การจะเก็บผักและผลไม้ให้อยู่นาน ไม่ใช่แค่จะเอาเข้าตู้เย็นแล้จะรอด เพราะผักผลไม้ที่เราซื้อมาจากตลาด หรือ จากซุปเปอร์มาร์เก็ตบางชนิดเก็บไว้นอกตู้เย็นไม่ทันไรก็เหี่ยวฉาว แต่บางชนิดเอาเข้าตู้เย็นก็เน่า เปื่อย สุกงอมเร็ว จนบางทีเราก็ไม่รู้ว่าจะถนอมผักผลไม้เหล่านี้อย่างไร วันนี้เราจึงอยากเอาวิธีการถนอมผักและผลไม้ให้อยู่นานมาแชร์ให้อ่านกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องทิ้งผักผลไม้ให้เป็นขยะ และที่สำคัญช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเราด้วย เรามาดูกันเลยค่ะ3 วิธีการถนอมผักและผลไม้ ให้อยู่นานวิธีที่ 1: เลือกอุณหภูมิในการจัดเก็บให้พอเหมาะผักและผลไม้แต่ละชนิด ชอบอุณหภูมิไม่เหมือนกัน ซึ่งวิธีถนอมผักผลไม้ให้อยู่นานวิธีแรก คือการจัดเก็บผักและผลไม้ให้ถูกกับอุณหภูมิที่ผักและผลไม้เหล่านั้นชอบ หากใครเคยสังเกต จะรู้ว่าถ้าเราเอากล้วยไปแช่ตู้เย็น ไม่กี่วันกล้วยจะช้ำ เปลือกดำไม่น่ารับประทาน นั่นก็แปลว่ากล้วยไม่ชอบอุณหภูมิเย็น ๆ นั่นเองค่ะ และนี่คือวิธีการเก็บผักผลไม้ให้ถูกกับอุณหภูมิ เพื่อให้ผักและผลไม้ อยู่ได้นานผักและผลไม้ที่เก็บในตู้เย็น แล้วอยู่ได้นานอุณหภูมิของตู้เย็นในการเก็บผักและผลไม้ให้อยู่นาน คือ ประมาณ +4 องศา ถ้าเราตั้งอุณหภูมิตู้เย็นให้เย็น หรือ ร้อนกว่านี้อาจจะทำให้ผักผลไม้เสียคุณค่า รวมทั้งอาจเน่าเสียก่อนเวลา ดังนั้นการตั้งอุณหภูมิตู้เย็นให้พอดีจะทำให้ผักและผลไม้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ผลไม้ที่เก็บในตู้เย็นแล้วอยู่นาน เช่น แอปเปิ้ล แตงโม กีวี องุ่น พลัม ผักที่เก็บในตู้เย็น แล้วอยู่นาน เช่น บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม แครอท ผักและผลไม้ที่เก็บในอุณหภูมิห้อง แล้วอยู่ได้นาน การเก็บผักและผลไม้บางชนิดที่อุณหภูมิห้อง จะอยู่ได้นานกว่าการเก็บในตู้เย็น ซึ่งอุณหภูมิห้องที่เรากล่าวถึง คือ ประมาณ 12-15 องศา หากอุณหภูมิมากกว่านี้ก็อาจจะทำให้ผัก และผลไม้สุก หรือเน่าเสียเร็วขึ้น ตัวอย่าง ผลไม้ที่เก็บในอุณหภูมิห้อง แล้วอยู่ได้นาน เช่น กล้วย มะม่วง ผักที่เก็บในอุณหภูมิห้อง แล้วอยู่ได้นาน เช่น ฟักทอง อโวคาโด พริกหวาน แตงกวา มะเขือเทศ มะนาว (รวมทั้ง Lime & lemon ค่ะ)วิธีที่ 2: เลือกวัสดุในการจัดเก็บให้เหมาะสมการเลือกวัสดุในการจัดเก็บให้เหมาะสม ก็เป็นวิธีการถนอมผักและผลไม้ให้อยู่นานที่ได้ผลดีเช่นกัน เพราะผักและผลไม้บางชนิด จะอยู่ได้นานในถุงกระดาษ บางชนิดก็อยู่ได้นานในพลาสติกห่อหุ้ม บางชนิดก็จะอยู่ได้นานในที่มืด ตัวอย่างมันฝรั่ง ที่ถ้าเราไม่เก็บในที่มืด อาจจะทำให้มันฝรั่งกลายเป็นสีเขียว ซึ่งอาจจะทำให้มีพิษ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่ควรนำมารับประทาน แต่ถ้าเราเก็บในอุณหภูมิห้องที่มืด มันฝรั่งจะอยู่ได้นานถึง 2-4 เดือนเลยค่ะกระเทียม บ้านเรานิยมเอามาแขวนในที่ร่มให้ลมโกรกเพราะเข้าใจว่าน่าจะเก็บได้นาน แต่เราก็ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ที่ต่างประเทศ กลับใช้ไม่ได้ผล อีกวิธีที่ทำให้กระทียมเสียหายเร็วมาก คือการใส่ขวดโหลปิดฝามิดชิด เมื่อวิธีเก่าไม่ได้ผลเราเลยลองทำตามวิธีของต่างชาติ โดยเอากระเทียมที่ยังไม่แกะมาห่อถุงกระดาษเก็บในตู้เย็น ซึ่งเราพบว่า เก็บได้นานกว่า 2 เดือนแถมไม่งอกด้วย แต่ถ้าเราซื้อกระเทียมมาแบบที่เค้าห่อมาเรียบร้อย (ตามรูปด้านล่าง) อันนั้นเอาไปเก็บในตู้เย็นที่ไม่ใช่ช่องผักก็อยู่ได้มากกว่า 3 เดือน ทั้งสองวิธีอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น แต่พอดีเรากินหมดก่อน เดี๋ยววันหลังจะทดลองดูว่าวิธีไหนเก็บกระเทียมได้ยาวนานกว่า แล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะวิธีที่ 3: ผักผลไม้บางชนิดไม่ควรเก็บใกล้กันนอกจากการเลือกอุณหภูมิ เลือกวัสดุในการจัดเก็บผักและผลไม้ให้อยู่นานแล้ว การเก็บผัก ผลไม้บางชนิดให้อยู่ห่างจากกัน ก็จะช่วยให้ผักและผลไม้อยู่ได้นานขึ้น เช่น แอปเปิ้ล ที่ไม่ควรเก็บไว้ใกล้ผลไม้ชนิดอื่น ซึ่งเราจะยกตัวอย่างการจัดเก็บผักผลไม้บางส่วนมาให้อ่านกันค่ะตัวอย่างวิธีการถนอมผักและผลไม้ให้อยู่นานแอปเปิ้ลการจะเก็บแอปเปิ้ลให้อยู่นานขึ้น ควร ใส่ถุงพลาสติกเก็บในตู้เย็น และเก็บแยกจากผัก และผลไม้ชนิดอื่น เพราะแอปเปิ้ลจะปล่อยสารบางชนิดมาเร่งปฏิกิริยา ให้ผลไม้ชนิดอื่น สุกงอม เน่าเสียเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเก็บแอปเปิ้ลใกล้องุ่น จะทำให้องุ่นสุกงอม ไม่น่ารับประทาน แต่ทั้งนี้แอปเปิ้ลแต่ละสายพันธุ์ แต่ละชนิดอาจจะอยู่ได้นานแตกต่างกันไปกะหล่ำปลี การจะเก็บกะหล่ำปลีให้อยู่นานขึ้น ควรนำกะหล่ำปลีมาหุ้มพลาสติกเก็บในตู้เย็น ซึ่งวิธีนี้จะสามารถเก็บกะหล่ำปลีได้ประมาณ 2 เดือน และหากเราต้องการนำกะหล่ำปลีที่เหี่ยวเฉาจากการเก็บนาน มาทำให้กรอบอร่อยยิ่งขึ้น โดยการหั่นกะหล่ำปลีแช่น้ำแล้วเอาไปแช่ในตู้เย็น แค่นี้เราก็สามารถเปลี่ยนกะหล่ำปลีเฉาๆ ให้กรอบอร่อยแล้วค่ะแครอทสำหรับแครอทเป็นผักที่มีน้ำค่อนข้างเยอะ ซึ่งถ้าเราซื้อแบบใส่ถุงมาแล้วใส่ในตู้เย็น จะทำให้แครอทเน่าเสียเร็ว เพราะน้ำในแครอท ทำให้ถุงชื้น ดังนั้นหากเราเก็บใส่ถุง ควรใส่กระดาษลงไปในถุงเพื่อดูดซับความชื้นจะทำให้แครอทเก็บได้นานขึ้นค่ะ มะละกอดิบสมัยก่อน ตอนอยู่เมืองไทย เราไม่เคยใส่ใจกับการเก็บมะละกอดิบ เพราะมะละกอบ้านเรามีราคาถูก และยิ่งถ้าอยู่ต่างจังหวัดมะละกอริมรั้วเก็บได้ไม่อั้น แต่พอมาอยู่ต่างประเทศ มะละกอหนึ่งลูก ราคาเกือบ 300 บาท ซึ่งเราเคยแชร์ไปแล้วในบทความ สินค้าไทยในสวีเดน ถูกหรือแพง ??? (trueid.net) ดังนั้นการจะซื้อมะละกอมาทิ้งขว้างก็ใช่เรื่อง ปกติถ้าเราซื้อมาจากร้านค้าเค้าจะห่อพลาสติกมาให้ จะเก็บแบบนั้นที่ช่องผักเลยก็ได้ หรือ ถ้าเราซื้อมะละกอใส่กระเป๋าโหลดมาด้วย แนะนำให้ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ รับรองอยู่ได้เป็นเดือนค่ะและนี่คือวิธีการถนอมผักและผลไม้ ให้อยู่นาน ที่เราอยากแชร์วันนี้ เอาจริง ๆ ช่วงอยู่เมืองไทยเราแทบไม่เคยใส่ใจ วิธีการถนอมผัก และผลไม้ เพราะบ้านเราอุดมสมบูรณ์ หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด เราจึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญในการจัดเก็บผักและผลไม้มากเท่าที่ควร แต่สำหรับชาวต่างชาติเค้าเชื่อว่าการจัดเก็บผักและผลไม้ไม่ถูกวิธีจะทำให้คุณค่าทางสารอาหารลดลง แต่สำหรับเราเพราะผักและผลไม้มีราคาแพง ทำให้เราต้องหา วิธีการถนอมผักและผลไม้ ให้อยู่นาน เพื่อประหยัดเงินนั่นเองค่ะ วันนี้ลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่นะคะบทความอื่นที่เกี่ยวข้องhttps://food.trueid.net/detail/OKPdjzxn0YwKรวมผักผลไม้มีไซยาไนด์ตามธรรมชาติ เสี่ยงอันตราย!! (trueid.net)สินค้าไทยในสวีเดน ถูกหรือแพง ??? (trueid.net)รีวิวสินค้าไทยในสวีเดนยุคของแพง 2022 (trueid.net)เปรียบเทียบราคาสินค้าในไทย & ในสวีเดน กับมะเขือเปราะ 6 ลูกร้อย (trueid.net)สับปะรด มะม่วง กล้วย ส้ม จากประเทศไหนอร่อย (trueid.net)https://food.trueid.net/detail/1Yg7XV7oDAeYขอขอบคุณ ภาพปก และภาพประกอบบทความ โดยผู้เขียนBy Nurseonomy7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์