ข้าวจี่ ภาคอีสาน เมนูพื้นบ้าน กินได้ทุกโอกาส / บทความโดย Pchalisaสมัยก่อนพอเข้าหน้าหนาว ข้าวจี่คืออาหารที่พบได้บ่อยค่ะ ทั้งที่เป็นข้าวจี่ที่ทำทานกันเองในครัวเรือน และข้าวจี่ที่เป็นของซื้อของขายตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะตลาดขายอาหาร จากประสบการณ์ของผู้เขียนนั้น ได้มีโอกาสเห็นการขายข้าวจี่ครั้งแรกที่อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคามค่ะ ซึ่งตอนนั้นย้ายไปเรียนต่อที่นั่น โดยข้าวจี่ที่มีขายในตอนนั้นเป็นแบบราคาสะดวกซื้อค่ะ ที่เริ่มต้นเพียง 5 บาท เท่านั้น และมีแบบเดียวคือแบบที่ใช้ข้าวเหนียวขาวมาทำข้าวจี่ค่ะแต่สมัยนี้ข้าวจี่ถูกพัฒนามาไกลมากจริงๆ ค่ะ และขายกันชิ้นละ 10 บาท เป็นขั้นต่ำ และเริ่มมีข้าวจี่ข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวมูนด้วย แต่สูตรดั้งเดิมเป็นสูตรที่ผู้เขียนทำบ่อยและซื้อประจำค่ะ เพราะสูตรนี้รสชาติดีและได้บรรยากาศที่สุด และเป็นสูตรที่ถ้าต้องทำข้าวจี่คนอีสานก็จะเลือกสูตรดั้งเดิมนี่ล่ะค่ะ เพราะด้วยความง่ายและทำได้แบบรวดเร็ว ข้าวจี่ของคนอีสานคืออะไร?แม่ของผู้เขียนเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนข้าวจี่คือของว่าง ที่ทำขึ้นเพื่อทานกันในบ้าน และจะทานตอนไหนก็ทำตอนนั้นแค่พอดีคน พอเช้าวันใหม่มาอยากทานอีกก็ทำใหม่ และการทำข้าวจี่สมัยโบราณยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้ได้ไออุ่นจากเตาไฟเพื่อคลายความหนาวด้วย เพราะข้าวจี่มักถูกทำขึ้นในช่วงหน้าหนาวซึ่งจุดประสงค์หลักของการทำข้าวจี่ทาน ก็เพื่อทำให้มีอะไรตกถึงท้องในช่วงนั่งผิงไฟในวันที่อากาศหนาวเย็นจัดค่ะ แต่ในตอนหลังมาคนที่จะทำข้าวจี่ทานจริงๆ ก็มีข้อจำกัด เพราะถ้าไม่มีเตาถ่าน ก็จะทำได้แค่คิด ซึ่งคนอีสานจะไม่ทำข้าวจี่เลยนะคะ ต่อให้คนอีสานย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศอื่น การทำข้าวจี่แบบโบราณก็ยังเป็นสิ่งที่คนอีสานโหยหาอยากจะทำมากที่สุด เพราะด้วยรสชาติและความหอมของข้าวจี่แบบที่ว่านี้ ประกอบความเป็นเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวและอร่อยแบบลงตัว จึงถือเป็นตัวเลือกที่คนอีสานยกนิ้วให้ค่ะวิธีทำข้าวจี่ง่ายๆ ที่บ้าน 1. นึ่งข้าวเหนียว จากที่ผู้เขียนมีประสบการณ์มานั้นก่อนจะทำข้าวจี่ เราจะแช่ข้าวสารที่เป็นข้าวเหนียวให้นิ่มก่อน จากนั้นนำมานึ่งให้สุก ซึ่งจะนึ่งด้วยวิธีการอะไรก็ได้ค่ะ เพราะข้าวเหนียวนึ่งใหม่ให้เนื้อสัมผัสและความหอมมากกว่า ที่ไม่แข็งจนเกินไป เมื่อเทียบกับว่านำข้าวเหนียวที่นึ่งแล้วตั้งแต่เช้ามาทำ ซึ่งข้าวเหนียวแบบหลังนี้ จะเป็นสิ่งที่คนสมัยก่อนเลือกใช้ เพราะด้วยความที่ต้องการหาอะไรทานง่ายๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ เลยนำข้าวเหนียวที่มีอยู่ในกระติบข้าวมาทำข้าวจี่ในทันทีทันใดค่ะ2. ก่อไฟเตาถ่านจริงๆ สมัยนี้อาจมีเตาอบ เตาปิ้งย่างไฟฟ้าหรืออะไรทำนองนี้นะคะ เพราะเคยเห็นพี่คนหนึ่งที่เป็นสาวไทยในต่างประเทศอยากทำข้าวจี่ แล้วพี่เขาก็ใช้กระทะตั้งเตาแก๊สและวางข้าวเหนียวลงไป แต่คนอีสานชอบมากที่สุดคือการก่อไฟเตาถ่าน เพราะพอนำมาทำข้าวจี่แล้วจะได้ข้าวจี่ที่หอมมากกว่า และหน้าตาข้าวจี่ก็ออกมาดีกว่าด้วย ซึ่งถ่านที่แนะนำจากประสบการณ์นะคะ ควรเป็นถ่านที่ไม่แตกกระจายตอนอยู่ในเตา เพราะไม่อย่างนั้นก็จะเดือดร้อนกันไปหมด จากที่มีสะเก็ดถ่านจากเตากระเด็ดถูกตัว และข้าวจี่ของเราจะดำๆ และดูแปลกด้วยค่ะ โดยถ่านที่ดีถ้าสามารถหาได้ แนะว่าว่าควรเป็นถ่านที่เผามาจากไม้เนื้อแข็งค่ะ เพราะถ่านจะไม่ไหม้หมดเร็วและให้ไฟที่สม่ำเสมอ3. ตอกไข่ใส่ถ้วยและตีไข่ให้แตกส่วนมากสมัยนี้จะใช้ไข่ไก่ค่ะ แต่แม่เคยบอกว่าสมัยก่อนไข่เป็ดมักถูกเลือกใช้ เพราะตามบ้านเรือนสามารถเลี้ยงเป็ดไข่ได้ และไข่เป็ดให้ไข่แดงสีสวยกว่า พอนำมาทาข้าวจี่แล้วจะทำให้ดูเหลืองสวยและหอมอร่อยกว่าด้วย แต่ไข่ไก่ก็ใช้ได้ค่ะ โดยไข่ไก่ที่ตีให้แตกนี้ไม่ได้ปรุงรสชาติใดๆ เหมือนกับทำไข่เจียวนะคะ และแบบนี้ผู้เขียนชอบมากที่สุด แต่ในตอนหลังมาบางคนอาจเติมซอส เติมพริกไทย ก็ว่ากันไปค่ะ เพราะการทำข้าวจี่ที่บ้านแบบง่ายๆ ก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไปว่าต้องมีสูตรตายตัว4. ปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมหรือวงรี สมัยก่อนคนทำข้าวจี่มักปั้นข้าวเหนียวนึ่งเป็นวงรีขนาดเล็กค่ะ แต่สมัยนี้วงกลมเป็นรูปแบบที่เห็นได้จนคุ้นตาแล้ว และก่อนปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมหรือเป็นแผ่นกลมนั้น ให้ปรุงรสข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ ด้วยการโรยเกลือแกงเพียงเล็กน้อยก่อนนะคะ5. ปิ้งข้าวเหนียวให้หอมจากนั้นนำข้าวเหนียวที่ปั้นไว้ที่อาจจะเสียบไม้หรือไม่มีไม้เสียบก็ได้ มาย่างไฟให้หอม โดยเราจะสังเกตเห็นว่าข้าวเหนียวด้านนอกจะพองและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน เพียงเท่านี้ก็ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ ถ้ามีข้าวที่ปั้นไว้หลายก้อนก็ให้ทำขั้นตอนนี้ให้หมดทุกก้อนก่อน ปิ้งเสร็จก็วางพักไว้ในจาน การปิ้งข้าวเหนียวก่อนเป็นเรื่องที่กดข้ามไม่ได้นะคะ เพราะจุดนี้นอกจากข้าวจี่เราจะหอมอร่อยแล้ว การปิ้งเป็นเหมือนการยึดข้าวเหนียวให้เป็นก้อนที่แข็งแรงขึ้น พอนำไปทาไข่ข้าวจี่จะไม่หลุดจากไม้ลงไปที่เตาไฟค่ะ6. ทาไข่และปิ้งให้สุกและขั้นตอนที่สำคัญต่อมาก็คือ การนำข้าวจี่ที่ปิ้งไว้แล้วมาทาไข่ค่ะ จากนั้นนำไปปิ้งให้สุก ทาไข่รอบแรกจะดูบางเบานะคะ แต่เราสามารถทาไข่ได้หลายรอบตามที่ต้องการ นำมาทาไข่แล้วนำไปปิ้งให้สุก ก็ให้ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ และจุดนี้คือจุดที่สนุกค่ะ เพราะเวลาทำนอกจากเราจะได้ข้าวจี่อร่อยมากขึ้นจากที่มีความหอมจากไข่แล้ว หากทำหลายคนพร้อมกัน ก็จะมีเกมแย่งชิงไข่เกิดขึ้นค่ะ7. จัดเสิร์ฟข้าวจี่สำหรับบางคนสามารถนำมาทานกับกับข้าวบางอย่างได้นะคะ และทำให้อิ่มได้เลย ดังนั้นพอทำข้าวจี่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้จัดเสิร์ฟให้สวยงาม หลายคนมักจะถามหาน้ำพริกปลาร้าค่ะ เพราะพอนำข้าวจี่ไปจิ้มและทานกับผักสดอร่อยมากๆ ค่ะทุกคนก็จบแล้วนะคะและจะดีมากๆ ถ้าใครนำข้าวจี่มาทานกับน้ำพริกผักแล้วจบด้วยการทานผลไม้ ที่อาจจะเป็นส้มสักหนึ่งผลและกล้วยน้ำว้าอีกสักหนึ่งลูกค่ะ ซึ่งการทานแบบนี้ก็จะได้คุณค่าทางอาหารเพิ่มมาจากผลไม้ค่ะ ปกติผู้เขียนไม่ได้ทานข้าวจี่ทุกวันหรือทุกฤดูกาลนะคะ แต่มักทำทานหรือซื้อทานในช่วงหน้าหนาวนี่คือหลักๆ เลย ทานอุ่นๆ อร่อยดีค่ะ เพราะข้าวจี่ทำใหม่ๆ จะไม่แข็งด้วย เลยทำให้ทานได้แบบชิลๆ และได้บรรยากาศมากขึ้นด้วยค่ะ ก็ลองไปหาข้าวจี่มาทานหรือลองทำข้าวจี่ทานกันค่ะ เพราะวิธีการทำง่ายๆ ผู้เขียนก็ได้บอกต่อไว้หมดแล้วในบทความนี้ ปัจจุบันผู้เขียนก็ยังหาโอกาสทำข้าวจี่ค่ะ โดยเฉพาะตอนที่มีข้าวเหนียวใหม่ ทำทานตอนไหนก็สนุกตอนนั้นค่ะ เพราะได้ปรับปรุงฝีมือการทำข้าวจี่ของตัวเองด้วย โดยผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านและทำให้มองเห็นภาพมากขึ้นนะคะ และถ้าชอบบทความแบบนี้อีกอย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้ค่ะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความอื่นๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ 😃เครดิตภาพประกอบบทความภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียนออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaเกี่ยวกับผู้เขียนภัคฒ์ชาลิสา จำปามูลศึกษาเกี่ยวกับ: พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://intrend.trueid.net/post/422908 https://intrend.trueid.net/post/385772 https://food.trueid.net/detail/RvVjM5L7jWKv เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !