"มะไฟจีน" ผลไม้ลูกจิ๋วที่น้อยคนจะรู้จัก แต่สำหรับคนเมืองน่านอย่างฉันนั้นกลับคุ้นเคยกับเจ้านี่เป็นอย่างดี ฉันจำได้ว่ารู้จักมะไฟจีนตั้งแต่เป็นเด็ก เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่ค่อยนิยมมันสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าส้มจิ๋วนี้มีรสออกเปรี้ยว แถมเนื้อน้อย เม็ดใหญ่ แต่เมื่อมีใครถือเข้ามาให้ลิ้มลองก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง เมื่อถึงวัยที่จะต้องจากบ้านเกิดมาเพื่อร่ำเรียนวิชาตามความฝัน แม่ของฉันไม่ลืมที่จะส่ง "มะไฟจีนตากแห้ง" มาให้ฉันได้ลิ้มรสอยู่เนือง ๆ ก็ขอพูดตามตรงอีกว่ารสชาติมันไม่ได้ดีเท่าผลไม้ตากแห้งบางชนิด ออกจะคล้าย ๆ บ๊วยที่มีกลิ่นฉุนซ่า ๆ แบบส้ม เคยเอาให้เพื่อนหลายคนชิม ก็ได้รับฟีดแบคมาเป็นท่าทางหลับตาปี๋ พร้อมแลบลิ้นออกมาสีหน้าย่นยู่ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงยังกินมันอยู่ บางครั้งก็เป็นฝ่ายบอกให้แม่ส่งมาให้เองเสียด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะกินแล้วนึกถึงความทรงจำตอนอยู่ที่บ้านมากกว่าที่จะใส่ใจกับรสชาติประหลาด ๆ ของมัน ที่เกริ่นมาเสียยืดยาว ไม่ใช่เพราะโหยหาอดีตหรือมะไฟจีน แต่อยากจะเล่าว่าครั้งล่าสุดที่กลับบ้าน ฉันไปเจอกับมะไฟจีนในร่างใหม่ ร่างที่ทำให้ฉันร้องว้าว! มันคือ "กาแฟมะไฟจีน" ราคาแก้วละ 190 บาท จากร้าน Erabica Coffee ร้านกาแฟเก๋ ๆ กลางเมืองน่าน สารภาพว่าเมื่อเห็นเมนูนี้ ฉันก็ไม่สนใจเมนูอื่นเลยแม้ว่าทางร้านจะมีกาแฟซิกเนเจอร์อีกหลากหลาย บาริสตาหนุ่มบอกว่าให้ไปนั่งรอ กาแฟจะเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกับมีบาริสตาไปอธิบายวิธีการกิน โอ้โห ฉันฟังแล้วรู้สึกเป็นคนหรูหราขึ้นมาทันที รอไม่นาน บาริสตาหนุ่มก็ยกเซ็ตกาแฟมะไฟจีนมาเสิร์ฟ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์มากมาย ก่อนที่ฉันจะถามอะไร บาริสตาผู้รู้ใจบอกว่า "เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปก่อนนะครับ เสร็จแล้วผมจะมาอธิบายวิธีดื่ม" ฟังแล้วฉันนั่งหลังตรง คอเชิดโดยอัตโนมัติ ด้วยมีความรู้สึกถึงความพรีเมียมของตัวเองวันนี้ หลังจากถ่ายรูปพอได้อัพอวดเพื่อนในโซเชียล บาริสตาก็เริ่มเข้ามาอธิบายวิธีการจัดการกับกาแฟมะไฟจีนตรงหน้า เริ่มจากเล่าว่าเมนูนี้เป็นการผสมผสานระหว่างกาแฟกับผลไม้ท้องถิ่น สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้จักของท้องถิ่นเมืองน่าน (ฉันไม่ได้บอกเขาว่าฉันก็เป็นคนน่าน) ในเซ็ตกาแฟนั้นมีมะไฟจีนตากแห้งและมะนาวเสียบไม้มาพร้อมกับน้ำที่สกัดมาจากมะไฟจีน ส่วนกาแฟนั้นแยกมาต่างหาก บาริสต้าให้ดื่มน้ำเปล่าเป็นอันดับแรก เพื่อเคลียร์ปากให้ไม่หลงเหลือรสชาติอาหารที่กินไปก่อนหน้านี้ จากนั้นฉันต้องชิมมะไฟจีนตากแห้งเปล่า ๆ เพราะน้อยคนนักที่จะเคยกิน (ที่จริงอยากบอกมากว่าฉันกินมันบ่อยแค่ไหน) หลังจากนั้นบาริสต้าก็ทำการเทกาแฟและน้ำมะไฟจีนสกัด รวมกันในแก้วแล้วฉีดอัดน้ำเปล่าที่ทางร้านผสมอะไรก็ไม่รู้เป็นสูตรลับ ซึ่งหลังจากฉีดน้ำลงไปในแก้วก็ปรากฏเป็นฟองนุ่มคล้ายเบียร์ขึ้นมาในแก้ว... แน่นอนว่ายังไม่เสร็จพิธีกรรม ฉันยังกินมันไม่ได้ ขั้นตอนต่อไป ฉันจะต้องเอามะนาวฝาน ลงไปคน ๆ วน ๆ ในแก้ว ลักษณะคล้ายคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นาทีนั้นเหมือนบาริสตาจะรู้ว่าฉันอยากจะลิ้มรสมันแล้ว ขั้นสุดท้ายจึงจบด้วยการยกขึ้นดื่มอย่างที่ใจปรารถนา ถ้าเปรียบมะไฟจีนเป็นตัวแทนภาพความทรงจำของฉันกับบ้านเกิด กาแฟมะไฟจีนแก้วนี้คงเป็นความทรงจำใหม่ที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมวัฒนธรรมจากหลายถิ่น ภาพหลังจากดื่มกาแฟ มีทั้งความ pop ของวัฒนธรรมคาเฟ่ที่ผุดขึ้นทุกหัวเมือง ผสมกับความเป็นท้องถิ่นที่แผ่กลิ่นซ่านอยู่ที่ปลายจมูก หวนนึกอีกที เมืองน่านในทุกวันนี้ไม่เหมือนเมืองน่านในอดีต ก็เหมือนตัวของฉันเองที่วันนี้ก็พาคนต่างถิ่นกลับมาเดินผสมปนเปกับคนน่านด้วย ทุกส่วนผสมรวมกันจนกลายเป็นเมืองน่านในทุกวันนี้ ที่ยังคงมีเสน่ห์ดั้งเดิมแผ่ซ่านอยู่ที่ปลายจมูกท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง อ๋อ ถ้าถามถึงกาแฟ ฉันก็ไม่รู้ว่าคนอื่นดื่มแล้วจะทำหน้าย่นยู่หรือไม่ แต่สำหรับฉัน มันดีมากเลย ใครต้องการดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดี นั่งชิลในร้านเก๋ๆ ที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ พร้อมขนมอร่อย ๆ ไปได้ที่ Erabica Coffee อยู่ในอำเภอเมืองน่าน ใกล้กับโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ราคาอยู่ที่ 80-200 บาทค่ะ