สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ นักอ่านทุกคน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ "สะตอ" กันนะคะ สะตอเป็นไม้ยืนต้น ที่นิยมปลูกกันมากในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ความสูงประมาณ 25-30 เมตร ลำต้นตั้งตรง ออกกิ่งส่วนบนของลำต้น ดอกของสะตอคล้ายกับหลอดไฟกลมๆ มีสีเหลืองอมขาว พอสีเหลืองร่วงจะมีฝักเล็ก ๆ โผล่ออกมาเป็นฝักสะตอ พออายุประมาณ 2 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวมาทานได้ วิธีการเก็บ สามารถทำได้ด้วยการปืนขึ้นไปเก็บ การใช้ไม้ยาว ๆ สอยฝักสะตอลงมา บางคนก็อาจจะนำลิงมาขึ้นเอาฝักสะตอ แต่บางครั้งการสอยสะตอลงมาอาจจะสอยได้ไม่หมด เพราะอาจจะออกไปอยู่ปลายกิ่ง จนไม่สามารถสอยได้ก็ต้องปล่อยไว้บนต้นตามเดิม เมื่อสะตอสุกเปลือกจะมีสีดำข้างในของเมล็ดจะมีสีเหลืองหุ้ม รสชาติหวาน ถ้าให้อร่อยยิ่งขึ้นเราควรนำไปหมกไฟ จะทำให้สะตอมีรสหอม หวาน น่าทานมากขึ้น ลักษณะของใบสะตอ มีลักษณะคล้ายกับใบกระถิน ยอดอ่อนสามารถนำมารับประทานได้ เช่น จิ้มน้ำพริกกะปิ ประโยชน์ของสะตอ ช่วยเจริญอาหาร ป้องกันโรคเบาหวาน ป้องกันโรคความดันโลหิต "สะตอ" ทำอะไรได้บ้าง เมล็ดสะตอจะมีกลิ่นเฉพาะตัวแรง สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น สะตอผัดกุ้ง แกงกะทิ จิ้มน้ำพริก(ถือเป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนำไปจิ้มกับน้ำพริกกะปิ ลักษณะเด่นของน้ำพริกกะปิของภาคใต้คือ การใช้เคยกุ้งแท้ ในการปรุงรส ชิมรสชาติตามต้องการ ขอบอกว่า หรอยจังฮู้ ! ) สะตอดอง คือ การถนอมอาหารที่สามารถเก็บไว้กินได้ตลอด เพราะว่าสะตอ ไม่ได้มีตลอดทั้งปี จะเป็นปีละครั้ง ถ้าช่วงไหนที่เป็นหลงฤดูกาลก็จะทำให้สะตอมีราคาแพงมาก ฝักละ 5-10 บาท แต่ช่วงไหนที่เป็นในฤดู ราคาก็จะถูกลง 6-7ฝัก 20 บาท ถ้าสะตอราคาถูกเราก็จะนำมาดองขาย ได้ราคาที่แพงกว่า วิธีการดองสะตอ คือ นำสะตอไปต้มให้สุก พอสุกก็รีดเมล็ดออกจากฝัก นำไปแช่น้ำเย็นประมาณ 3 วัน จากนั้นก็ล้างเอาเมล็ดสะตอขึ้นมา นำใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ สะตอ 5 ถ้วย ต่อเกลือ 1 ถ้วย ใส่น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นก็ปิดฝาภาชนะ ดองไว้ประมาณ 15-20 วัน สามารถนำมารับประทานได้ ไม่ว่าจะภาคเหนือ อีสาน กลาง ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก "สะตอ" ราชินีผักเอกลักษณ์ของภาคใต้ ข้อความและภาพ by teankai