สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับบทความอาหารพื้นบ้านภาคเหนือ วันนี้ผู้เขียนอยากนำเสนออาหารพื้นบ้านที่นิยมมากอีกหนึ่งชนิดค่ะ นั่นก็คือ แกงส้มบอน เนื่องจากบอนเป็นพืชที่ขยายพันธุ์แตกหน่อได้ง่าย จึงมีให้รับประทานทุกฤดู ส่วนของต้นบอนที่นิยมนำมาแกงคือใบอ่อนที่กำลังแตกใบขึ้นมาจากส่วนของกอ ใบยังไม่กางออกจนเต็มใบ เมื่อนำมาแกงบอนจะเปื่อยง่ายและสุกเร็ว ชาวบ้านนิยมนำมาแกงโดยใส่เนื้อสัตว์ที่ต้องใช้เวลาในการต้มให้เปื่อยยาก เช่น แกงบอนใส่หนังควาย แกงบอนใส่ตีนหมู (คากิ) เป็นต้น วันนี้ผู้เขียนก็มีวิธีการทำแกงส้มบอนมาฝากอีกเช่นเคย เชิญติดตามได้เลยค่ะ วัตถุดิบที่ต้องเตรียม 1. ต้นบอน 500 กรัม 2. มะขามเปียก 4 ฝัก 3. พริกแห้ง 15 เม็ด 4. ข่าเหลืองแก่หั่นแว่น 15 แว่น 5. กระเทียม 10 กลีบ 6. เกลือ ½ ช้อนชา 7. ผงชูรส ½ ช้อนชา 8. ปลาร้าสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ขั้นตอนและวิธีการทำ 1. นำต้นบอนมาหั่นเป็นท่อน นำไปล้างน้ำให้สะอาดแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ หลังจากนั้นจึงนำต้นบอนใส่ลงในหม้อ เติมน้ำสะอาดลงไป นำขึ้นตั้งบนเตาไฟ ปิดฝาหม้อ ต้มไปจนกว่าต้นบอนจะเปื่อย 2. นำพริกแห้ง ข่าเหลืองแก่หั่นแว่น กระเทียม เกลือ ผงชูรส ใส่ลงในครกโขลกให้ส่วนผสมละเอียดเข้ากันดี จึงเติมปลาร้าสับละเอียดลงไปโขลกให้เข้ากันอีกหนึ่งรอบ 3. นำน้ำพริกที่ได้ใส่ลงในหม้อต้มบอนคนให้เข้ากัน จึงใส่มะขามเปียกลงไปในหม้อ แกงต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าเนื้อบอนจะเปื่อยและน้ำเริ่มงวดลงไป ระหว่างนี้ให้ใช้ไฟอ่อน ๆ คนบ่อย ๆ อย่าให้ก้นหม้อไหม้ ชิมรสแล้วปรุงตามใจชอบ จากนั้นจึงใส่ใบมะกรูดลงไป คนให้ทั่วปิดไฟยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะกับเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือ แกงส้มบอน ความโดดเด่นของเมนูนี้ก็คือ สมุนไพรที่ใส่ลงไปก็คือข่าเหลืองแก่ ที่มีความเผ็ดร้อนและมีความหอมมากกว่าข่าทั่วไป ใบมะกรูดที่ใส่ลงไปในแกงยิ่งส่งกลิ่นหอมมากขึ้น และมะขามเปียกที่ใส่ลงไปตัดความหวานของบอนได้เป็นอย่างดี ทำให้มีรสชาติออกเปรี้ยวนิด ๆ ถือว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอีกหนึ่งเมนูที่น่าลองชิมมากค่ะ