พอนึกถึงปาท่องโก๋ ภาพของปลาท่องโก๋ก็ลอยมา ปาท่องโก๋มาจากจีน ชื่อจีนคือ โหยวเถียว แต่ในไทยคุ้นกับภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋ว เรียกว่า อิ่วจาก้วย ปาท่องโก๋เป็นขนมแป้งทอดน้ำมันที่มีอยู่ในหลายประเทศ ปาท่องโก๋ในประเทศไทยนิยมกินเป็นอาหารเช้ากับเครื่องดื่มร้อนอย่างน้ำเต้าหู้ กาแฟ ปาท่องโก๋มีตำนานเล่าว่า มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ้อง เป็นการแสดงออกของความแค้นที่ชาวบ้านมีต่อคนที่คิดกบฏขายชาติ ชื่อว่าฉินฮุ่ยและภรรยา ด้วยการให้ร้ายแม่ทัพงักฮุย จนงักฮุยถูกตัดสินประหารชีวิต ชาวบ้านรู้ข่าวว่าแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ ซื่อตรง เป็นที่รักใคร่ มีอันต้องจากไป จึงพากันนำแป้งสาลีมาปั้นเป็นรูปฉินฮุ่ยและภรรยา เป็นลักษณะของการนำแป้งมาประกบกัน จากนั้นก็ทอดน้ำมัน เวลาจะกินก็ฉีกออกก่อน เพื่อเป็นการแสดงความแค้นแก่คนชั่วทั้งสอง ปาท่องโก๋ทำมาจากแป้งสาลี การทอดปาท่องโก๋ในน้ำมันจะใช้ความร้อนปานกลาง การทอดจะต้องหมั่นพลิกตัวปาท่องโก๋บ่อยๆ เพื่อให้ความร้อนเสมอกัน เมื่อสุกแล้วขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน การกินหลังจากทอดสด ๆ ใหม่ ๆ จะได้รสชาติอร่อย พม่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่นิยมกินปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้า แต่ลักษณะของปาท่องโก๋พม่าจะมีความแตกต่างจากของไทย แค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่า ต้องอิ่มมากแน่นอน เพราะว่าปาท่องโก๋พม่า ทอดเป็นชิ้นใหญ่กว่าปาท่องโก๋ของไทยมาก เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของปลาท่องโก๋คือทำมาเป็นคู่ ปาท่องโก๋อันใหญ่ของพม่าก็ทำมาเป็นคู่เช่นเดียวกัน คนพม่านิยมกินปาท่องโก๋กับชาร้อน ชาร้อนจะเป็นแบบใส่นมสดหรือนมข้น ในร้านค้าเรามักจะเห็นปาท่องโก๋ตัวยาวเป็นไม้บรรทัดวางอยู่เต็มกระจาด ข้าง ๆ กันยังมีขนมแป้งทอดอีกหลายอย่าง ได้แก่ โรตี ซาโมซ่า ปอเปี๊ยะทอด การไปนั่งดื่มชาพูดคุยพบปะกันในร้านน้ำชา เป็นวัฒนธรรมในวิถีชีวิตของคนพม่า ร้านน้ำชาจะเปิดตั้งแต่ตีห้าไปจนถึงค่ำ การมองวัฒนธรรมผ่านทางอาหารการกิน เป็นมุมมองที่น่าสนใจ เพราะอาหารไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง อาหารเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ง่าย แม้ว่าจากมาจากประเทศอื่น ด้วยความชื่นชอบในรสชาติ พออยู่ไปนาน ๆ ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของชนชาตินั้น ๆ ไป