“ กระเจี๊ยบเขียว” เป็นอาหารจานโปรด ถ้าใครเคยได้ทาน และทานเป็น เราว่า ก็ต้องชื่นชอบเหมือนกัน ประเทศเราโชคดีมีของดีให้กินตลอดทั้งปี กระเจี๊ยบเขียวยังเป็นที่ต้องการของประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก แต่ละปีเราส่งสินค้าออกไม่ต่ำกว่า 5000 ตัน มูลค่าหลาย ร้อยล้านบาท ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มีประชากรอายุยืนระดับเป็นต้น ๆ ของโลก เพราะเลือกทานของที่ประโชยน์ ทานของสดดี และก็นิยมรับประทานกระเจี๊ยบเขียวมาก เรารู้จักคุณลุงที่ปลูกต้นกระเจี๊ยบเขียว ขายที่จังหวัดนครปฐม แกก็ปลูกส่งญี่ปุ่นอย่างเดียว การที่จะส่งออกญี่ปุ่นได้ต้องได้รับมาตรฐาน GMP และ GAP และข้อกำหนดเรื่องสารเคมีตกค้างต้องผ่านการตรวจถึงจะส่งออกได้ แต่คนไทยยังบริโภคกระเจี๊ยบเขียวไม่มากเท่าที่ ควร โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หรือเด็ก ๆเท่าที่เรารู้จักส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยทาน บางคนก็บอกว่าทานไม่เป็น อาจเป็นเพราะตลาดที่ขายของส่วนใหญ่ขายแต่ผักเดิม ๆ ทำให้คุ้นเคยกับผักอยู่ไม่กี่ชนิด เช่น คะน้า ผักกาด ผักบุ้ง แครอท กวางตุง ซึ่งล้วนแต่มีสารเคมีตกค้างเป็นส่วนใหญ่ เราต้องหันมาใส่ใจการบริโภค เพื่อให้ลูกหลาน ได้กินผักพืชบ้านของไทย และมีความหลากหลายในการกิน ไม่ใช่ให้นายทุนเลือกผักที่จะทำตลาดมาให้เรากินเพียงอย่างเดียว เราต้องผลักดันให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักผักพื้นบ้านของไทยเรา ว่ามีคุณประโยชน์มากมาย ว่าแล้วก็ดูประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียวมทั้งตำรา ทั้งคุณหมอก็แนะนำให้ทาน แต่ให้ดีทานแบบอินทรีย์ หรือเกษตรกร ที่มีกลุ่มปลูกแบบไร้สารเคมีจะดีมสก ประโยชน์ของกนะเจี๊ยบเขียว มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ในเมือกลื่น ๆ ของกระเจี๊ยบเขียวช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคเบาหวานและความดัน ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศ และลดคอเลสรอลในร่างกาย ว่าแล้วเราก็มาปรุงอาหารด้วยกระเจี๊ยวเขียวกันเถอะ วัตถุดิบก็ไม่มีอะไรมาก ปรุงให้น้อยประโยชน์เยอะ 1. เจี๊ยบเขียว 2. กระเทียม 3. พริกไทย 4. เกลือ 6. พริก 7. เนื้อไก่ วิธีทำ 1. ตั้งกระทะให้ร้อนใส่กระเทียมเจียวลงไปเจียวกระเทียนให้เหลืองจนกลิ่นหอม 2.ผัดไก่ให้สุกปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย 3. ใส่กระเจี๊ยบที่หั่นลงไปในกระทะ ผัดจนเห็นยางเหนียว ๆ ลื่น ๆ ออกมา จนกระเจี๊ยบเริ่มเปลี่ยนสี ตอนนี้คือกลิ่นพริกไทยกระเทียมหอมฟุ้งกระจายห้องครัว แค่นี้ก็พร้อมทาน ขอเข้าวสวยร้อน ๆ สักจาน ก็ดีต่อกาย ต้องไปทำทานกันดูนะค่ะ ชีวิตเรายังต้องได้ลิ่มลองรสชาติอาหารใหม่ ๆ โดยเฉพาะผักพื้นบ้านของไทย