพามีเยอะที่สุด เพราะรสชาติจะกลาง ๆ ไม่แรงมาก ตามมาด้วยกะเพราะ สะระแหน่มาตามลำดับ เนื่องจากกลิ่นและรสชาติจะแรงตามลำดับหลังจากนั้น เติมกระเทียมและผักชีลาวลงไปพอให้มีกลิ่น 3. เติมน้ำมันมะกอกลงไปในเครื่องปั่น ให้ใบผักทั้งหลายคลายน้ำมันหอมระเหย และกลิ่นออกมาลงในน้ำมัน พร้อมกับยังช่วยให้ปั่นซอสออกมาให้เนียนมากขึ้น 4. เริ่มเติมชีสลงไปตามชอบ เพื่อให้เนื้อของซอสข้นขึ้นและมีรสชาติเค็มตามมา ต้องชิมตลอดทุกขั้นตอนจนกว่าจะได้รสชาติที่ถูกใจ 5. ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยตามชอบ 6. หลังจากนั้นปั่นจนกว่าเนื้อซอสจะออกมาเป็นเนื้อเนียนด้วยกัน ชิมตลอดว่าตัวซอสขาดอะไรไปเติมอะไรเพิ่ม ถ้ารสชาติจัดเกินไปให้เติมน้ำเปล่าลงไป เพื่อให้รสชาติจางลงแล้วปั่นต่อ 7. พอปั่นไปนาน ๆ เนื้อจะเริ่มข้น ตัวซอสจะแยกกัน มีส่วนที่เป็นของเหลว และของแข็งที่เป็นผักปั่นกับชีส ไม่ต้องกลัวว่าซอสจะแยกกัน เพราะหลังจากนี้ก็ต้องเอาไปคลุกกับเส้นพาสต้าอีก ส่วนเส้น เส้นที่เลือกใช้เป็นเส้นพาสตา Fusilli no.34 เลือกได้ตามชอบเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ได้!! 1. การต้มเส้นพาสตาต้องต้มในน้ำเดือด เพราะจะควบคุมอุณหภูมิได้ง่าย เทคนิคไม่ลับอยากแชร์ น้ำที่ต้มเส้นต้องเป็นน้ำเกลือเนื่องจากตัวเส้นพาสตาไม่มีรสชาติใด ๆ เลย เป็นก้อนแป้งเฉย ๆ ดังนั้นควรทำให้เกิดรสชาติด้วย ไม่งั้นอาจจะจืดได้ แต่ก็ไม่ควรใส่เกลือเยอะเกินไป 2. เวลาในการต้มนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นด้วย ว่ามีส่วนประกอบของแป้งเยอะขนาดไหน เพราะบางเส้นอาจจะมีโปรตีนสูงจะสุกได้ง่ายกว่า เส้นเราจะต้มเป็นเวลา 9-11 นาทีในน้ำเดือด เนื่องจากเส้นของเราเป็นเส้นสำเร็จรูป จะใส่ปริมาณโปรตีนที่น้อยกว่าเส้นสด ทำให้ต้องต้มนานกว่ามาก บางทีเส้นสดอาจจะต้มแค่ 3-4 นาทีในน้ำเดือด เส้นก็สุกพร้อมรับประทานแล้ว นอกจากนี้ก็อยู่ที่คนรับประทานว่าชอบเส้นแบบไหน ส่วนตัวชอบเคี้ยวก็จะออกแข็งหน่อย Al dente! จะใช้เวลาประมาณ 9 นาที ถ้าอยากให้นิ่มก็เพิ่มเวลาเอานะครับ ชิมด้วยนะครับว่าเส้นเป็นแบบที่เราชอบรึยัง 3. ผ่านไป 10 นาทีแล้ว หลังจากที่เราต้มเราจะเทน้ำออกจากหม้อ แต่ไม่ถึงขั้นแห้งสนิทนะครับ เราจะเหลือเนื้อไว้นิดหน่อยที่เหลือน้ำไว้ตรงนี้เนื่องจากพอเราไปคลุกกับซอสที่เราทำไว้ จะทำให้แป้งที่มาจากเส้นพาสต้าในน้ำ ได้รวมกับซอสให้ซอสข้นขึ้น นึกภาพเหมือนเวลาทำน้ำราดหน้า แล้วจะใส่น้ำผสมแป้งลงไปให้มันน้ำมันหนืดขึ้น และยังมีเกลือที่ใส่ไว้ก่อนต้มด้วยทำให้รสชาติพอดีกันด้วย ขั้นตอนสุดท้ายยย คลุกให้เข้ากัน เส้นกับซอส คลุกจนกว่าน้ำที่เหลืออันน้อยนิดในหม้อจะหายไป ซอสงวดได้ที่ ซอสเกาะเส้น จนเส้นเป็นสีเขียว นำลงจัดแต่งใส่จานได้ โรยชีสนิดหน่อยพอสวยงาม พร้อมรับประทาน จัดจาน อัพลง Instagram หวังว่าเพื่อนจะได้ความรู้เทคนิคต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด อยากให้ลองไปทำกันนะครับ ของเหลือในตู้เย็นอาจจะเป็นจานเด็ดที่รอคุณอยู่ที่บ้านก็ได้ ขอขอบคุณสูตรอาหารจาก เชฟ Massimo Bottura หมายเหตุภาพที่ได้มาจากการถ่ายทำด้วยตัวเอง