ลูกหว้าเป็นผลไม้ของภาคอีสานเป็นที่นิยมของเด็กในภาคอีสาน และผู้เฒ่าผู้แก่มักจะพูดว่า ผลไม้ปลอดสารพิษหากินหม่องใด๋ได้แหน่ บ่มีดอก ผลไม้บ้าน ๆ แบบนี้หล่ะแซ่บและดีที่สุด ลูกหว้าผลไม้ปลอดสารพิษในเรื่องเล่าในวัยเด็กของคุณย่า ฤดูกาลทำนาในช่วงเดือนเมษายนที่เริ่มมีการไถนาและหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นช่วงที่ลูกหว้ากำลังสุกพอดีเป็นที่เริงใจแก่เด็กน้อยและผู้ใหญ่เป็นอย่างมากเพราะเป็นผลไม้ป่าที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กินล้างปากหลังทานข้าวเสร็จแทนของหวานที่หากินได้ยากในสมัยนั้น แถมยังใช้เป็นที่เล่นโดยเหยียบหลังควายแล้วปีนขึ้นไปห้อยโหน เป็นที่สนุกสนาน ถูกอกถูกใจของเด็กในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และยังใช้หลบแดดได้ดีอีกด้วย คุณย่ายังบอกอีกว่าต้นว่ามักจะมีมดแดงมาทำรังด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่ออกล่าหาไข่มดแดง ก็ไม่ต้องไปหาไหนไกล สอยเอาตามต้นหว้าก็ได้กินแล้ว ส่วนต้นถ้าตัดมาเผาถ่านใช้ จะเป็นถ่านที่มีคุณภาพ มีเนื้อแน่น ให้ไฟกล้า (ไฟที่ร้อนกว่าถ่านทั่วไป ติดไฟได้เร็ว) และอยู่ได้นาน ลูกหว้าจะมีลักษณะของผลหลายแบบ ส่วนมากที่พบจะเป็นทรงกลมตามท้องไร่ปลายนา หรือลูกลักษณะรี ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไปในแต่ละต้นลูกอ่อนมีรสเปรี้ยวอมฝาด เมื่อแก่แล้วจะมีหลายรสชาติแล้วแต่ต้น บางต้นมีรสหวาน บางต้นหวานอมเปรี้ยว หรือบางต้นฝาดจนทานไม่ได้เลยก็มี โดยส่วนต่าง ๆ ของต้นหว้าก็มีประโยชน์ดังนี้ เนื้อไม้: ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม เปลือก: ต้มน้ำดื่มแก้ท้องร่วง อมแก้ปากเปื่อย ใบ: ยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสด ผล: ผลดิบแก้ท้องเสีย ผลสุกใช้ทำเครื่องดื่ม หรือรับประทานสด เมล็ด: ลดน้ำตาลในเลือด แก้ท้องเสีย ถอนพิษจากเมล็ดแสลงใจ จะเห็นได้ว่าต้นหว้าไม่เพียงแต่ให้ร่มเงา ผลที่แสนอร่อย ประโยชน์ใช้สอย แต่ยังเป็นแหล่งของอาหารชั้นสูงอย่างไข่มดแดงอีกด้วย เรียกได้ว่า ครบ จบ ในต้นเดียวเลยค่ะ เป็นที่น่าเศร้าใจว่าในยุคปัจจุบันที่นาก็กลายเป็นหมู่บ้าน ต้นหว้าถูกโค่นและตายไปจำนวนมากเหลือเพียงไม่กี่ต้น จึงนับว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เริ่มหาทานได้ยาก น้อยคนที่จะเคยได้รับประทาน เมื่อมีโอกาสอย่าลืมลองลิ้มรสลูกหว้าดูกันนะคะ จะได้รับรสถึงความปลอดสารพิษ และสัมผัสถึงรสของความเป็นไทยอีสานด้วยค่ะ ภาพปกโดย: khaofang ภาพประกอบโดย: khaofang ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก: สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ประเทศไทย)