9 แนวทางเลือกอาหาร ให้มีความปลอดภัย ในช่วงน้ำท่วม ทำยังไงดี อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล รู้ไหมคะว่าเวลาน้ำท่วม สิ่งที่เราเห็นด้วยตาอาจดูแค่เป็นน้ำขุ่นหรือเศษขยะลอยอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วในน้ำนั้นเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อน เช่น จุลินทรีย์จากสิ่งปฏิกูล สารเคมีจากโรงงาน หรือสิ่งปนเปื้อนจากสัตว์พาหะที่ลอยมากับกระแสน้ำ ซึ่งทั้งหมดสามารถไหลเข้ามาสัมผัสกับแหล่งอาหาร วัตถุดิบ หรือภาชนะที่ใช้ปรุงได้โดยตรงโดยที่เราไม่รู้ตัว ยิ่งในตลาดสดหรือพื้นที่ที่มีการขายอาหารใกล้ระดับพื้นน้ำ ความเสี่ยงที่อาหารจะสัมผัสกับน้ำเสียหรือไอความชื้นจากน้ำท่วมก็ยิ่งสูงขึ้น คนส่วนใหญ่จึงมักมองไม่เห็นว่าความสกปรกที่มากับน้ำ และสามารถเปลี่ยนอาหารธรรมดาให้กลายเป็นแหล่งสะสมของจุลินทรีย์ได้ในพริบตาค่ะ และสิ่งที่คนทั่วไปมักไม่ทันนึกถึงอีกคือ เส้นทางการปนเปื้อนของอาหารในช่วงน้ำท่วม บางคนเห็นร้านขายอาหารยังเปิดอยู่ก็นึกว่าปลอดภัย ทั้งที่พื้นร้านอาจเปียกจากน้ำเสีย หรือวัตถุดิบถูกเก็บไว้ในพื้นที่ที่น้ำซึมเข้าโดยไม่รู้ตัว เช่น เนื้อสัตว์ที่สัมผัสน้ำจากถังที่ไม่ได้ปิด ผักและผลไม้ที่แช่น้ำปนเปื้อน หรืออาหารแห้งที่ชื้นจนเกิดเชื้อราโดยมองไม่เห็น การเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เรารู้เท่าทันและเลือกซื้ออาหารอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะในภาวะน้ำท่วม สิ่งที่ดูเหมือนสะอาดด้วยตาเปล่า อาจแฝงอันตรายต่อสุขอนามัยมากกว่าที่เราคิดค่ะ และต่อไปนี้คือแนวทางเลือกอาหารให้ปลอดภัยช่วงที่มีน้ำท่วมนะคะ 1. เลือกซื้อจากร้านค้าที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและสะอาด ในช่วงน้ำท่วมการเลือกซื้ออาหารจากร้านค้า ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและสะอาดถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะพื้นที่ที่น้ำท่วมขังมักเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อนจากสิ่งปฏิกูล ขยะ และจุลินทรีย์ที่สามารถกระจายเข้าสู่อาหารได้โดยง่าย หากร้านตั้งอยู่ในบริเวณที่น้ำเอ่อถึงพื้น ย่อมมีความเสี่ยงที่น้ำจะกระเด็นขึ้นมาสัมผัสโต๊ะ เตา หรือภาชนะปรุงอาหาร ซึ่งทำให้จุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกายผ่านการกินโดยไม่รู้ตัว ร้านค้าที่ดีควรยกของขึ้นสูงอย่างน้อย 60 เซนติเมตรจากพื้น มีพื้นที่ระบายน้ำได้ดี และไม่มีเศษขยะหรือแหล่งน้ำเสียใกล้บริเวณจำหน่ายอาหาร เพื่อป้องกันการปนเปื้อนทางสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนค่ะ นอกจากนี้การสังเกตความสะอาดรอบร้าน ยังช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า ร้านนั้นใส่ใจเรื่องสุขอนามัยมากน้อยเพียงใด ร้านที่มีพื้นแห้งสะอาด ไม่มีคราบน้ำ หรือกลิ่นอับ มักสะท้อนถึงการดูแลอย่างต่อเนื่องของผู้ขาย เราควรสังเกตภาชนะที่เก็บวัตถุดิบว่ามีฝาปิดมิดชิดหรือไม่ มีการแยกของดิบของสุกชัดเจน และไม่วางอาหารไว้ใกล้ทางระบายน้ำ เพราะน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่สกปรกอาจนำจุลินทรีย์มาได้ การเลือกซื้อจากร้านที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและสะอาด จึงไม่ใช่เพียงเรื่องความสบายใจ แต่คือการปกป้องสุขอนามัยของครอบครัวในภาวะที่สุขาภิบาลรอบตัวอาจไม่พร้อมเหมือนช่วงปกติค่ะ 2. เลือกอาหารกระป๋องที่ไม่บุบหรือเป็นสนิม ในสถานการณ์น้ำท่วมที่การเข้าถึงอาหารสดทำได้ยาก อาหารกระป๋องจึงเป็นทางเลือกสำคัญ เพราะเก็บได้นานและสะดวกค่ะ แต่สิ่งที่เราต้องระวังคือสภาพของกระป๋องก่อนซื้อหรือเปิดใช้งาน ควรเลือกกระป๋องที่ไม่บุบ ไม่บวม และไม่มีสนิมเกาะ เพราะรอยบุบอาจทำให้ตะเข็บกระป๋องรั่วซึมจนจุลินทรีย์เข้าไปเจริญเติบโตได้ ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต ส่วนสนิมที่ผิวกระป๋องเป็นสัญญาณของความชื้นสะสม ที่อาจกัดกร่อนเนื้อโลหะและทำให้สารปนเปื้อนซึมเข้าสู่อาหารได้ ดังนั้นก่อนซื้อเราควรตรวจดูรอบกระป๋องทุกด้าน รวมถึงฝาปิดด้านบนและด้านล่างว่าปลอดภัยหรือไม่ค่ะ เมื่อเลือกได้แล้วอย่าลืมตรวจวันผลิตและวันหมดอายุบนฉลากให้ชัดเจน หากตัวอักษรเลือนหายหรือฉลากหลุดลอกจนมองไม่เห็น ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเป็นสินค้าที่ผ่านความชื้นหรือน้ำมาก่อน หลังจากเปิดกระป๋องควรใช้ช้อนสะอาดตักอาหารออกใส่ภาชนะอื่นทันที ไม่ควรเก็บไว้ในกระป๋องที่เปิดแล้ว เพราะการสัมผัสอากาศจะเร่งปฏิกิริยาทำให้โลหะละลายออกมาได้ การเลือกอาหารกระป๋องที่ดีจึงไม่เพียงช่วยให้เราอิ่มท้องในยามวิกฤต แต่ยังป้องกันสารพิษและจุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกาย ช่วยให้ทุกมื้อในช่วงน้ำท่วมยังคงปลอดภัยต่อสุขอนามัยของเราและครอบครัวค่ะ 3. เลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ในช่วงน้ำท่วมที่ระบบสุขาภิบาลอาจไม่สมบูรณ์ การเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ถือเป็นแนวทางป้องกันความเจ็บป่วยได้ดีที่สุดค่ะ เพราะความร้อนจากการปรุงช่วยทำลายจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนมากับน้ำหรือวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารที่ผ่านการต้ม ผัด ทอด หรืออุ่นร้อนจนทั่วจึงปลอดภัยกว่าการกินของเย็นหรืออาหารที่ค้างคืน โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ และข้าวที่มักเกิดการบูดเสียเร็วในสภาพอากาศชื้น ดังนั้นเราควรเลือกซื้ออาหารจากร้านที่ปรุงต่อหน้า หรือมีการอุ่นร้อนก่อนเสิร์ฟทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่เรากินผ่านกระบวนการทำลายจุลินทรีย์อย่างเพียงพอค่ะ นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่วางขายไว้เป็นเวลานานโดยไม่มีการปิดคลุม เพราะแม้จะปรุงสุกแล้ว แต่หากสัมผัสอากาศที่มีฝุ่น เชื้อรา หรือแมลงวันก็อาจปนเปื้อนจุลินทรีย์ได้อีก ควรสังเกตร้านค้าที่จัดเก็บอาหารในภาชนะมีฝาปิด ใช้ช้อนกลางแยกของดิบกับของสุก และมีอุปกรณ์หยิบจับอย่างถูกสุขลักษณะ การเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากผ่านทางอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าทุกมื้อในช่วงน้ำท่วมยังคงสะอาด ปลอดภัย และช่วยให้ร่างกายมีแรงรับมือกับสถานการณ์ต่อไปค่ะ 4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่น สี หรือรสผิดปกติ ในช่วงน้ำท่วมที่อาหารบางส่วนอาจถูกเก็บไว้นานหรือสัมผัสกับความชื้น สิ่งที่เราต้องระวังคือการเสื่อมสภาพของอาหารที่อาจไม่สังเกตเห็นได้ทันที อาหารที่มีกลิ่น สี หรือรสผิดปกติ มักเป็นสัญญาณเตือนว่าเริ่มเกิดการเน่าเสียหรือปนเปื้อนจุลินทรีย์ ควรหลีกเลี่ยงทันทีโดยไม่ต้องเสียดาย เช่น เนื้อสัตว์ที่มีกลิ่นคาวแรงกว่าปกติ ผักที่มีรอยคล้ำ หรืออาหารที่มีสีเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะอาจมีการเกิดสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย การดมกลิ่นและสังเกตสีจึงเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้มากกว่าที่คิดค่ะ ในกรณีของอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารกระป๋อง หากพบว่ามีฟองในน้ำซอส ฝาปิดนูน หรือได้กลิ่นเปรี้ยวผิดธรรมชาติ ให้หลีกเลี่ยงทันทีไม่ควรชิม เพราะการชิมแม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้รับจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายได้ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพอาหารก่อนปรุงทุกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบเก็บรักษาไม่มั่นคงจากไฟฟ้าดับหรือน้ำเข้าตู้เย็น การเลือกกินอาหารที่มีกลิ่น สี และรสปกติจึงเป็นการดูแลสุขอนามัยพื้นฐานที่ช่วยให้เราผ่านภาวะน้ำท่วมไปได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในทุกคำที่รับประทานค่ะ 5. หลีกเลี่ยงผักสดที่ล้างไม่สะอาด ในช่วงน้ำท่วมที่น้ำสะอาดอาจหายาก การกินผักสดที่ล้างไม่สะอาดถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อสุขอนามัยค่ะ เพราะผักสดมักสัมผัสกับดิน น้ำฝน หรือแหล่งเพาะปลูกที่อาจถูกน้ำท่วมมาก่อน ซึ่งในน้ำเหล่านี้อาจมีจุลินทรีย์จากสิ่งปฏิกูล สัตว์พาหะ หรือสารเคมีตกค้าง การล้างไม่ทั่วถึงทำให้จุลินทรีย์หรือพยาธิไข่เจริญเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การหลีกเลี่ยงผักสดที่ไม่ผ่านการล้างด้วยน้ำสะอาดหลายรอบ จึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันความเจ็บป่วยจากอาหารเป็นสื่อในภาวะน้ำท่วมค่ะ หากจำเป็นต้องกินผัก ควรเลือกผักที่ผ่านการต้ม ลวก หรืออบก่อนรับประทาน เพราะความร้อนสามารถทำลายจุลินทรีย์ที่อาจหลงเหลืออยู่ได้ดีกว่าการล้างด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว และควรหลีกเลี่ยงการแช่ผักในน้ำที่ไม่ทราบแหล่งที่มา เช่น น้ำจากบ่อหรือโอ่งที่อาจปนเปื้อน ควรใช้น้ำดื่มสะอาดหรือน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วล้างแทน นอกจากนี้หากต้องการเพิ่มความมั่นใจ อาจแช่ผักในน้ำผสมด่างทับทิมหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อยก่อนล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง การใส่ใจขั้นตอนเล็กๆ เหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากจุลินทรีย์ ทำให้เราและครอบครัวยังสามารถกินผักได้อย่างปลอดภัยแม้อยู่ในช่วงน้ำท่วมค่ะ 6. เลือกน้ำดื่มที่บรรจุในภาชนะปิดสนิท ในช่วงน้ำท่วมน้ำประปามักมีโอกาสปนเปื้อนสูงจากสิ่งสกปรกและจุลินทรีย์ที่ไหลมากับน้ำเสีย การเลือกน้ำดื่มที่บรรจุในภาชนะปิดสนิทจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการดูแลสุขอนามัยของร่างกายค่ะ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคทุกวัน หากภาชนะไม่ปิดแน่นหรือมีรอยรั่ว อาจเปิดทางให้จุลินทรีย์เข้าสู่ภายในได้ ควรเลือกน้ำดื่มที่มีฝาปิดแน่นไม่มีรอยหมุนเปิดมาก่อน ขวดไม่บวมและไม่มีฟองอากาศลอยอยู่ภายใน รวมถึงมีฉลากระบุวันผลิตและวันหมดอายุชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่เราดื่มสะอาด ปลอดภัยและได้มาตรฐานค่ะ ในกรณีที่ไม่สามารถซื้อน้ำบรรจุขวดได้ ควรเตรียมน้ำสะอาดเองโดยการต้มนานอย่างน้อย 10 นาที แล้วเทใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เช่น ขวดแก้วหรือขวดพลาสติกเกรดอาหาร หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะโลหะที่เป็นสนิมหรือขวดที่เคยใส่น้ำยาทำความสะอาดมาก่อน เพราะอาจมีสารตกค้างที่เป็นอันตราย สำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด ควรเก็บน้ำดื่มไว้ในถังแยกจากน้ำใช้โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากการอาบ ล้างหรือซักผ้า การเลือกน้ำดื่มที่บรรจุในภาชนะปิดสนิท จึงไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยจากน้ำเป็นสื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขาภิบาลที่ช่วยให้เรารอดปลอดภัยในทุกภาวะน้ำท่วมค่ะ 7. หลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ไม่ทราบแหล่งผลิต ในช่วงน้ำท่วมหลายคนอาจมองข้ามน้ำแข็งว่าเป็นเพียงของเย็นธรรมดา แต่แท้จริงแล้วน้ำแข็งที่ไม่ทราบแหล่งผลิตอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยได้ เพราะน้ำแข็งบางชนิดผลิตจากน้ำที่ไม่ได้ผ่านการกรองหรืออย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระบบประปาเสียหายจากน้ำท่วม ความเสี่ยงที่น้ำจะปนเปื้อนสิ่งสกปรกหรือจุลินทรีย์จะยิ่งสูงขึ้น การบริโภคน้ำแข็งที่ไม่สะอาดอาจนำไปสู่การท้องเสีย อาเจียน หรืออาการเจ็บป่วยอื่นๆ ได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเราควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่บรรจุถุงมีฉลากชัดเจนและตรารับรองจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขค่ะ เมื่อซื้อน้ำแข็งมาแล้ว ควรสังเกตลักษณะของน้ำแข็งที่ดีควรใสสะอาด ไม่มีตะกอน ไม่มีเศษสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ และถุงบรรจุต้องปิดผนึกแน่นสนิท ไม่ควรซื้อจากร้านที่น้ำท่วมถึงพื้นหรือวางน้ำแข็งบนพื้นโดยตรง เพราะอาจเกิดการละลายและปนเปื้อนจากน้ำสกปรกได้ หากต้องใช้น้ำแข็งเพื่อแช่อาหารหรือเครื่องดื่ม ควรแยกน้ำแข็งที่ใช้บริโภคออกจากน้ำแข็งที่ใช้แช่ของ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้าม การหลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ไม่ทราบแหล่งผลิต เป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันสุขอนามัยที่สำคัญ ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าความเย็นที่ดื่มนั้นสะอาดและปลอดภัยต่อร่างกายค่ะ 8. สังเกตสุขอนามัยของผู้ขาย ในช่วงน้ำท่วมที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก การสังเกตสุขอนามัยของผู้ขายอาหารจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผู้ปรุงหรือจำหน่ายอาหารเป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างแหล่งวัตถุดิบกับผู้บริโภค หากผู้ขายไม่มีการดูแลความสะอาดร่างกายหรือพื้นที่ประกอบอาหาร ก็มีโอกาสสูงที่จุลินทรีย์จะปนเปื้อนลงสู่อาหารได้โดยตรง ควรสังเกตว่าผู้ขายแต่งกายสะอาด สวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม และมีที่ล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ หากเห็นว่าผู้ขายจับเงินแล้วหยิบอาหารโดยไม่ล้างมือ หรือวางอาหารใกล้พื้นหรือแหล่งน้ำท่วม ควรหลีกเลี่ยงทันที เพราะพฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนถึงการไม่ใส่ใจเรื่องสุขาภิบาลอาหารค่ะ นอกจากนี้การดูสภาพร้านโดยรวมก็ช่วยให้เราประเมินความสะอาดได้ดีขึ้น ร้านที่มีพื้นที่แห้ง ระบายอากาศได้ดี และเก็บวัตถุดิบในภาชนะปิดมิดชิด มักมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ดีกว่าร้านที่มีเศษอาหารตกพื้นหรือมีแมลงวันบินว่อน การเลือกซื้อจากร้านที่ผู้ขายมีสุขลักษณะดี จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของความสบายตา แต่เป็นการป้องกันความเจ็บป่วยที่อาจเกิดจากการปนเปื้อนโดยตรงจากมือคนขาย การสังเกตเพียงไม่กี่นาทีช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างปลอดภัย และรักษาสุขอนามัยของครอบครัวในช่วงวิกฤตน้ำท่วมได้อย่างมั่นใจค่ะ 9. เก็บอาหารที่เหลือในภาชนะปิดมิดชิด ในช่วงน้ำท่วมที่ระบบไฟฟ้าอาจขัดข้องและตู้เย็นไม่สามารถใช้งานได้ การเก็บอาหารที่เหลือให้ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากค่ะ เพราะอุณหภูมิและความชื้นที่สูงเป็นปัจจัยให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้รวดเร็ว ซึ่งมักพบในอาหารที่เก็บไม่ถูกวิธี ดังนั้นเราควรเก็บอาหารที่เหลือในภาชนะที่ปิดมิดชิด เช่น กล่องพลาสติกเกรดอาหารที่มีฝาล็อกแน่น หรือถุงซิปล็อกสะอาด เพื่อป้องกันแมลง สัตว์พาหะ และกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ หลีกเลี่ยงการวางอาหารไว้กลางอากาศหรือบนโต๊ะโดยไม่มีฝาปิด เพราะอาจเกิดการปนเปื้อนจากฝุ่น น้ำ หรือจุลินทรีย์ที่ลอยอยู่ในอากาศได้โดยง่ายค่ะ หากไม่มีตู้เย็นควรบริโภคอาหารที่เหลือภายใน 2 ชั่วโมงหลังปรุง และหากจำเป็นต้องเก็บไว้นานกว่านั้น ควรอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนกินอีกครั้ง เพื่อทำลายจุลินทรีย์ที่อาจเริ่มเจริญเติบโต นอกจากนี้ควรแยกของดิบและของสุกไว้คนละภาชนะ และติดฉลากหรือระบุเวลาที่เก็บไว้เพื่อป้องกันการกินอาหารที่หมดอายุโดยไม่รู้ตัว สำหรับบ้านที่น้ำท่วมถึง ควรเก็บอาหารไว้บนที่สูง ไม่สัมผัสพื้นหรือบริเวณที่อาจมีน้ำสกปรก การเก็บอาหารที่เหลือในภาชนะปิดมิดชิด เป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลจริงในการรักษาความปลอดภัยของอาหารและสุขอนามัยของครอบครัว ในภาวะที่ระบบสาธารณูปโภคไม่พร้อมค่ะ ก็จบแล้วค่ะ และนั่นคือแนวทางที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อนำไปใช้เลือกอาหารให้ปลอดภัยช่วงน้ำท่วมนะคะ ที่โดยสรุปแล้วในสถานการณ์น้ำท่วมสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการจัดการน้ำหรือที่พักอาศัย คือ ความปลอดภัยของอาหาร เพราะแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนสามารถส่งผลต่อสุขอนามัยของทุกมื้อได้โดยตรง การรู้เท่าทันและเลือกอาหารอย่างระมัดระวัง จึงเป็นเกราะป้องกันสำคัญของครอบครัว ซึ่งเราจำเป็นต้องมองเรื่องนี้ในภาพรวม ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อ เก็บรักษา ไปจนถึงการปรุงและบริโภค เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่เข้าสู่ร่างกายทุกคำสะอาด ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอในช่วงที่ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่าปกติค่ะ ซึ่งแนวทางที่ดีควรเน้นความสะอาด ความร้อน และความแยกชัดเจนเป็นหลัก อาหารทุกชนิดต้องปรุงสุกใหม่หรืออุ่นให้ทั่วก่อนรับประทาน น้ำดื่มควรผ่านการต้ม หรือบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท ผักควรล้างด้วยน้ำสะอาดหลายรอบหรือเลือกแบบที่ผ่านความร้อนแล้ว รวมถึงหลีกเลี่ยงการซื้ออาหารจากร้านที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังหรือไม่สะอาด การใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้ไม่เพียงช่วยป้องกันปัญหาด้านสุขอนามัยจากอาหาร แต่ยังช่วยให้เราควบคุมความเสี่ยงจากสิ่งปนเปื้อนได้แม้อยู่ในภาวะฉุกเฉินที่สุขาภิบาลพื้นฐานถูกจำกัดค่ะ และสุดท้ายคือการปรับพฤติกรรมให้เหมาะกับสถานการณ์จริง เช่น การเก็บอาหารในภาชนะปิดมิดชิด การอุ่นร้อนก่อนกิน การเลือกซื้อจากร้านค้าที่รักษาความสะอาด และการสังเกตสุขลักษณะของผู้ขายอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจดูเล็กน้อยแต่เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันความเจ็บป่วยในภาวะน้ำท่วม เมื่อเรามีความรู้และลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถรักษาความปลอดภัยทางอาหารและสุขอนามัยของครอบครัวได้อย่างยั่งยืนในทุกสถานการณ์ค่ะ สำหรับผู้เขียนนั้นยังไม่เคยเจอน้ำท่วมในชีวิตจริงค่ะ แต่เคยไปช่วยน้ำท่วมแถวอยุธยา โดยตอนนั้นอาศัยอยู่ที่ลพบุรี ได้นำน้ำดื่มแบบขวดไปช่วย และอีกเหตุการณ์คือน้องสาวเจอน้ำท่วมสูงเกือบถึงเข่า ซึ่งตอนนั้นก็ได้แนะนำให้เขาระวังในเรื่องอาหารการกินค่ะ โดยที่นี่ในทุกๆ วัน ถึงจะไม่ได้มีน้ำท่วม แต่แนวทางหลายข้อในบทความนี้ ผู้เขียนก็ยังนำมาเป็นแนวทางสำหรับเลือกซื้ออาหารให้ปลอดภัยนะคะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้กันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #วิธีเลือกอาหาร #การจัดการอาหาร_ในภาวะฉุกเฉิน #ความปลอดภัยของอาหาร #FoodSafety เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Jcomp จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 ทริคจัดเก็บอาหารให้ปลอดภัย ตอนไม่มีตู้เย็นใช้ ช่วงน้ำท่วม 9 วิธีเลือกผักผลไม้ปลอดสารพิษ ในตลาดสด ทำยังไงดี ดูอะไรบ้าง 9 ทริคเก็บมะละกอดิบทั้งลูก เอาไว้กินนานๆ หลายวัน สดใหม่เสมอ หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !