เนื่องจากในปัจจุบัน วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยเปลี่ยนไปมาก เน้นการรับประทานอาหารตะวันตกกันมากขึ้น รวมไปถึงขนม ที่เน้นไปทางเบเกอรี่ คุกกี้ ขนมเค้ก ทำให้ขนมไทยโบราณบางอย่างเริ่มจะเลือนหายไป เพราะไม่เป็นที่นิยม เล็บมือนาง เป็นขนมไทยโบราณ อีกชนิดที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จัก กันแล้ว เริ่มหารับประทานยาก ลองมาดูว่ามีลักษณะอย่างไร เล็บมือนาง เป็นขนมไทยโบราณที่มีลักษณะ เป็นแป้งปั้นกลม ๆ ยาว ๆ คลุกด้วยมะพร้าว เวลารับประทานต้องเทน้ำกะทิราด พร้อมทั้งตักน้ำตาลคลุกงาโรยด้านบน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมะพร้าวและงาคั่ว รสชาติหวาน ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ มักรับประทานเป็นของว่างหลังมื้ออาหาร เราเองเคยรับประทานขนมเล็บมือนางตอนเป็นเด็ก ชอบกินมาก แม่ชอบซื้อมาให้กินตอนอยู่ชั้นประถมศึกษา แต่พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้กินอีกเลย ไม่เคยรู้ด้วยว่าขนมชนิดนี้เรียกว่าอะไร เพราะแม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ( แม่เราเป็นคนจีน ) จนเมื่อเช้าได้ออกไปซื้อของที่ตลาดสด เดินผ่านหน้าร้านขายโจ๊กที่มักจะมีขนมหวานโบราณแบบไทยขายด้วย เห็นขนมชนิดนี้อยู่ในกล่อง รีบสอยกลับมา ราคากล่องละ 20 บาท วิธีการทำขนมเล็บมือนางนั้น ดูแล้วมีหลายขั้นตอนเหมือนกัน ต้องเตรียมทำ 4 อย่าง คือ เตรียมแป้งปั้นเป็นรูปกลม ๆ ยาว ๆ , เตรียมกะทิ, เตรียมงาคั่วกับน้ำตาล และเตรียมมะพร้าว ซึ่งขั้นตอนการเตรียมแป้งน่าจะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เพราะต้องผสมแป้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน นำมานวด ปั้น แล้วต้ม แล้วค่อยนำมาคลุกกับมะพร้าว เวลารับประทานก็ราดน้ำกระทิและโรยน้ำตาลคลุกงา ขนมจะอร่อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสดใหม่ของกะทิ และความหอมของงาคั่ว สำหรับขนมกล่องนี้ เปิดออกมาปุ๊ป ได้กลิ่นความหอมของมะพร้าวก่อนเลย พอราดน้ำกะทิเข้าไป โรยน้ำตาลเล็กน้อย คลุกให้เข้ากันแล้วชิมคำแรก ขอบอกว่ารสชาติดีมาก ตัวแป้งนุ่มกำลังพอดี มะพร้าวขูดหอมหวาน สด ไม่มีกลิ่นหืน น้ำกะทิรสชาติเค็มมัน รวมกับน้ำตาลที่โรยลงไปแล้วเข้าท่ามากค่ะ เนื่องจากเราไม่ชอบรับประทานหวานมาก จึงใส่น้ำตาลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เลยไม่ค่อยได้รสชาติของงาคั่วเลย ถ้าได้ใส่งาคั่วไปเยอะ ๆ คาดว่ารสชาติจะดีขึ้นอีกเยอะค่ะ หันไปถามลูกสาวที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น ว่ารู้จักขนมชนิดนี้หรือเปล่า เธอบอกว่าไม่รู้จักเลย ที่โรงเรียนก็ไม่เคยมีขายขนมชนิดนี้ ให้ลองชิมดู เธอก็บอกว่าอร่อยดี แต่ก็ไม่ได้ชอบมาก เพราะว่าไม่ชอบขนมที่มีกะทิมาก ๆ ส่วนมากเธอจะชอบแนวขนมปัง เค้ก คุ๊กกี้ ที่มีนมเนยมากกว่า ขนมไทยโบราณ นับวันจะค่อย ๆ หายไปทุกที คนทำก็อายุมากขึ้น คนรับประทานก็น้อยลง สถานที่ขายก็หายากขึ้น โดยเราสามารถหาซื้อขนมประเภทนี้จากตลาดสด ตลาดโบราณ หรือตลาดโอทอป เท่านั้น อยากให้ทุกคนลองกลับมารับประทานขนมไทยอีกครั้ง เพื่อสืบสานอาหารไทยให้คงอยู่นานที่สุดค่ะ ภาพทั้งหมดโดย Lek-Farmfunbook