ช่วงนี้เป็นฤดูของมะม่วงออกแล้ว จึงมีรสชาติดีและราคาถูก เมื่อเดินผ่านร้านมะม่วงจึงเลือกซื้อมาได้หลายลูก เมื่อมาถึงบ้านจึงต้องจัดการรีบทำ “กะปิน้ำปลาหวาน” กินกับมะม่วง แก้ง่วงได้ดีมากเลย วันนี้จะมาบอกสูตรทำน้ำปลาหวานแซ่บ ๆ โดยไม่ใส่พริก ได้ซื้อมะม่วง 3 พันธุ์ ทั้งมะม่วงแรดแก่ เขียวเสวย แก้วขมิ้น ซึ่ง 3 พันธุ์นี้ จะมีรสชาติที่แตกต่างกันไป ยิ่งได้น้ำจิ้มที่มีรสชาติหวานเค็มตัดกับรสเปรี้ยว แค่คิดน้ำลายก็ไหลแล้ว มะม่วงเขียวเสวย จะมีรสชาติที่หวานอมมันเป็นที่โปรดปรานของใครหลาย ๆ คน นิยมรับประทานผลดิบแก่กัน เพราะเนื้อแน่น มีความกรอบรสหวานมัน มะม่วงแก้วขมิ้น รสชาติเปรี้ยวน้อย ช่วยทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวาตอนนี้หลายจังหวัดนิยมปลูก เพราะออกลูกดกออกง่าย เนื้อหนา และมีความกรอบ มะม่วงแรด จะมีรสชาติที่เปรี้ยวอมหวานแต่จะรสจะเปรี้ยวนำ ซึ่งทำให้ตาสว่างได้ เพิ่มความกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น จึงเป็นผลไม้ยอดฮิต เนื้อกรอบ ส่วนผสม กะปิกุ้ง 4 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 600 กรัม กุ้งแห้ง 4 ช้อนโต๊ะ หัวหอม 10 หัว เกลือเล็กน้อย น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ มะม่วง ตามใจชอบเลยจ้า วิธีทำ - หั่นหรือซอยหัวหอมละเอียด เตรียมไว้ - ใส่น้ำปลาผสมน้ำเปล่านำไปตั้งไฟอ่อน ๆ ใส่กะปิลงไป เพื่อให้ละลายเข้ากัน ใช้ไฟอ่อนใส่น้ำตาลปี๊บลงไป เคี่ยวจนน้ำตาลต่อไปจนเริ่มเหนียวขึ้นจึงปิดไฟทิ้งไว้ให้อุ่น ๆ - นำกุ้งแห้งไปล้างให้สะอาดแล้วนำไปเข้าอบในไมโครเวฟเพื่อให้กุ้งสะอาดและถูกสุขลักษณะ หลังจากนั้นนำไปป่นให้ละเอียด หลังจากนั้นก็นำไปผสมกับน้ำตาลเคี่ยวคนให้เข้ากัน แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าใครชอบรสเผ็ดก็สามารถใส่พริกขี้หนูสดลงไปได้เลย รสชาติของกะปิน้ำปลาหวานที่ทำเสร็จในครั้งนี้ จะมีรสเค็มมาจากกะปิและผสมกันน้ำตาลปี๊บที่เคี่ยวจนข้น และได้โปรตีนจากกุ้งแห้งในส่วนผสม จึงทำให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น ยิ่งได้มะม่วงรสชาติเปรี้ยวนิด ๆ จึงทำให้กะปิน้ำปลาหวานแซบได้ในช่วงเวลาบ่าย ๆ อย่างวันนี้ มะม่วงเป็นผลไม้ที่ถูกใจของเราชาวไทยและชาวต่างประเทศ แถมราคาถูกและหาซื้อได้ตามทั่วไป แม้แต่รถเข็นข้างถนนยังมีขายเลย คนไทยมักจะชอบกินมะม่วงตอนดิบ เพราะถูกใจในรสมันหรือเปรี้ยว ส่วนต่างชาติมักชอบกินมะม่วงสุก เพราะติดใจในรสหวาน ประโยชน์ของมะม่วง มะม่วงดิบที่เต็มไปด้วยวิตามินซี และยังมีสารอนุมูลอิสระอีกช่วย แต่ไม่ควรรับประทานเยอะเกินไป เพราะจะทำให้เกิดปัญหาท้องอืดได้ ส่วนมะม่วงสุก จะเต็มไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตา และยังเป็นผลไม้ช่วยในการขับถ่ายจากกกากใยอีกด้วย แต่ไม่ควรจะรับประทานมากจนเกินไป เพราะให้น้ำตาลสูง จึงไม่เหมาะกับผู้เป็นโรคเบาหวาน ในการทำกะปิน้ำปลาแต่ละครั้งเราสามารถทำเยอะ ๆ ได้ แต่เราควรหากล่องพลาสติกมาใส่เก็บไว้ เพื่อรับประทานที่หลังได้ เรานำไปเก็บรักษาไว้ในตู้เย็น และที่สำคัญตู้เย็นเรามีกลิ่นเหม็นด้วย แค่นี้เราก็มีกะปิน้ำปลาเอาไว้กินเมื่อไหร่ที่เราอยากกินเลย และวิธีทำก็ไม่ยุ่งยากเลย ใครอยู่บ้านในช่วงนี้ลองหาซื้ออุปกรณ์มาทำกินกันดูนะจ๊ะ.... ภาพโดย : ผู้เขียน