‘บัวลอย’ ขนมหวานสานความสัมพันธ์ของครอบครัว คงจะปฏิเสธกันไม่ได้ว่าในวัยเด็กเกือบทุกคนต้องเคยช่วยแม่นั่งปั้นเม็ดบัวลอย ซึ่งหน้าตาที่ออกมาก็แล้วแต่เราจะจินตนาการว่าอยากให้บัวลอยของเราเป็นรูปอะไร ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็คงไม่พ้นดอกไม้ ส่วนเด็กผู้ชายก็อาจเป็นสิงห์สาราสัตว์ ดังนั้นจะพาทุกคนย้อนวัยไปเรียนรู้วิธีการทำขนมไทยชนิดนี้อีกครั้งรับรองว่าครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งแน่นอน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ความนุ่มเหนียวของเม็ดบัวลอย ความหวานจากน้ำตาลมะพร้าว และความเข้มข้นของกะทิแค่นึกถึงความอร่อยของมันก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว แต่ในวันนี้จะนำเสนอวิธีการทำบัวลอยที่รับประกันความอร่อยไม่เหมือนใครที่ทุกคนสามารถนำไปทำกินก็ง่าย ทำขายก็สามารถสร้างรายได้ อีกทั้งรับประกันว่าเมื่อใครได้ชิมแล้วจะติดใจในความอร่อยของบัวลอยถ้วยนี้แน่นอน ‘บัวมรกต’ บัวลอยสีเขียวอ่อนที่อยู่ในน้ำกะทิสีขาวครีมลายล้อมด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนนุ่ม ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม 1.แป้งข้าวเหนียว ½ กิโลกรัม 2.แป้งมัน 1 ถ้วยตวง 3.ใบเตย 15 ใบ 4.น้ำเปล่า 5.เกลือเม็ด 1 ช้อนชา 6.กะทิแบบเข้มข้น(หัวกะทิ) 1 กิโลกรัม หรือ 2 กล่อง 7.มะพร้าวอ่อน 3 ลูก (แยกเนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าว) 8.น้ำตาลมะพร้าว(น้ำตาลปี๊บ) 250 กรัม 9.น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ 10.ไข่ไก่ 1 ฟอง ภาพถ่ายโดยผู้เขียน วิธีการทำ นำใบเตยที่ล้างสะอาดแล้วนำหั่นเป็นชิ้นเล็กๆประมาณ 1 นิ้ว นำไปปั่นในโถปั่นใส่น้ำลงไป 2 แก้วหรือท่วมใบเตย (กรณีที่ไม่มีเครื่องปั่นใช้การตำในครกแทนได้) ปั่นให้ละเอียดแล้วนำมากรองเอากากใยออกพักไว้ (ส่วนที่ใช้วิธีการตำใบเตย ให้นำใบเตยที่ละเอียดแล้วมาผสมน้ำประมาณ 2 แก้วแล้วกรองเอากากใยออก) ภาพถ่ายโดยผู้เขียน นำแป้งข้าวเหนียวมาร่อนรวมกับแป้งมัน นำน้ำใบเตยที่เตรียมไว้ค่อยๆเทลงไป(ระวังอย่าใส่น้ำเยอะเกินเพราะจะทำให้แป้งเหลวเกินไป) นวดแป้งไปเรื่อยๆจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน โรยแป้งมันในถาดที่เตรียมไว้ใส่เม็ดบัวลอย ลงมือปั้นแป้ง ขนาดของเม็ดบัวลอยเล็กใหญ่ตามชอบได้เลย กะทิที่ใช้ จะแบ่งกะทิออกเป็น 2 ส่วนเก็บไว้ใส่เป็นหัวกะทิใส่ตอนสุดท้าย 1 ถ้วย ส่วนหัวกะทิที่เหลือจะนำมาผสมกับน้ำมะพร้าวอ่อนที่เตรียมไว้ ดังนั้นน้ำกะทิของเราจะมีทั้งความหอมและความหวานในตัวถ้าข้นมากหรือน้ำน้อยเกินไปอาจใส่น้ำเพิ่มได้ นำกะทิตั้งไฟพอเดือดใส่น้ำตาลปี๊บคนจะละลายชิมรสตามชอบถ้ายังหวานน้อยไป ค่อยๆเติมน้ำตาลทรายเพิ่มลงไป ใส่เกลือ (ระวังอย่าใช้ไฟแรงเกินเป็นเวลานานเพราะกะทิจะแตกมัน) โรยเม็ดบัวลอยที่ปั้นไว้ลงไปน้ำกะทิที่กำลังเดือด เมื่อแป้งบัวลอยสุกจะลอยตัวขึ้นมา ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน พอเริ่มเดือดใส่หัวกะทิ(เคล็ดลับของหัวกะทิที่เข้มข้นคือการเตรียมหัวกะทิโดยการตอกไข่ใส่ลงไปในหัวกะทิตีให้เข้ากันเตรียมไว้ก่อน)เมื่อบัวลอยเดือดขึ้นมาอีกครั้งปิดไฟแล้วยกลงได้เลย รสชาติของบัวมรกตของเราจะมีความหวานแต่ไม่ถึงกับแสบคอและจะมีรสสัมผัสที่ปลายลิ้นว่ามีความเค็มนิดๆพอให้รสชาตกลมกล่อม อีกทั้งกลิ่นใบเตยจากเม็ดบัวลอยที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลในปาก เนื้อมะพร้าวที่มีทั้งอ่อนนุ่มและกรุบๆเพิ่มรสสัมผัสบอกได้เลยว่าครบรสความอร่อยแน่นอน จะเห็นได้ว่าวิธีการทำบัวลอยนั้นไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด อีกทั้งเป็นขนมหวานที่สามารถทานได้ทุกวัย