ผักที่หลายคนเจอบ่อยมากเวลาไปตลาด น่าจะหนีไม่พ้นกะหล่ำปลีค่ะ และผักชนิดนี้น่าจะเป็นผักในชีวิตประจำวันของใครหลายคนเลย เช่น คนที่ขายลูกชิ้นทอด คนที่ทำยำขาย หรือแม้แต่คนที่ชอบทำผัดกะหล่ำปลีทาน ซึ่งกะหล่ำปลีเป็นผักที่ผู้เขียนนำมาทำอาหารสลับกับผักชนิดอื่นด้วยเหมือนกัน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการทานอาหารที่บ้านค่ะ โดยเฉพาะช่วงหนาวๆ ที่กะหล่ำปลีถูกๆ และดีมีให้เลือกเยอะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุณผู้อ่านรู้หรือยังว่า กะหล่ำปลีตอนเลือกก็ต้องมีเคล็ดลับนะคะ ดังนั้นในบทความนี้จะขอเป็นพื้นที่ส่งต่อแนวทางเลือกกะหล่ำปลี แบบไหนสดใหม่ แบบไหนน่าซื้อมาทำอาหาร ทั้งหมดมีเนื้อหาโดยละเอียดมาให้แล้วค่ะ ดังนั้นต้องอ่านต่อให้จบและนำไปประยุกต์ ที่รับรองว่ายังไงก็ได้กะหล่ำปลีคุณภาพดีมาแน่นอน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเลือกครั้งแรก และต่อไปนี้คือเคล็ดลับดูกะหล่ำปลีสดใหม่ค่ะ ดังนี้ 1. ดูที่หัว หัวกะหล่ำปลี นับเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของกะหล่ำปลีได้เป็นอย่างดีค่ะ โดยหัวกะหล่ำปลีที่ดีจะมีน้ำหนักพอสมควร ที่ไม่เบาจนเกินไป เมื่อถือหัวกะหล่ำปลีสองหัวที่ขนาดใกล้เคียงกัน หัวที่หนักกว่ามักจะมีคุณภาพดีกว่า กะหล่ำปลีที่หนัก บ่งบอกว่าภายในอัดแน่นไปด้วยเนื้อกะหล่ำปลีที่สมบูรณ์ ไม่ได้มีแต่ใบภายนอก เมื่อใช้มือกดเบาๆ ที่หัวกะหล่ำปลี ถ้ารู้สึกแน่นแสดงว่ากะหล่ำปลีสดใหม่ ในขณะที่หัวกะหล่ำปลีที่เบาเกินไป อาจมีใบเหี่ยวภายใน หรืออาจเก็บไว้นานจนความชื้นระเหยออกไปค่ะ ควรหลีกเลี่ยงกะหล่ำปีที่มีสีซีดจาง เนื่องจากสีซีดจางอาจบ่งบอกว่ากะหล่ำปลีเก็บไว้นาน หรืออาจได้รับความเสียหายจากการขนส่งค่ะ 2. สังเกตใบ การสังเกตใบกะหล่ำปลีเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการเลือกซื้อกะหล่ำปลีที่สดใหม่และมีคุณภาพค่ะ ที่ใบควรสดกรอบ ไม่มีใบเหลืองหรือใบเหี่ยว สีเขียวของใบควรเข้มสดใส ไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยแมลงกัดกิน ใบของกะหล่ำปลีสดใหม่จะติดแน่นกับหัว ไม่หลวมหรือหลุดง่าย ใบควรเรียบตึง ไม่มีริ้วรอยหรือรอยยับ ใบเหี่ยวเป็นสัญญาณว่ากะหล่ำปลีเก็บไว้นาน หรืออาจเริ่มเน่าเสีย ใบควรสมบูรณ์ ไม่ขาด ไม่ฉีกขาด 3. ดมกลิ่น การดมกลิ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบความสดใหม่ของกะหล่ำปลีค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วกะหล่ำปลีสดใหม่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผัก ไม่ควรมีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นผิดปกติ กะหล่ำปลีสดใหม่จะมีกลิ่นหอมสดชื่นของผักใบเขียว ที่บางครั้งอาจได้กลิ่นดินอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นปกติของผักที่เพิ่งเก็บมาใหม่ๆ และกะหล่ำปลีบางพันธุ์อาจมีกลิ่นหอมหวานเล็กน้อย หากพบว่ามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นนี้บ่งบอกว่ากะหล่ำปลีเริ่มเน่าเสียจากภายใน ถ้ามีกลิ่นเหม็นอับ กลิ่นนี้เกิดจากการเก็บกะหล่ำปลีในที่อับชื้น หรือเก็บไว้นานเกินไปค่ะถ้าได้กลิ่นแปลกๆ และกลิ่นอื่นๆ ที่ผิดปกติ เช่น กลิ่นฉุน กลิ่นเหม็นสาบ เป็นสัญญาณว่ากะหล่ำปลีอาจมีปัญหานะคะ 4. สังเกตแกน การสังเกตแกนกะหล่ำปลีเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญในการเลือกซื้อกะหล่ำปลีที่สดใหม่และมีคุณภาพค่ะ เพราะว่าแกนเป็นส่วนกลางของกะหล่ำปลี หากแกนเน่าเสีย ส่วนอื่นๆ ของกะหล่ำปลีก็อาจเน่าตามไปด้วย สีและสภาพของแกนสามารถบอกอายุของกะหล่ำปลีได้ โดยแกนสีขาวสะอาด เพราะแสดงว่ากะหล่ำปลีสดใหม่และมีคุณภาพดี เนื้อแน่น ไม่นิ่ม สีขาวควรกระจายทั่วทั้งแกน แกน ไม่ควรมีจุดสีอื่นปะปน ให้หลีกเลี่ยงแกนสีเหลืองหรือน้ำตาล เนื่องจากสีเหลืองหรือน้ำตาลบ่งบอกว่าแกนเริ่มเน่าเสีย หรืออาจมีแมลงเจาะกิน แกนควรเรียบเนียน ไม่มีรอยแตก รอยร้าว หรือรอยยุบ รอยดำเป็นสัญญาณของการเน่าเสีย รอยช้ำอาจทำให้กะหล่ำปลีเสียรสชาติได้ 5. เลือกตามขนาด การเลือกกะหล่ำปลีตามขนาดนั้นสำคัญมาก เพราะขนาดที่แตกต่างกันก็เหมาะกับการนำไปปรุงอาหารที่แตกต่างกันด้วยค่ะ กะหล่ำปลีขนาดอ้วนใหญ่เกินไป มักจะมีแกนที่แข็งและเหนียวกว่า ทำให้ทานได้ยาก เพราะส่วนใหญ่แล้ว เนื้อกะหล่ำปลีส่วนที่อยู่ใกล้แกนมักจะแน่นกว่า และอาจแข็งกว่าส่วนที่อยู่ด้านนอก ถ้าซื้อกะหล่ำปลีใหญ่เกินไป และทานไม่หมด อาจทำให้ส่วนที่เหลือเสียได้ง่าย ซึ่งการเลือกขนาดกะหล่ำปลีที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละคนค่ะ ซึ่งให้พยายามประมาณปริมาณที่ต้องการใช้ เพื่อเลือกขนาดที่เหมาะสม หากทำอาหารให้คน 1-2 คน หรือทำเมนูที่ใช้กะหล่ำปลีน้อย ก็เลือกหัวเล็กหรือขนาดกลางจะเหมาะสมกว่า ถ้าทำอาหารให้ครอบครัวใหญ่ หรือทำเมนูที่ต้องใช้กะหล่ำปลีเยอะ ก็เลือกหัวใหญ่ได้เลย 6. สังเกตรอยตัด การสังเกตรอยตัดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบความสดใหม่ของกะหล่ำปลีค่ะ หากมีรอยตัด รอยตัดควรเรียบเสมอกัน ที่ไม่ควรมีน้ำเยิ้มออกมาจากรอยตัด กะหล่ำปลีที่ถูกเก็บรักษาอย่างถูกวิธีจะไม่เกิดการเน่าเสียที่ทำให้มีน้ำเยิ้ม หากมีน้ำเยิ้มออกมา อาจเป็นสัญญาณว่ากะหล่ำปลีเริ่มเน่าเสีย หรืออาจถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม รอยตัดเรียบ บ่งบอกความสด กะหล่ำปลีที่สดใหม่ เมื่อตัดแล้วเนื้อจะเรียบเสมอกัน ไม่เป็นร่องหรือขรุขระ เนื้อกะหล่ำปลีจะไม่เหี่ยวหรือยุบตัวลงไปหลังจากตัด ที่บางพันธุ์อาจมีเส้นใยเล็กน้อยที่รอยตัด ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของพันธุ์นั้นๆ 7. สัมผัสผิว การสัมผัสผิวของกะหล่ำปลีเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบความสดใหม่และคุณภาพของกะหล่ำปลีค่ะ ปกติกะหล่ำปลีที่สดใหม่จะมีผิวที่เรียบเนียน ไม่ขรุขระ ผิวไม่เหี่ยวหรือยุบตัวลงไป ไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยแตก ควรเลือกกะหล่ำปลีที่มีผิวสะอาด ไม่มีดินหรือสิ่งสกปรกติดอยู่ ไม่ควรมีรอยกัดของแมลง เพราะกะหล่ำปลีที่ถูกเก็บรักษาอย่างดีจะไม่สกปรกค่ะ 8. เลือกตามพันธุ์ การเลือกพันธุ์กะหล่ำปลีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อรสชาติและความเหมาะสมในการนำไปปรุงอาหารค่ะ ซึ่งพันธุ์ของกะหล่ำปลี มีดังนี้ 8.1 พันธุ์หัวกลม มีลักษณะรูปทรงกลมหรือทรงแป้น ใบเรียงซ้อนกันแน่น มีรสชาติที่เข้มข้นกว่าพันธุ์หัวใจ เหมาะสำหรับผัด เพราะมีเนื้อแน่น ทำสลัด เนื่องจากให้ความกรอบอร่อย และเหมาะสำหรับนำไปดองค่ะ 8.2 พันธุ์หัวใจ มีรูปทรงคล้ายหัวใจ ใบเรียงซ้อนกันหลวมกว่าพันธุ์หัวกลม มีรสชาติหวานกรอบ ที่เหมาะสำหรับนำไปต้มซุปหรือต้มจืด ทำยำ จากที่สามารถให้รสชาติที่หวานกรอบ และเหมาะสำหรับทำอาหารประเภทอบ เพราะให้รสชาติหวานนุ่ม 9. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อกะหล่ำปลีจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ากะหล่ำปลีที่เราได้มานั้นมีคุณภาพดี สด สะอาด และปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง ตัวอย่างงของแหล่งน่าซื้อ ได้แก่ ตลาดนัดเกษตรกร ที่สามารถซื้อจากเกษตรกรโดยตรง สดใหม่จากสวน ตลาดสด แต่ให้เลือกซื้อจากแผงผักที่ดูสะอาดและสดใหม่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เลือกซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีมาตรฐานค่ะ ซึ่งการสังเกตลักษณะภายนอกและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ขาย จะช่วยให้เราเลือกซื้อกะหล่ำปลีที่ดีที่สุดได้ค่ะ และนั่นคือเคล็ดลับเลือกกะหล่ำปลีค่ะ ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านได้ลองอ่านดีๆ นั้น จะพบว่า หากนำไปปรับใช้หลายแนวทาง จะทำให้เราได้กะหล่ำปลีคุณภาพดีได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยการทำแบบนี้ผู้เขียนเองก็ได้ทำเหมือนกัน ที่มักเลือกกะหล่ำปลีจากการดูแกนกลาง ดูใบและจับดูเพื่อประเมินน้ำหนักค่ะ และทุกครั้งก็ได้กะหล่ำปลีสดใหม่ และอีกหนึ่งวิธีการง่ายๆ ที่ดี ก็คือ การซื้อกะหล่ำปลีตามฤดูกาลค่ะ เพราะกะหล่ำปลีสวยและน่าซื้อ มักพบได้ง่ายกว่าในช่วงนั้นนะคะ ยังไงนั้นลองนำไปปรับใช้กันค่ะทุกคน ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/RLlkmRpZPRPy https://food.trueid.net/detail/mOZZWl9N73LO https://food.trueid.net/detail/Nv1XVw1LAb4p เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !