ถ้าพูดถึงเรื่องของอาหารประเภทยำนั้น ถือได้ว่าเป็นอาหารที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อไหนๆ ก็จะต้องมีอาหารประเภทนี้รวมอยู่ด้วยแทบทุกครั้งไป ด้วยความที่เป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน ครบรส ไม่ว่าจะเป็นเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม ทำให้ถูกปากใครหลายๆ คน ยิ่งเป็นคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแล้วล่ะก็ อาหารประเภทนี้ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่นิยมบริโภคกัน วันนี้เราได้นำเคล็ดลับและความรู้ต่างๆในการทำเมนูยำเลิศรสมาฝากคุณแม่บ้านพ่อบ้านทั้งหลาย รับรองว่าฝีมือการทำเมนูยำของทุกท่านจะสามารถทัดเทียมกับร้านอาหารรสเลิศที่คุณเคยไปรับประทานมาได้อย่างแน่นอน แล้วคุณจะติดใจจนไม่อยากไปทานอาหารนอกบ้านกันเลยทีเดียว ภาพโดย Baohm จาก pixabay ภาพโดย pgdouglas จาก pixabay 3 เทคนิค สำหรับการทำยำเลิศรส เรามาดูเทคนิคง่ายๆ ของการทำอาหารประเภทยำกันเลยนะคะ วัตถุดิบที่ใช้ในการทำยำ : อย่างแรกเราต้องคำนึงถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบที่จะนำมาใช้กันก่อนนะคะ เช่นเนื้อสัตว์อาจใช้การสังเกตสีของเนื้อ หรือใช้การดมกลิ่นตรวจสอบดู ถ้าเป็นผัก-ผลไม้ก็ควรตรวจดูว่าเน่าเสียหรือยัง โดยการสัมผัสดูว่านิ่ม เละหรือเปล่า จะใช้การดมกลิ่นด้วยก็ยิ่งดีนะคะ เพราะถ้าวัตถุดิบที่เราใช้ไม่สด ไม่ใหม่ รสชาติของอาหารเมนูยำที่ทำออกมาก็จะมีรสชาติที่เปลี่ยนไปจนอาจทำให้เราไม่อยากรับประทานเลยล่ะค่ะ น้ำยำ : ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆของอาหารประเภทยำ เพราะว่ารสชาติของอาหารจะอร่อยหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าน้ำยำนี่แหละค่ะ เวลาเราจะยำก็ควรแยกทำน้ำยำต่างหากไว้ก่อนค่ะ เพื่อการปรุงรสที่ง่ายขึ้น เวลาที่คลุกเคล้าจะได้สะดวกและไม่ทำให้วัตถุดิบเละไปซะก่อน เรามาดูวิธีการทำน้ำยำกันค่ะ ก่อนอื่นให้นำน้ำตาล จะน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปี๊บก็ได้นะคะ ไปละลายในน้ำแล้วเอาไปตั้งไฟให้ร้อนคนจนละลายเป็นน้ำเชื่อมให้ข้นพอสมควร แล้วพักไว้ให้หายร้อน หลังจากนั้นก็ให้ผสมน้ำเปล่าและมะนาวในปริมาณที่เท่าๆ กันค่ะ อาจใส่เกลือลงไปด้วยเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วจึงเติมน้ำเชื่อมที่เราทำไว้ลงไป พร้อมกับคนให้เข้ากันอีกรอบแล้วชิม แนะนำให้มีรส เปรี้ยว เค็ม หวาน ให้เท่าๆ กันก่อนนะคะ ส่วนรสเผ็ดนั้น ก็ให้นำกระเทียม พริกขี้หนูโขลกให้เข้ากัน สำหรับคนที่ไม่ทานเผ็ดมาก แนะนำให้ซอยพริกขี้หนูหรือบุพอแตกนะคะจะทำให้ได้รสชาติที่เผ็ดน้อยลง หลังจากนั้นก็ให้นำไปใส่ในน้ำยำที่ทำไว้ข้างต้น แต่ยังไม่ต่องใส่ลงไปจนหมดนะคะค่อยๆ ใส่แล้วชิม จนได้รสชาติที่ต้องการ ทั้งนี้ทั้งนั้นรสชาติของยำสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชื่นชอบของแต่ละบุคคล วิธียำ : หลังจากที่เราทำน้ำยำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็มาถึงวิธีในการคลุกเคล้าส่วนประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยลำดับขั้นตอนในการยำก็มีความสำคัญไม่แพ้กันนะคะ เวลาเทส่วนผสมนั้นก็ให้นำส่วนผสมหลักลงไปก่อน แล้วจึงตามด้วยน้ำยำทีหลังค่ะ หลังจากนั้นก็คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันจนเป็นที่น่าพอใจก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย ภาพโดย jnprice73 จาก pixabay ประโยชน์ของผักต่างๆ ที่ประกอบในอาหารประเภทยำ - ต้นหอม ในต้นหอมนั้นอุดมไปด้วย ฟอสฟอรัสและเบต้าแคโรทีนอยู่มาก ซึ่งสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้โคนต้นหอมยังสามารถรักษาอาการหวัด ขับเสมหะและขับเหงื่อได้ดีอีกด้วย - หอมแดง ในหอมแดงนั้นมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบและยังมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หากรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ - ขึ้นฉ่าย ถือเป็นผักที่ช่วยขับลมและปัสสาวะได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย - มะเขือเทศ ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนมีประโยชน์เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม แถมยังช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกาย - พริก ในพริกนั้นมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูก เพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ปรับตัวเข้ากับแรงดันระดับต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น - สะระแหน่ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น ช่วยระงับกลิ่นปาก ช่วยขับลมในลำไส้และช่วยในการย่อยอาหารได้อีกด้วย ภาพโดย congerdesign จาก pixabay ถ้าเรารู้หลักการและขั้นตอนในการทำเมนูประเภทยำที่ถูกต้องว่าควรเริ่มที่ตรงไหน แล้วจบที่ตรงไหนแล้วล่ะก็ เราจะได้ไม่ต้องกังวลที่จะต้องมาเติมนู่น เติมนี่ จนมั่วไปหมด แล้วในที่สุดเราก็จะได้ยำเลิศรสที่รังสรรค์ด้วยฝีมือตนเองไว้ทานแล้วนะคะ นอกจากคุณจะได้รับประทานยำอร่อยๆฝีมือตนเองแล้ว คุณยังจะได้ประโยชน์นานัปการจากพืชผักสมุนไพรที่ใส่ลงไปในยำเหล่านั้นอีกด้วย