พาทัวร์ Don Don Donki ซุปเปอร์มาเก็ตจากญี่ปุ่นสุดฮอตฮิต ที่ The Market ถ้าใครเคยไปญี่ปุ่น จะต้องรู้จักร้านน้องเพนกวินตาใส แหล่งรวมของถูกของดี แหล่งละลายเงินตราก่อนกลับชื่อก้องอย่าง Don Quijote หรือที่รู้จักสั้นๆ ในนาม Donki อย่างแน่นอน เมื่อราวๆ ปีสองปีก่อน สาขาแรกนั้นได้เปิดทำการในประเทศไทยและสร้างปรากฏการณ์ ของเกลี้ยงชั้นมาแล้ว แม้ว่าการเดินทางไปนั้นจะยากลำบากขนาดที่ว่า ไปด้วยรถสาธารณะก็ลำบาก เอารถไปเอง ที่จอดก็เต็มจนอารมณ์เสีย มาวันนี้เค้าเปิดสาขาที่สองกันแล้ว โดยสาขานี้มาง่ายขึ้นมาก ที่ The Market ตรงข้าม Central World นี่เอง ที่จอดรถกว้างขวาง แถมใครมารถสาธารณะก็ง่ายไปอีก ผมจะพาไปดูกันว่า สาขานี้เนี่ย เค้ามีอะไรดี อะไรเด็ดให้คุณๆ ทั้งหลายได้มาลองจับมาลองชิมแล้วกลับไปกักตุนในห้องอย่าง ญี่ปุ๊นญี่ปุ่นกันบ้าง ต้องบอกก่อนว่า เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนี้ ทำให้ในตัวห้าง The Market นั้น คล้ายว่าจะปิด แต่เปล่าเลย ร้านรวงจำพวกร้านอาหารยังคงเปิดอยู่ แถมมีการตั้งโต๊ะรับออเดอร์กันอย่างสะดวกสบาย ปลอดภัยจากการสัมผัสใกล้ชิดอย่างแน่นอน ก่อนเข้าก็มีบริการตรวจวัดไข้และเจลล้างมือที่บังคับฉีดกันทุกคน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนด้วย โดย Donki สาขานี้จะตั้งอยู่บนชั้น 1 ของห้าง เนื่องจากร้านรวงปิดซะเป็นส่วนใหญ่ทำให้ ร้านเหลืองอ๋อยกับเพนกวินตาใสร้านนี้ เด่นเป็นสง่า หาไม่ยากอย่างที่คิด ส่วนหนึ่งก็เพราะมันใหญ่ด้วยนั่นแหละ แทบจะกินชั้น 1 ทั้งชั้นไปเลย เตรียมกระเป๋าตังไว้ให้ดี เพราะคุณอาจตกเป็นเหยื่อการตลาดด้วยของสารพัดจะมีอย่างไม่รู้ตัว รูปภาพโดยผู้เขียน: บริเวณหน้าทางเข้า Don Don Donki กับเพลงหลอนหู ทางเข้าร้านนั้นต้อนรับเราด้วยผลไม้หลากหลาย แน่นอนว่า สตรอว์เบอร์รี่ต้องมา ส่วนตัวไม่ได้ซื้อกลับมาชิม แต่ได้ลองตัวที่เป็นไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี่ บอกเลยว่า หวานเปรี้ยวกำลังดีมากๆ ใครมีกำลังซื้อแนะนำอย่างยิ่ง แน่นอนว่านอกจาก สตรอว์เบอร์รี่หลากหลายขนาดแล้ว แอปเปิ้ลลูกใหญ่ๆ หอมๆ ที่นี่ก็มีไม่ขาดเช่นกัน รูปภาพโดยผู้เขียน: กองเจลล้างมือน่าซื้อ ( 65 บาท) รูปภาพโดยผู้เขียน: ที่กำจัดขนจมูก (139 บาท) ตื่นตามากตอนเห็น แต่ก็ไม่ได้ซื้อมา เดินเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ สิ่งที่ล่อตาอย่างแรกก็คือ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ขนาดพอเหมาะกำลังดี อาจจะรู้สึกว่าแพงกว่าที่อื่นไปหน่อยกับราคา 65 บาท จริงๆ ผมตั้งใจมาเดินซื้อของกิน แต่ก็แอบแวะโซนพวกโฟม แชมพูอะไรนิดหน่อย ก็พบว่า มันญี่ปุ่นไปหมดทุกสัดส่วน ใครหาสินค้าประเภทนี้ของญี่ปุ่นน่าจะฟินไม่เบา และน่าจะตกเป็นเหยื่อการตลาดกันไปหลายชิ้นอยู่พอตัว เพราะขนาดผมเองยังเกือบโดน ที่ตัดขนจมูกราคาร้อยต้นๆ ล่อให้หยิบด้วยแต่สุดท้ายก็ได้มาเป็นถ่านราคาถูกแทน ฮ่าๆ (ถ่านแพ๊ค AA 4 ก้อน ราคา 39 บาท) รูปภาพโดยผู้เขียน: มาม่าหลากหลายรูปแบบ (ช่วงราคาตั้งแต่ 10 - 50 บาท) รูปภาพโดยผู้เขียน: มาม่าหลากหลายรูปแบบอีกสักหน่อย (ช่วงราคาตั้งแต่ 10 - 50 บาท) ในที่สุดสิ่งที่จะล่อให้หยิบกันจริงๆ ก็เข้ามา นั่นคือโซนอาหารนั่นเอง ผมเลือกเดินโซนอาหารแห้งก่อนและสิ่งแรกที่เจอก็คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บอกเลยว่า เห็นครั้งแรกนั้น ตื่นตาตื่นใจสุดๆ แต่พอเดินวนๆ ดู บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลับไม่ได้ดึงดูดใจนัก อย่างหนึ่งที่มองหาแล้วหาอีกก็ไม่เจอก็คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสแกงกะหรี่ ซึ่งตัวผมเองเคยได้ซื้อทานใน Lawson หรือ Family Mart ในญี่ปุ่น น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่มีขายในเมืองไทยสักที แต่ถึงอย่างนั้น พวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ถ้วยมากมายก่ายกองหลากหลายแปลกตาก็พาให้เราเพลิดเพลินกับการเดินชมไม่น้อยหน้าทีเดียว รูปภาพโดยผู้เขียน: เครื่องปรุงต่างๆ หลากหลาย รูปภาพโดยผู้เขียน: ก้อนแกงกะหรี่ราคาแค่ 99 บาท (ุ69 บาทนั้นเป็นราคาของเครื่องปรุงอื่นนะครับ) ถัดจากโซนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้ามาด้านในนิดหน่อยก็คือ โซนเครื่องปรุงรสหลากหลาย และผมได้พบกับ Rare Item ที่อยากให้ทุกคนได้ลองนั่นคือ Kewpie มายองเนสผสมวาซาบิ (69 บาท) ของดีของเด็ด ใส่อะไรก็อร่อย มีรสเผ็ดนิดๆ หอมมันหน่อยๆ แค่เอาไปผสมไข่ต้ม บี้ๆ หน่อย แล้วโปะบนขนมปัง ก็ได้แซนวิชรสเผ็ดเบาๆ หวานหน่อยๆ แถมได้คุณประโยชน์จากไข่ไปเต็มๆ ช่วงกักตัวแบบนี้ ของแบบนี้แหละช่วยชีวิตมานักต่อนักแล้ว นอกจากตัวเด็ดตัวนี้ เครื่องปรุงที่นี่ครบถ้วนแน่นอนสำหรับใครที่กำลังคิดจะทำอาหารญี่ปุ่นที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น โชยุ ซอสเทอริยากิ วาซาบิทั้งแบบเป็นเหลวๆ และเป็นผง ผงโรยข้าวแบบต่างๆ มิริน หรือเครื่องปรุงแปลกๆ อีกมากมาย รวมถึงทีเด็ดโดนใจ นั่นคือ ก้อนแกงกะหรี่ (99 บาท) ต้องบอกก่อนว่า ผมเป็นสายแกงกะหรี่ตัวพ่อ ก้อนแกงกะหรี่กล่องใหญ่ๆ ที่ทำได้ ประมาณ 2 หม้อใหญ่ที่นี่ ขายกันที่ 99 บาทต่อกล่องเท่านั้น คือปกติถ้าไปซื้อในซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไปเนี่ย ราคาจะอยู่ที่ร้อยต้นๆ เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่มาแล้วสำหรับผม ใครเบื่อๆ อาหารไทย หรืออยากเติมรสเผ็ดให้มื้ออาหารยามอยู่บ้านสักหน่อย แกงกะหรี่ตอบโจทย์ที่สุด ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลย รูปภาพโดยผู้เขียน: แกงกะหรี่กระป๋องรูปแบบต่างๆ และปลากระป๋อง ปิดท้ายโซนของแห้งกันด้วย อาหารกระป๋อง !! เหลือบไปเห็นสิ่งนี้ก็รีบคว้าแบบไม่คิดทันที มันคือ แกงกะหรี่กระป๋อง (49 บาท) มีทั้งรสเผ็ดและไวน์แดง แต่ช้าแต่ เห็นกระป๋องแกงกะหรี่แล้วเสียสติขนาดนี้ พอเปิดมาทานดูจึงได้ค้นพบความจริงว่า มันคือแกงกะหรี่เปล่า !! เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่ามันจะมีเนื้อหนังอย่างที่โชว์อยู่ข้างกระป๋องแล้วละก็ อาจจะต้องผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ต้องบอกเลยว่า รสชาติดี กินกับข้าวก็ดี กินกับบะหมี่ก็ได้ อย่าลืมนำไปเข้าเวฟสักหน่อย เพื่อความอร่อยที่เพิ่มมากขึ้นด้วย รูปภาพโดยผู้เขียน: คุ้กกี้รสชาติไม่เท่าของ Chocolate Factory แต่ก็อร่อยเด็ด (69 บาท) รูปภาพโดยผู้เขียน: ขนมเส้นยาว 50 เซนติเมตร หวานๆ หนืบๆ (89 บาท) รูปภาพโดยผู้เขียน: ชีสเส้นเด็ดต้องโดน (169 บาท) มากันถึงโซนที่ทุกคนโหยหา โซนขนมนั่นเอง ขนมที่นี่มาในคอนเซปต์ ของกระมุ้งกระมิ้งพอควร พวกขนมห่อเล็กๆ น่ารักๆ จำพวกข้าวพองน่าจะถูกล่อลวงให้หยิบลงตะกร้ากันได้ง่ายๆ ไปหลายคน แต่สำหรับผมแล้ว ผมดันโดนของที่ใหญ่กว่านั้นล่อให้หยิบ อย่างเช่น แพ๊คขนมโดรายากิ (79 บาท) ที่ต้องบอกว่า รสชาติธรรมดาไม่ได้ดีมาก และคุ้กกี้เนยประกบครีม (69 บาท) ถ้าใครเคยได้ลิ้มลองคุ้กกี้ไวท์ช็อกโกแลตของ Chocolate Factory ใน Hokkaido เนี่ย จะต้องลองสิ่งนี้ ถึงจะไม่ได้หอมเท่าตัวนั้น แต่คุ้กกี้ตัวนี้ก็อร่อยเหาะ เหมาะกับกินกับนมมากๆ เรียกได้ว่า ห้ามพลาดเลย อีกอย่างที่หยิบมาเพราะมันล่อตาโดยไม่ตั้งใจก็คือ ขนมหนึบหนับรสผลไม้ที่มาในรูปของแผ่นเจลลี่แน่นๆ ยาว 50 เซนติเมตร !! (89 บาท) ใช่แล้ว ความยาวนี้ทำให้ผมหยิบมาลองดูอย่างไม่ยั้งคิดเลย ขนมที่เห็นว่าน่าซื้อก็จะมี ถั่วลันเตาเคลือบผงวาซาบิ (ไม่ทราบราคา) อันนี้เคยได้ลองทาน เรียกว่า ทานเพลิน แปบเดียวก็หายหมดแล้ว ชีสเส้น (169 บาท) อันนี้ก็ของกินเพลินอีกอย่างที่ใครสายชีสห้ามพลาด รูปภาพโดยผู้เขียน: โดรายากิซองใหญ่ (79 บาท) ขนมข้าวพองและ ถั่ววาซาบิ (ไม่ทราบราคา) รูปภาพโดยผู้เขียน: คิทแคทฮอตจริง เหมาไปทั้งชั้นนึงเลย (129 บาท) แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงขนมที่ดังที่สุดของญี่ปุ่น ก็น่าจะไม่พ้น ช็อกโกแลต Kit Kat (129 บาท) นั่นเอง ที่นี่มีหลากหลายรสชาติไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นอีกต่อไป ส่วนตัวไม่ใช่สายช็อกโกแลตเลยไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของช็อกโกแลตที่นี่ นอกจาก Kit Kat แล้ว Glico ป็อกกี้ก็มีให้เลือกซื้ออย่างถ้วนทั่ว คอขนมคงต้องขนกลับไปทานที่ห้องกันชนิดที่ว่า เบาหวานขึ้นตาแน่นอน ถัดจากโซนขนมมาก็จะเป็นโซนเครื่องดื่มทำเองจำพวก ชา กาแฟ Maxim (199 บาท) เองก็มี ชานมเองก็เพียบ ชาเขียวก็มีไม่ขาด ใครชื่นชอบเครื่องดื่มสายนี้ ต้องห้ามพลาด รูปภาพโดยผู้เขียน: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรียงรายทั้งแบบแช่เย็นและแบบปกติ รูปภาพโดยผู้เขียน: สายเมาไม่มากจัดได้ อร่อยมาก (35 บาท) ถัดมาอีกหน่อยก็จะเข้าสู่โซนเครื่องดื่มและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้าบ๊วย โซจู สาเก เบียร์ญี่ปุ่น แอลกอฮอล์ทุกชนิดถูกบรรจุรวมกันอยู่ในโซนนี้ มีแม้กระทั่ง Whiskey ในตำนานที่ใครๆ ก็บอกว่า ดีมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อย่าง Hibiki (5000 กว่าบาท) แต่หนุ่มหล่อแบบผมแล้ว ได้แค่ Jinro Sparkling รสพีชมาหนึ่งกระป๋องถ้วน (35 บาท) ฮ่าๆ เป็น Sparkling กลิ่นพีชหวานหอม ที่มีเหล้าอยู่เพียงแค่ 3% เท่านั้น ใครไม่สันทัดแอลกอฮอล์ ลองตัวนี้ดูก็ไม่เลวทีเดียว เพราะรสชาติหวานหอมกำลังดี มีความซ่าอยู่ในที อร่อยเพลินเกินกว่าหนึ่งกระป๋องจะพอกันเลยหล่ะ เท่าที่สังเกต จำพวกเครื่องดื่มอื่นๆ นั้น ไม่มีอะไรโดดเด่นมากมายนัก ไม่มีแม้กระทั่งน้ำรสหวานสีใสๆ ที่มีทั้งรสโยเกิร์ต สตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิ้ล พีช และอื่นๆ แบบที่ขายกันทั่วไปในญี่ปุ่นให้เห็นเลย อันนี้น่าเสียดายพอสมควร แต่เอาน่า ผมได้แอลกอฮอล์มาหนึ่งกระป๋องถ้วนก็พอละ ฮ่าๆ รูปภาพโดยผู้เขียน: ไดฟุกุไอศกรีมแสนอร่อย (ไม่ทราบราคา) รูปภาพโดยผู้เขียน: นมไทย นมญี่ปุ่น ขนกันมาหมด เดินมาอีกนิดหน่อยก็จะพบกับโซนนมและไอศกรีม แน่นอน ใครๆ ก็จะต้องไม่พลาดชิม นมฮอกไกโด (49 บาท) ยิ่งเอามาทานกับคุ้กกี้เนยที่เพิ่งหยิบมาเนี่ย อร่อยล้ำมากๆ เอาจริงๆ ผมเข้าใจว่ารสชาติของนมกล่องนี้จะออกหอมมัน แต่ผลที่ได้ก็คือรสชาติดันไปคล้ายกับนมหนองโพ ไทยเดนมาร์กซะงั้น นมเลยไม่ใช่พระเอกในโซนนี้ พระเอกตัวจริง คือ ไอศกรีมไดฟุกุต่างหาก (ไม่ทราบราคา) อันนี้สิของจริง แถมตรงข้ามยังมี มันหวานเผาในตู้ร้อนๆ (80 บาท) โอ้โห ต้องบอกเลยว่า นี่คือสิ่งที่ต้องซื้ออย่างห้ามพลาดเด็ดขาด มันหวานอร่อยมาก กอไก้สินห้าล้านตัว รสหวานหอม เนื้อแน่นอุ่นๆ กำลังดี ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่ามันหวาน มันจะอร่อยขนาดนี้ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปตู้มาให้ดู แต่เดียวผมเอารูปแพ๊คเกจมาให้ดูแทนละกันนะ แต่อีกอันที่ห้ามพลาดเช่นกันก็คือ เค้กมันหวาน (29 บาท) อันนี้เนื้อจะเบากว่ามันล้วนหน่อยนึง แต่รสชาติเหมือนกันเด๊ะ อร่อยต้องลองอีกเช่นกัน รูปภาพโดยผู้เขียน: อันนี้คือเค้กมันหวานที่ว่า อร่อยมาก ราคาถูกด้วย เพียง 29 บาทเท่านั้นเอง รูปภาพโดยผู้เขียน: มีขนมหลากหลายให้เลือกสรร รูปภาพโดยผู้เขียน: ไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี่ (69 บาท) ของต้องห้ามพลาด มาต่อกันเลยกับโซนขนมแบบเต็มๆ ขนมหลากหลายแบบทั้ง โดรายากิ (39 บาท) ชูครีม (42 บาท) โรลครีมสด (ไม่ทราบราคา) ชีสเค้กฮอกไกโด (199 บาท) ไดฟุกุ (69 บาท) โมจิ (80 บาท) โอ้ยสารพัดจะสาธยาย ได้ลองชูครีมก็ถือว่าอร่อยดี ขณะที่พระเอกของสายขนมที่นี่คือ ไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี่ไส้ถั่วแดง (69 บาท) อร่อยมาก สตรอว์เบอร์รี่ก็หวานหอมมากๆ อย่างที่บอกเมื่อตอนต้นว่า ถ้ารู้ว่าสตรอว์เบอร์รี่จะหวานอร่อยขนาดนี้ คงไม่พลาดซื้อกลับมาแน่ๆ สายขนมอาจจะไม่ตื่นตามากนัก เพราะเอาจริงๆ ขนมที่นี่มีน้อย แต่ปริมาณที่น้อยของชนิดขนม ไม่ได้ทำให้คุณภาพขนมลดลงเลย กลับยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก รูปภาพโดยผู้เขียน: ข้าวปั้นและอื่นๆ (ราคาเริ่มต้นที่ 29 บาท) รูปภาพโดยผู้เขียน: ซูชิแซลมอนมาเต็ม (150 บาท) ถัดจากขนมมานิดเดียวก็คือ อาหารแบบกลับบ้านนั่นเอง ที่นี่มีลักษณะเป็นร้านๆ ที่จะทำอาหารมาวางไว้ข้างหน้า ใส่ในถาดพลาสติกปิดด้วย Wrap อีกชั้นหนึ่งแล้ววางขายให้หยิบไปจ่าย มาเริ่มกันที่ข้าวปั้นเลย มีหลายไส้ ทั้งบ๊วย แซลมอน แซลมอนเทอริยากิ ไข่ปลาค็อด ไข่ปลาค็อดครีมชีส และ สาหร่าย สำหรับรสชาติที่ได้ลิ้มลองคือ ไข่ปลาค็อดครีมชีส (49 บาท) และแซลมอน (40 บาท) ตัวไข่ปลาเนี่ยอร่อยเหาะมากๆ มันมีแบบที่ใส่ครีมชีสและไม่ใส่ (ไม่ใส่ราคา 40 บาท) แต่ผมแนะนำว่า แบบใส่อร่อยกว่ามาก ด้วยความที่ไข่ปลามีรสเค็มโดด พอโดนความมันๆ ครีมๆ ของครีมชีสแล้ว ทำให้รสเค็มเบาลง เกิดเป็นความกลมกล่อมหอมหวนจนต้องตบโต๊ะมองบนด้วยความอร่อยล้ำ ส่วนปลาแซลมอนนั้นให้รสชาติหอมมันแบบธรรมชาติจากปลานึ่ง ต้องบอกก่อนเลยว่า ข้าวปั้นหรือ โอนิกิริ ที่นี่ ข้าวยังอุ่นๆ อยู่เลย แถมข้าวไม่ได้แน่นหนา ข้าวยังเป็นเม็ดๆ แต่ไม่ได้ร่วนจนไม่เป็นก้อน คือมันเหมือนข้าวที่เพิ่งทำใหม่เดี๋ยวนั้นมาขาย ทำให้เราได้รับความสดใหม่จากการทานแบบที่ข้าวปั้นสำเร็จรูปเจ้าอื่นทำไม่ได้ แน่นอนว่าร้านญี่ปุ่นก็ต้องมี ซูชิ และ ซาชิมิ ที่นี่ก็มีไม่ขาดแต่อย่างใด ซูชิและซาชิมิก็เหมือนข้าวปั้น ความสดใหม่ของมันทำให้เราฟินกว่าซื้อทานจากที่อื่นๆ จริงๆ รูปภาพโดยผู้เขียน: เมนูที่ซื้อทานที่บ้านจนอิ่มพุงกาง และนี่ก็คืออาหารมื้อเย็นสำหรับผมในครั้งนี้ ประกอบด้วย ข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอด (149 บาท) รสแกงกะหรี่อร่อยเด็ดเหมือนพวกแกงกะหรี่ก้อน มีความเข้มข้นของน้ำแกงกะหรี่พอสมควร ซูชิแซลมอน (150 บาท) แซลมอนสดหวานอร่อย ได้รสครบถ้วน ข้าวหน้าหมูราดไข่ (159 บาท) อันนี้ก็รสดีตามแบบฉบับของข้าวหน้าหมูไข่เลย หมูย่าง (139 บาท) อันนี้รสชาติอาจจะจืดไปนิดนึง แต่บังเอิญว่าผมเอามาทานกับแกงกะหรี่กระป๋องที่ราดบนข้าว ทำให้รสชาติมันค่อนข้างเข้ากันดีพอสมควรเลย ข้าวปั้นที่ได้รีวิวไปก่อนหน้าแล้ว และพระเอกของงาน มันหวาน (80 บาท) มันหวานจริงๆ นะ หวานเหมือนทานมันเชื่อมเลย แต่มันเป็นหวานแบบธรรมชาติ อร่อยปิดมื้อได้ดีเยี่ยมมากๆ ก็จบไปแล้วสำหรับการพาทัวร์และรีวิวสินค้าจาก Don Don Donki สาขาล่าสุดที่ The Market จริงๆ มีโซนของสดอีก ซึ่งคุณต้องตื่นตากับบรรดาเนื้อสไลด์ วากิว ต่างๆ ที่บอกเลยว่าสายชาบูต้องกรีดร้อง แต่ผมดันลืมถ่ายบรรยากาศมานี่สิ ได้แต่บอกว่า ใครตามหาเนื้ออร่อยๆ ที่นี่มีครบ ไหนจะผักผลไม้ สมุนไพรต่างๆ ก็มีให้ได้ช็อปปิ้งกันอย่างถ้วนทั่ว นอกจากนี้ก็ยังมีโซนอาหารแบบเดินกินจำพวกทาโกะยากิ เนื้อย่าง ช็อกโกแลตฟองดูว์ ที่จะเป็นผลไม้เคลือบช็อกโกแลต ร้านเครื่องดื่มน้ำปั่น สิ่งที่น่าเสียดายจากการไปในครั้งนี้ก็คือ โซนกาชาปอง หยอดเหรียญแล้วรอลุ้นว่าจะได้โมเดลอะไร อันนี้เสียดายมาก และอีกโซนคือโซนขายของจิปาถะจำพวก หมวกทรงแปลกๆ ฟิกเกอร์หลากหลาย ของเล่นเพี้ยนๆ ก็ไม่เปิดให้เข้าชมหรือซื้อ อาจจะเพราะร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นานบวกสถานการณืโควิด-19 ทำให้โซนพวกนี้อาจยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ ซึ่งยังรวมไปถึงโซนของใช้ หม้อ กระทะ ต่างๆ ก็ยังไม่เปิดให้บริการเช่นกัน สุดท้ายพอจ่ายเงินที่แคชเชียร์ เรียบร้อยแล้ว เราถึงได้พบกับของเด็ดอีกอย่างที่รออยู่ตรงทางออก อย่างแรกก็คือ มาส์กหน้าหน้าเพนกวิน Donki (89 บาท) ที่ตอนเอามาวางบนหน้าน่าจะฮาน่าดู และถั่วเน่า (ไม่ทราบราคา) ใช่แล้ว ผมเพิ่งมาเห็นถั่วเน่าของขึ้นชื่อตอนกำลังจะเดินออกมาทางออก น่าเสียดายจริงๆ รูปภาพโดยผู้เขียน: มาส์กหน้าปิดท้ายที่เจอตอนกำลังจะออกจากร้าน (89 บาท) สำหรับการเดินทางมานั้น มีสองวิธี ก็คือ เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีชิดลม แล้วเดินมาตามทาง Sky Walk มายังอาคาร The Market ฝั่งเดียวกับ Big C ตรงข้าม Central World อีกวิธีหนึ่งคือขับรถมา ที่นี่มีที่จอดรถให้พร้อม แถมช่วงนี้ รถยังจอดฟรีอีกด้วย โดยในช่วงนี้ร้าน Donki จะเปิดตั้งแต่ 11.00 น. ถึง 20.00 น. ใครจะเดินทางมาก็อย่าลืมบริหารเวลากันให้ดี อีกอย่างที่สำคัญก็คือ การจะจ่ายเงินได้เนี่ย คุณต้องโหลดและสมัคร Application ของ Donki เสียก่อน เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเสียเวลาสมัครสมาชิกก่อนจ่ายเงิน แนะนำว่า ให้โหลดแอปและสมัครไว้ก่อนเลยจะดีกว่า ส่วนใครที่กลัวการออกมาข้างนอกก็คงต้องบอกว่า ที่นี่ มีการตรวจเช็คด้วยเครื่องมือวัดไข้ถึงสองครั้ง คือบริเวณ ทางเข้า The Market และบริเวณหน้าทางเข้า Donki รวมถึงเจลล้างมือที่กระจายตามจุดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน ใครเบื่อๆ อยากหาไอเดียทำอาหารญี่ปุ่นที่บ้านทานบ้าง ก็ลองมาซื้อมาช็อปกันได้นะครับ