เต้าหู้ไข่ แบบไหนดี มีคุณภาพ สำหรับทำอาหาร | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ปัจจุบันเต้าหู้ไข่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งผัด ทอด ต้ม หรือทำเป็นของว่าง แต่ด้วยความหลากหลายของแบรนด์และชนิดของเต้าหู้ไข่ในท้องตลาด ทำให้ผู้บริโภคหลายคนเกิดความสับสนในการเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ที่มีคุณภาพ เหมาะสำหรับนำไปปรุงอาหาร จริงไหมคะ? ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เลือกซื้อเต้าหู้ไข่ที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับนำไปปรุงอาหารค่ะ โดยเคล็ดลับที่ผู้เขียนจะได้พูดถึงต่อไปนี้ เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่อ่านจบสามารถนำไปได้แบบมืออาชีพ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่ามีเคล็ดลับอะไร งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่า กับเนื้อหาดังต่อไปนี้ 1. ดูวันผลิตและวันหมดอายุ การดูวันผลิตและวันหมดอายุของเต้าหู้ไข่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นการบ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ค่ะ โดยเราต้องเลือกเต้าหู้ไข่ที่มีวันผลิตใกล้เคียงกับวันที่ซื้อที่สุด เพราะยิ่งผลิตใกล้เคียงกับวันที่ซื้อมากเท่าไร เต้าหู้ไข่ก็จะยิ่งสดใหม่มากขึ้นเท่านั้น เพราะวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาผลิตจะยังคงคุณค่าทางโภชนาการได้ดี เต้าหู้ไข่ที่ผลิตนานมาแล้ว อาจมีการเสื่อมสภาพของเนื้อสัมผัส รสชาติ และคุณค่าทางอาหาร ทำให้อาหารที่ทำออกมาอาจไม่อร่อยเท่าที่ควร วันหมดอายุเป็นวันสุดท้ายที่ผู้ผลิตรับรองว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีคุณภาพและปลอดภัยต่อการบริโภค หากบริโภคเต้าหู้ไข่ที่หมดอายุไปแล้ว อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจากอาหารเป็นสื่อได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเต้าหู้ไข่จะยังไม่หมดอายุ แต่หากเก็บไว้นานเกินไปในสภาพที่ไม่เหมาะสม ก็อาจเสื่อมคุณภาพได้เช่นกัน ดังนั้นควรดูวันผลิตและวันหมดอายุจะระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ที่ต้องอ่านให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ 2. สังเกตบรรจุภัณฑ์ การสังเกตบรรจุภัณฑ์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการเลือกซื้อเต้าหู้ไข่คุณภาพดี นอกจากจะดูวันผลิตและวันหมดอายุแล้ว การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ก็ช่วยให้เราประเมินได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นถูกดูแลและเก็บรักษาอย่างเหมาะสมหรือไม่ โดยบรรจุภัณฑ์ควรสะอาดเรียบร้อย ไม่มีรอยฉีกขาดหรือบุบสลาย ให้เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อนค่ะ บรรจุภัณฑ์ที่ดีจะช่วยรักษาความสดใหม่ รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการของเต้าหู้ไข่ได้นานขึ้น 3. ดูสีและเนื้อสัมผัส การสังเกตสีและเนื้อสัมผัสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญในการเลือกซื้อเต้าหู้ไข่คุณภาพดีค่ะ เพราะสีและเนื้อสัมผัสของเต้าหู้ไข่จะบ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาผลิต โดยปกติเต้าหู้ไข่ที่ดีจะมีสีเหลืองนวลอ่อนๆ มาจากไข่ไก่ที่นำมาเป็นส่วนผสม สีเหลืองที่เข้มเกินไปหรือซีดจางเกินไปอาจบ่งบอกว่าเต้าหู้ไข่นั้นไม่สดใหม่ หรือมีการเติมสีสังเคราะห์ เต้าหู้ไข่ไม่ควรมีสีเขียว สีเทา หรือสีอื่นๆ ที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อราหรือการเสื่อมสภาพ และเนื้อสัมผัสของเต้าหู้ไข่ที่ดีมีลักษณะดังนี้ เนื้อแน่น เด้ง: เมื่อกดลงไปที่เนื้อเต้าหู้ เนื้อเต้าหู้ที่ดีจะคืนตัวได้ดี ไม่ยุบตัวลงไป และมีความรู้สึกเด้งๆ เมื่อสัมผัส ไม่เละ: เนื้อเต้าหู้ไม่ควรมีลักษณะเละหรือเหลว ซึ่งอาจเกิดจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี หรือเต้าหู้ไข่เสื่อมสภาพ ไม่แข็งกระด้าง: เนื้อเต้าหู้ไม่ควรแข็งกระด้างจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เคี้ยวไม่ง่าย ไม่มีกลิ่นแปลกปลอม: เต้าหู้ไข่ที่ดีจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไข่ไก่ ไม่ควรมีกลิ่นเหม็นคาว หรือกลิ่นอื่นๆ ที่ผิดปกติ 4. อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ การอ่านฉลากผลิตภัณฑ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ได้อย่างมั่นใจว่าได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อการบริโภคค่ะ และรายละเอียดที่ควรสังเกตในฉลากผลิตภัณฑ์ เช่น ไข่ไก่: ควรตรวจสอบว่ามีการระบุส่วนผสมของไข่ไก่ชัดเจน และอยู่ในลำดับต้นๆ ของรายชื่อส่วนผสม ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณค่อนข้างมาก สารแต่งสีสังเคราะห์: หลีกเลี่ยงเต้าหู้ไข่ที่มีการเติมสีสังเคราะห์ เช่น สีเหลือง หรือสีแดง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ในบางคน วัตถุดิบอื่นๆ: ตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของวัตถุดิบอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพหรือไม่ เช่น กุ้ง ปลา หรือถั่วเหลือง 5. เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อเต้าหู้ไข่จากยี่ห้อที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณภาพและได้มาตรฐาน จากที่บริษัทที่มีชื่อเสียงมักจะมีระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงมักจะมีภาพลักษณ์ที่ดี และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วไป และตัวอย่างยี่ห้อเต้าหู้ไข่ที่เป็นที่รู้จัก 6. สัมผัสเนื้อเต้าหู้ การสัมผัสเนื้อเต้าหู้เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราประเมินความสดใหม่ของเต้าหู้ไข่ได้อย่างรวดเร็วค่ะ โดยเนื้อเต้าหู้ที่ยังสดใหม่จะมีความแน่นและเด้งตัว เมื่อกดลงไปแล้วจะค่อยๆ คืนรูปกลับมา เนื้อสัมผัสที่เปลี่ยนแปลงไป อาจบ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของเต้าหู้ เช่น เนื้อนิ่ม เละ หรือแข็งเกินไป และวิธีการสัมผัสเนื้อเต้าหู้ มีดังนี้ ให้กดลงไปบนเนื้อเต้าหู้เบาๆ ด้วยปลายนิ้ว สังเกตการคืนตัว เนื้อเต้าหู้ที่สดใหม่จะค่อยๆ คืนรูปกลับมา ไม่ยุบตัวลงไป หรือเป็นรอยบุ๋ม เปรียบเทียบความแน่นของเนื้อเต้าหู้กับเต้าหู้ที่เคยซื้อมา ถ้ารู้สึกว่าเนื้อแน่นน้อยลง อาจเป็นสัญญาณว่าเต้าหู้เริ่มเสื่อมสภาพแล้วค่ะ 7. ดมกลิ่น การดมกลิ่นเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ที่สดใหม่ได้ หากเต้าหู้ไข่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไข่ไก่ แสดงว่าเต้าหู้ไข่นั้นยังสดใหม่และพร้อมนำไปปรุงอาหารได้เลยค่ะ เต้าหู้ไข่ที่สดใหม่จะไม่เหม็นคาวหรือมีกลิ่นอื่นๆ ที่ผิดปกติ หากเต้าหู้มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรือกลิ่นอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ แสดงว่าเต้าหู้เริ่มบูดเสียแล้ว และสาเหตุที่ทำให้เต้าหู้ไข่มีกลิ่นผิดปกติ ได้แก่ อายุของเต้าหู้: เต้าหู้ไข่ที่เก็บไว้นานเกินไปจะเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว การเก็บรักษา: การเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี เช่น การเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง หรือการวางไว้ใกล้กับอาหารที่มีกลิ่นแรง อาจทำให้เต้าหู้ไข่ดูดซับกลิ่นและเสียรสชาติได้ การปนเปื้อน: หากเต้าหู้ไข่สัมผัสกับเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรก อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าได้ 8. ตรวจสอบน้ำหนัก การตรวจสอบน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินคุณภาพของเต้าหู้ไข่ได้ค่ะ เต้าหู้ไข่ที่สดใหม่จะมีน้ำหนักที่เหมาะสม ไม่เบาเกินไปหรือหนักเกินไป หากเต้าหู้ไข่มีน้ำหนักเบา อาจบ่งบอกว่าเต้าหู้สูญเสียน้ำไป ทำให้เนื้อแห้งและแข็ง หากเต้าหู้ไข่หนักเกินไป อาจมีน้ำมากเกินไป หรือมีการเติมน้ำเพิ่มเข้าไป ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เต้าหู้ไข่มีน้ำหนักเบา เช่น อายุของเต้าหู้: เต้าหู้ไข่ที่เก็บไว้นานเกินไปจะคายน้ำออกมา ทำให้น้ำหนักเบาลง การเก็บรักษา: การเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี เช่น การเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง หรือการวางไว้ในที่ที่มีลมโกรก อาจทำให้เต้าหู้ไข่สูญเสียน้ำได้ กระบวนการผลิต: หากกระบวนการผลิตไม่ถูกต้อง อาจทำให้เต้าหู้ไข่สูญเสียน้ำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต 9. เลือกขนาดให้เหมาะสม การเลือกขนาดของเต้าหู้ไข่ให้เหมาะสมกับปริมาณที่ต้องการใช้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อค่ะ เพราะจะช่วยให้เราไม่ซื้อมากเกินไปหรือขาดไป และเหตุผลว่าทำไมต้องเลือกขนาดให้เหมาะสม ก็เพราะว่า ป้องกันการสูญเสีย: หากซื้อเต้าหู้ไข่มากเกินไป และเก็บไว้นานเกินไป อาจทำให้เต้าหู้เสื่อมสภาพและต้องทิ้งไป ประหยัดค่าใช้จ่าย: การซื้อเต้าหู้ไข่ในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้ สะดวกในการใช้งาน: หากซื้อเต้าหู้ไข่ขนาดพอดี จะสะดวกในการนำไปประกอบอาหาร และวิธีการเลือกขนาดของเต้าหู้ไข่ มีดังนี้ พิจารณาปริมาณสมาชิกในบ้าน หากมีสมาชิกในบ้านจำนวนมาก ก็ควรเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น พิจารณาเมนูอาหาร หากต้องการทำเมนูอาหารที่ใช้เต้าหู้ไข่ปริมาณมาก ก็ควรเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น พิจารณาความถี่ในการบริโภค หากทานเต้าหู้ไข่บ่อยๆ ก็ควรเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่ควรเก็บรักษาให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ การเลือกขนาดของเต้าหู้ไข่ให้เหมาะสม จะช่วยให้เราบริหารจัดการอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปริมาณอาหารที่เหลือทิ้ง นอกจากนี้ยังช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายและได้ทานเต้าหู้ไข่ที่สดใหม่เสมอ 10. เก็บรักษาอย่างถูกวิธี การเลือกซื้อเต้าหู้ไข่จากร้านค้าที่จัดเก็บรักษาอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณผู้อ่านได้เต้าหู้ไข่ที่สดใหม่และมีคุณภาพดีที่สุด เนื่องจากการจัดเก็บที่ถูกวิธีจะช่วยรักษาความสดใหม่ของเต้าหู้ไข่ การจัดเก็บที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของเต้าหู้ไข่ ทำให้คุณผู้อ่านสามารถเก็บไว้ทานได้นานขึ้น การจัดเก็บที่ถูกวิธีจะช่วยป้องกันไม่ให้เต้าหู้ไข่ปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรค โดยวิธีสังเกตว่าร้านค้าจัดเก็บเต้าหู้ไข่อย่างถูกวิธีหรือไม่ มีดังต่อไปนี้ ตู้เย็น: ตู้เย็นที่ใช้เก็บเต้าหู้ไข่ควรมีความสะอาดและมีอุณหภูมิที่เหมาะสม (ประมาณ 2-8 องศาเซลเซียส) บรรจุภัณฑ์: เต้าหู้ไข่ควรบรรจุอยู่ในภาชนะที่สะอาดและปิดสนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อน การจัดเรียง: เต้าหู้ไข่ควรจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไม่ควรวางซ้อนกันมากเกินไป เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบวันหมดอายุและป้องกันการเสียรูป วันหมดอายุ: ตรวจสอบวันหมดอายุของเต้าหู้ไข่ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรเลือกเต้าหู้ไข่ที่มีวันหมดอายุไกล ความสะอาดของร้าน: สังเกตความสะอาดของร้านค้า หากร้านค้าสะอาด บ่งบอกถึงความใส่ใจในการดูแลผลิตภัณฑ์ ก็จบแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ พอมองภาพออกบ้างแล้วใช่ไหมว่า ถ้าต้องไปเลือกซื้อเต้าหู้ไข่ต้องสังเกตอะไรบ้าง โดยวิธีการที่ผู้เขียนได้พูดถึงข้างต้นนั้น ส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ได้ปรับใช้เหมือนกันค่ะ ที่มักซื้อเต้าหู้ไข่ยี่ห้อซีพีจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านหน้าปากซอย เพราะเต้าหู้ไข่ของที่นี่ทำให้มั่นใจได้ว่า ถูกจัดเก็บรักษาไว้อย่างถูกวิธีและเหมาะสมค่ะ และราคาไม่แพงมากด้วย ที่ส่วนมักจะซื้อมาทำอาหาร 2-3 หลอดต่อครั้งเท่านั้น ยังไงนั้นคุณผู้อ่านก็อย่าลืมใช้เคล็ดลับในนี้นะคะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/G5BAPen7Kye0 https://food.trueid.net/detail/MWDMyBe0A3ap https://food.trueid.net/detail/LjrEAl0Bw143 หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !