เนื้อดรายเอจ (Dry-aged) หรือเนื้อบ่มที่เรารู้จักกัน เป็นหนึ่งในกระบวนการเพิ่มรสสัมผัสของอาหาร ให้มีรสชาติ และรสสัมผัสที่ดีขึ้น ทำให้มีกลิ่นเฉพาะตัวของเนื้อที่แรงขึ้น เนื้อมีความนุ่ม และรสชาติเนื้อดีขึ้น การบ่มที่ว่าเป็นลักษณะการบ่มแห้ง โดยการนำเนื้อมาผ่านกระบวนการบ่มด้วยอุณหภูมิที่ต่ำประมาณ 0-5 องศาเซลเซียส และมีการควบคุมความชื้นในห้องบ่มให้ความชื้นไม่เกิน 70 % ระยะเวลาตามความเหมาะสมเฉลี่ยประมาณ 2-4 สัปดาห์ เนื้อดรายเอจ (Dry-aged) ที่ได้จากการบ่ม ให้รสชาติ กลิ่นเฉพาะของเนื้อ และความนุ่มของเนื้อนั้น เกิดจากเวลาที่มีการนำเนื้อสดไปบ่ม ในตัวเนื้อเองจะมีเอมไซม์ (Enzyme) ในการย่อยโปรตีนอยู่แล้ว คือ เอนไซม์โปรตีเอส (Protease) พอนำเนื้อเข้าสู่กระบวนการบ่ม เอมไซม์จะทำหน้าที่ในการย่อยเนื้อเยื่อ พังผืด และกล้ามเนื้อต่าง ๆ มีผลต่อความนุ่มของเนื้อที่ได้ ซึ่งในปัจจุบันที่ประเทศไทยมีความนิยมทำการบ่มเนื้อมากขึ้น เนื่องจากสภาพแวดล้อม หรือสภาพอากาศของวัวที่เลี้ยงในประเทศไทย มีการแปรปรวนเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ส่งผลต่อรสสัมผัสของเนื้อที่ไม่นิ่ง จึงนำเนื้อมาบ่ม เพื่อให้ยังคงเอกลักษณ์ และคุณภาพที่ดีของเนื้อ แล้วทำไมเนื้อดรายเอจ หรือเนื้อที่ผ่านกระบวนการนำไปบ่ม ราคาจึงสูงกว่าเนื้อทั่วไป ก็คงจะด้วยหลายปัจจัยที่ส่งต่อราคา อาจจะเป็นเพราะระยะเวลาในกระบวนการบ่ม ใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรกว่าจะได้ทาน อีกทั้งการบ่มแห้งจะทำให้เนื้อสูญเสียน้ำ และน้ำหนักของเนื้อลดลง รวมไปถึงกระบวนการบ่มแห้งที่อุณหภูมิต่ำ จะทำให้ผิวด้านนอกของเนื้อที่สัมผัสกับอากาศ และความชื้นมีสีที่เข้มและแข็ง ก่อนรับประทาน หรือนำไปจำหน่ายจะต้องมีการตัดเอาส่วนที่แข็งนี้ออกก่อน จึงจะทำให้เนื้อน่ารับประทาน ในปัจจุบันเนื้อดรายเดจ เริ่มเป็นที่นิยม เพราะด้วยรสชาติของเนื้อที่โดดเด่น และรสสัมผัสความนุ่มของเนื้อที่เป็นเอกลักษณ์ หาทานได้ง่ายตามร้านอาหารต่าง ๆ ก็มักมีเมนูของเนื้อดรายเอจเป็นเมนูเด็ด หรือหากต้องการซื้อมาทำรับประทานเองที่บ้าน ก็สามารถหาซื้อได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือสั่งซื้อออนไลน์ก็ได้ ภาพปก ตกแต่งโดย canva ภาพปก โดย pixabay ภาพที่ 1 pixabay / ภาพที่ 2 pixabay / ภาพที่ 3 pixabay / ภาพที่ 4 pixabay