หากคุณมาเตร็ดเตร่ย่านพระนคร ไม่ว่าจะตรงถนนดินสอ ถนนราชดำเนิน ถนนตะนาว ยาวไปถึงถนนเฟื่องนคร บอกได้เลยว่าคุณได้เข้ามาในดงของกินถิ่นอร่อยเข้าให้แล้ว ย่านนี้มีทั้งตลาดสด ร้านกาแฟน่านั่ง หรือร้านอาหารที่ขึ้นชื่อมายาวนาน เนื่องจากแถวนี้มีของอร่อยอยู่มากมายนับไม่ถ้วน หากจะหยิบยกมาทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน มื้อนี้จึงขอนำมาเสนอเพียงสามแห่งก่อนเบื้องต้น และขอรับรองถึงความอร่อยทุกสถานที่เพราะได้ไปลงพื้นที่มาแล้วเรียบร้อย อร่อยจนต้องขอบอกต่อมา ณ ที่นี้ มีที่ไหนบ้างนั้น มาดูกันค่ะ มาเริ่มร้านแรกกันที่ถนนเฟื่องนคร ร้าน Simiao Kafei (อ่านว่า ซึเมี่ยว คาเฟย) คาเฟ่สไตล์จีนที่อยู่ตรงข้ามกับวัดราชบพิธฯ เนื่องจากคำว่า Simiao แปลว่าวัด ความหมายของชื่อร้านจึงหมายถึง ร้านกาแฟข้างวัด ร้านถูกรีโนเวทจากตึกชิโนโปรตุกีส สมัยรัชกาลที่ 5 อายุมากกว่า 150 ปี ภายในร้านออกโทนสีแดงสลัว ชวนให้นึกถึงบรรยากาศจากเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้หรือผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ จุดเด่นของร้านอยู่ที่ภาพวาดบนผนังร้านที่เป็นรูปสาวจีนจมูกโด่ง หน้าตาเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดถึงใครบางคน รอคอยว่าเมื่อไหร่เขาคนนั้นจะมาที่ร้านแห่งนี้ สำหรับขนมร้านนี้เป็นแนวเบเกอรี่ประเภทขนมอบ ที่ขอแนะนำคือพายไส้อั่ว ราคา 50 บาท ตามชื่อเลยค่ะ เป็นพายก็จริงแต่ข้างในกลับมีไส้อั่ว อาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือมาเป็นไส้อยู่ข้างในเนื้อพายซะงั้น แต่เชื่อไหมว่ามันเข้ากันได้ดี ไม่แปลกลิ้น ข้างนอกกรอบ ยิ่งทานตอนร้อนๆ นี่จะฟินมาก ทานคู่กับกาแฟ Piccolo Latte แก้วละ 100 บาท มาพร้อมกับลายอาร์ตรูปหัวใจและความหอมละมุนของกาแฟ รสชาติมาแบบคั่วกลาง เขามาพร้อมกับโซดา แนะนำให้จิบโซดาก่อนแล้วตามด้วยรสกาแฟ คุณจะได้รับรู้ถึงความละเมียดที่ได้ดื่มด่ำจากกาแฟรสชาติดีแก้วนี้ ร้านเปิดอังคาร - อาทิตย์ หยุดวันจันทร์ เริ่มชงเวลา 08:00 - 17:00 น. จากถนนเฟื่องนคร เดินยาวมาถึงปากซอยแพร่งภูธร ริมถนนตะนาว ร้านที่เป็นเป้าหมายต่อมาคือ "ชิกัจฉา" ร้านกาแฟชื่อแปลกที่ตกทอดมาแล้วสามรุ่น เริ่มจากรุ่นแรก รุ่นอากง ที่โล้สำเภามาจากประเทศจีน มาตั้งรกรากที่เมืองไทย เปิดร้านกาแฟโบราณแต่ยังไม่มีชื่อร้าน ในช่วงที่น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๘ โดยมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกฯ มีอยู่วันนึงได้มีพระสงฆ์รูปนึง พายเรือผ่านมา อากงจึงขอให้พระตั้งชื่อร้านให้ และพระก็ตั้งชื่อร้านให้ว่า “ชิกัจฉา” ซึ่งเป็นภาษาบาลีสันสกฤต แปลว่า “กินดื่ม” “ความหิว” หรืออีกความหมายคือ “อโรคยา ปรมาลาภา” (ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ) ความหมายดีเชียวล่ะร้านนี้ ที่ร้านนอกจากเสิร์ฟกาแฟสดแล้ว ยังมีของทานเล่น คือ โรตีกรอบ และเป็นโรตีที่เอาใจคนรักสุขภาพ เพราะโรตีร้านนี้เป็นโรตีไร้น้ำมัน ที่สำคัญคือความอร่อย โรตีโรยด้วยโอวัลตินนะ หืมม.. มันขลุกขลิกอยู่ในกระพุ้งแก้ม มันๆ หวานๆ กรุบกรอบ กินพร้อมกับกาแฟแล้วเข้ากั๊นเข้ากัน ร้านเปิดจันทร์ถึงศุกร์ หยุดเสาร์อาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 9.00 -16.00 น. ย้อนกลับมาที่ถนนเฟื่องนครอีกสักหน่อย ลองตื่นแต่เช้า เราจะพาไปตลาดที่อยู่ในซอยเทศา นั่นก็คือ "ตลาดตรอกหม้อ" ซึ่งจะเข้าทางซอยสุขา หรือถนนราชบพิธก็ได้เช่นกัน ที่ตั้งของตลาดอยู่ใกล้กับกระทรวงมหาดไทย อยู่ในชุมชนตรอกหม้อที่มีอายุมาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เหตุที่เรียกกันว่าตรอกหม้อ อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนย่านนี้นิยมทำหม้อดินขายแล้วส่งไปที่ชุมชนบ้านหม้อ ต่อมาการทำหม้อดินเริ่มหมดความนิยม ส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนมาขายเครื่องบวชนาคแทน และท้ายที่สุดคือการขายของชำ และกลายเป็นตลาดสดจนถึงทุกวันนี้ ตลาดตรอกหม้อเป็นตลาดเช้า พอหลังเที่ยงตลาดก็เริ่มวายแล้ว แนะนำให้มาแต่เช้าซักหกโมง ไม่เกินเจ็ดโมงเช้า นอกจากคุณจะได้จับจ่ายซื้อของกินของใช้แล้ว คุณยังได้มีโอกาสทำบุญใส่บาตรอีกด้วย เพราะที่ตลาดนี้มีพระสงฆ์เดินมาบิณฑบาตรเป็นจำนวนมากทีเดียว ในส่วนของอาหารการกิน ที่นี่มีของขายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ของคาว ของหวาน อาหารสด เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ หรือแม้แต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มีครบทุกอย่างที่ตลาดแห่งนี้ เป็นไงคะ จัดมาแค่สามแห่งก็อิ่มท้องกันทั่วหน้า นี่แค่ส่วนหนึ่งของย่านพระนครเท่านั้น ยังมีอีกหลายสิบร้านที่อยากจะให้ได้ไปชิมไปกินกัน เพราะย่านพระนครนั้นเต็มไปด้วยของกินที่เป็นตำนานหลายแห่ง รวมถึงย่านสามแพร่ง ซึ่งในแต่ละแพร่งก็มีร้านอร่อยซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย แม้ผู้เขียนจะไปลงพื้นที่ย่านนี้บ่อยๆ ก็ยังเก็บไม่ครบเลย บางทีก็ไปร้านเดิมๆ เพราะติดใจในความอร่อยของแต่ละร้าน และอีกไม่นานก็คงต้องไปเยือนอีก เพื่อเสาะหาของกินถิ่นอร่อย ทั้งร้านเก่าร้านใหม่ และจะนำมาเสนออีกในตอนต่อไป โปรดติดตามจ้า ปล.ทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดย เอ๋จัง ลากแตะ (ผู้เขียน)