เช้าหนึ่ง-ที่เพิ่งผ่านฝนโปรยม่านน่านฟ้าเหนือลำน้ำปัตตานีใจกลางเมือง ผู้เขียนนั่งจมจ่อมจิบชาเช้าใต้เพิงชาริมบาทวิถี เยื้องมัสยิดโดมเด่นริมฝั่งน้ำ บรรดาคอสภาน้ำชาเช้าที่มักพบเจอลูกค้าเจ้าประจำ ห้วงขณะหยิบขนมรูปร่างแปลกประหลาดชิ้นหนึ่งจากถาดขนมเบื้องหน้ามากิน ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ก็สงสัยว่ามันชื่อขนมอะไร ด้วยเพราะไม่คุ้นชิน เลยถามชายชรามุสลิม(เปาะจิ) ที่นั่งโต๊ะข้างๆถึงชื่อขนมชนิดนี้ ก็ได้รับคำตอบว่า เจ้าขนมนี้ ที่นี่เขาเรียกกันว่า “ขนมเจ๊ะแมะ” หรือตามชื่อเรียกภาษาพื้นถิ่นยาวีว่า “ตือปงเจ๊ะแมะ” วิถีเช้า ร้านชาสันกาลาคีรี หลังจากได้ลองลิ้มชิมชื่นแล้ว ก็ให้รู้สึกว่า รสชาติขนมนี้คล้ายเหมือนรับรสหวานของมันเทศเจือกับรสน้ำตาลทรายหน่อยๆ ที่ลงตัวกลมกล่อม นุ่มหนึบ ชวนให้หยิบชิ้นที่ 2 ที่ 3 ตามมา พร้อมกับกระดกจิบซดชาเช้าอย่างสุขสุนทรีย์ จนหลายเช้าจำต้องมาตามกลิ่นชวนถวิลหาในรื่นรสขนมที่ชื่อ “เจ๊ะแมะ” ที่ว่านี้ จนกลายเป็นความคุ้นชิน หน้าตาขนมเจ๊ะแมะ (ตือปงเจ๊ะแมะ) เจะแมะคือขนมอะไร ไฉนชื่อแปลกไม่คุ้นหู!! ผู้เขียนมีโอกาสได้สอบถาม นางเจ๊ะรุสนา บูงอตาหยง มีอาชีพเป็นครูในจังหวัดปัตตานี ซึ่งนอกจากงานประจำที่สอนหนังสือแล้ว ก็ยังได้ทำขนมเจ๊ะแมะ ขายแก่เพื่อนครูอีกด้วย โดยได้รับการเรียนรู้สูตรการทำขนมมาจากรุ่นก่อนๆ “ จากคำบอกของผู้เฒ่าผู้แก่ ให้รู้มาว่าขนมเจ๊ะแมะ หรือตามภาษายาวี(ภาษาท้องถิ่นชาวมุสลิมแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้) ได้เรียกชื่อขนมนี้ว่า “ตือปงเจ๊ะแมะ” เป็นขนมสูตรโบราณที่ขึ้นชื่อ ซึ่งแถบถิ่นอื่นจะไม่มี โดยมีส่วนผสมหลักคือหัวมันเทศ แป้งสาลี และน้ำตาลทราย ” นางเจ๊ะรุสนาฯ บอกถึงชื่อที่มาของขนมชนิดนี้ นางเจ๊ะรุสนา บูงอตาหยง : ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนมเจ๊ะแมะ ขนมเจ๊ะแมะ ต่อข้อถามว่า ก่อนที่จะมาเป็นขนมวางขายตามร้านน้ำชาเช้า เขามีกรรมวิธีทำอย่างไร? นางเจ๊ะรุสนาฯ ร่ายให้ฟังอีกว่า “ขั้นแรกเราเอาหัวมันเทศที่เตรียมไว้ ไปต้มให้สุก แล้วนำมามาบดหรือตำให้เนื้อเละเข้ากันอย่างละเอียด แล้วผสมกับแป้งสาลีแล้วเคล้าผสมนวดให้เข้ากัน แล้วจากนั้นก็นำมาปั้นเป็นก้อนๆลักษณะคล้ายไข่นก จะเป็นก้อนกลมๆหรือก้อนรีๆก็ได้ แล้วแต่จะชอบ” เขาบอกต่ออีกว่า “เมื่อได้ก้อนขนมที่ปั้นแล้ว ก็นำมาบี้ตรงกลางให้บุ๋มเป็นหลุม แล้วตักน้ำตาลทรายประมาณ ๑ ช้อนชาโรยลงไปในร่องบุ๋ม แล้วบิห่อคลึงให้เป็นทรงไข่ หรือทรงกลมอีกครั้ง ทีละก้อนจนหมด ผู้เขียนชักจะเริ่มได้กลิ่นชวนลิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผู้ที่ให้ความกระจ่างถึงการทำขนมที่ว่านี้มาถึงตรงนี้! “ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อได้ก้อนขนมที่ยัดน้ำตาลทรายลงไปแล้ว จากนั้นก็นำกระทะใส่น้ำมันตั้งไฟให้น้ำมันเดือด พอเดือดได้ที่ ก็หยิบเจ้าขนมก้อนเหล่านี้โยนลงกระทะ โดยใช้ไฟปานกลาง ทอดให้สุกเหลืองอ่อนๆ เป็นอันว่าสุกเรียบร้อย ตักขึ้นมาใส่ในตะแกรงกรองน้ำมันให้แห้ง ก็จะได้ขนมที่มีชื่อว่าเจ๊ะแมะ” ด้านในของขนมเจ๊ะแมะ เมื่อบิออกมา จะเห็นสีม่วงซึ่งเป็นสีของมันเทศ และมีหยาดเยิ้มน้ำตาลทราย นี่คือขนมอีกชนิดหนึ่ง ที่เป็นเสน่ห์เรื่องขนมพื้นถิ่นดินแดนสันกาลาคีรี ที่ยังคงมีให้เห็น โดยที่มีคนรุ่นหลังได้ร่วมสานต่อมรดกของอาหารหวานคาว ตามตำรับปุราณ จึงอยากเชิญชวนอาคันตุกะต่างถิ่นมาเยือนแผ่นดินถิ่นนี้ แล้วเมื่อได้ลองลิ้มรสจะพูดได้คำเดียวว่า "หรอยจังฮู้พี่น้องเห้อ" เชิญมาดื่มด่ำร่ำชา แล้วชิมลิ้มลองเจ๊ะแมะ และน้ำใจของชาวชนพื้นถิ่นตรงนี้ พร้อมที่จะอ้าอ้อมแขนกล่าวคำว่า ยินดีต้อนรับ หรือนัยภาษายาวีว่า “ สลามัตดาตัง” แก่ทุกๆคน. Anusorn Ninuan เรื่อง-ภาพ