ภาพปกโดยนักเขียน สังขยา เป็นชื่อของหวานชนิดหนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างก็รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ด้วยความที่เป็นขนมที่ทำกินได้ง่าย แถมยังรสชาติดี ทำให้มีการนำมาประยุกต์เข้ากับขนมชนิดต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง, เค้ก, พาย และอื่น ๆ อีกมากมาย และยังมีขนมโบราณอีกชนิดที่ยังคงเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ ข้าวเหนียวสังขยานั่นเอง ในสมัยนี้มีร้านอาหาร และร้านขนมที่มีการประยุกต์สูตรเกี่ยวกับข้าวเหนียวสังขยาอยู่ไม่น้อยเลย และสำหรับเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ยุคของอาณาจักรล้านนาก็จะมีตลาดอยู่แห่งหนึ่งที่มีประวัติมายาวนานควบคู่กับอาณาจักรล้านนาจนถึงปัจจุบัน ตลาดที่ว่านั่นก็คือ ตลาดประตูเชียงใหม่นั่นเอง ภาพโดยนักเขียน ตลาดแห่งนี้จะมีชื่อเสียงในเรื่องของขนมโบราณซึ่งหาทานได้ยาก และมีการสืบทอดสูตรขนมของร้านที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่คุณย่าของนักเขียนเลย ตลาดนี้เป็นตลาดเช้าปกติแต่ละร้านมักจะเริ่มเปิดตั้งแต่ตีห้า และมักจะปิดตอนราว ๆ เก้าโมงเช้า แต่ถ้าร้านไหนของหมดก็จะกลับก่อนค่ะ และร้านนี้ก็คือร้านขายข้าวเหนียวสังขยาร้านโปรดของครอบครัวนักเขียนเอง ภาพโดยนักเขียน ร้านนี้จะตั้งอยู่แถวที่สองจากทางเข้าทางริมขวามือของตลาดเชียงใหม่ เดินเลี้ยวซ้ายจากหัวมุมมาประมาณ 100 เมตรก็จะเจอเลยค่ะ ทางร้านขายขนมไทยที่หลากหลายมาก คุณภาพดี ที่สำคัญยังราคาไม่แพงทุกเมนูเลยด้วย และแน่นอนว่าเมนูเด็ดของร้านนี้คือข้าวเหนียวสังขยาค่ะ ภาพโดยนักเขียน ข้าวเหนียวสังขยาของร้านนี้จะใช้ข้าวเหนียวพันธุ์พิเศษที่มีมีสีม่วงแดงค่ะ สีจะคล้าย ๆ ข้าวไรซ์เบอร์รี่แต่จะเป็นสายพันธุ์ของข้าวเหนียว คนทางเหนือจะเรียกข้าวชนิดนี้ว่า 'ข้าวก่ำ' ซึ่งนิยมปลูกกันมากแถมทางภาคเหนือ และอีสาน ข้าวชนิดนี้ตัวเมล็ดจะมีขนาดเล็กเรียวบาง และเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่มแต่ยังคงมีความเหนียวตามเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ สามารถทานคู่กับของหวานได้อร่อย ส่วนตัวสังขยาเองก็เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน สะอาด และทำสดใหม่ทุกวัน เนื้อสัมผัสแน่น รสชาติหวานกำลังพอดี ทานคู่กับข้าวก่ำแล้วอร่อยมากค่ะ ภาพโดยนักเขียน ข้าวเหนียวสังขยาที่ใช้ข้าวก่ำในการทำจะมีชื่อเรียกติดปากของคนที่นี่ว่า ข้าวเหนียวดำ หรือเหนียวดำค่ะ ซึ่งจะหมายถึงข้าวเหนียวดำที่ทานคู่กับสังขยาเลยถึงแม้จะไม่ได้มีคำว่าสังขยาก็ตาม เวลาที่พูดถึงร้านขายเหนียวดำหลาย ๆ คนมักจะนึกถึงร้านนี้เป็นอันดับต้น ๆ เลย ภาพโดยนักเขียน ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 10 บาท แต่ให้เยอะมาก และร้านยังคงมีเอกลักษณ์ของสมัยเก่าโดยการใช้ใช้ใบตองห่อ และใช้ไม้กลัด นอกจากจะถูก และอร่อยแล้วยังปลอดภัยจากสารเคมีจากพลาสติก และกล่องโฟมอีกด้วยค่ะ ภาพโดยนักเขียน อิ่ม อร่อย มาก ๆ เลยค่ะ ทานไปสองห่ออิ่มไปหนึ่งมื้อเลย ราคาถูกกว่าข้าวหนึ่งจานอีก เวลาเบื่ออาหาร นักเขียนมักจะซื้อขนมชนิดนี้มาทานเป็นประจำเลยค่ะ ใครที่ชอบขนมโบราณ และเมืองเชียงใหม่ อย่าลืมแวะมาทานกันนะคะ