9 วิธีเก็บทาร์ตไข่ที่เหลือ กินไม่หมด ให้ยังอร่อยเหมือนเดิม | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจคิดว่าทาร์ตไข่เป็นขนมที่ต้องรีบกินให้หมดในวันที่ซื้อมาเท่านั้น เพราะกลัวว่าจะไม่อร่อยเหมือนเดิม แต่จริงๆ แล้ว ไม่ต้องกังวลใจไปเลยค่ะ! เพราะการเก็บทาร์ตไข่ไว้กินวันหลังนั้น ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยนะทุกคน แถมยังทำได้หลากหลายวิธีอีกด้วย ไม่ว่าเราจะต้องการเก็บไว้แค่ไม่กี่ชั่วโมง หรือจะเก็บไว้นานเป็นสัปดาห์ ก็มีเทคนิคที่ช่วยให้ทาร์ตไข่ยังคงความอร่อย กรอบนอกนุ่มใน เหมือนเพิ่งออกจากเตาอบใหม่ๆ น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาไขข้อข้องใจและเรียนรู้วิธีเก็บทาร์ตไข่ที่ถูกต้องกันค่ะ ไม่ว่าเราจะเป็นคนชอบซื้อมาตุนไว้ หรือแค่มีเหลือจากที่ซื้อมาแล้วกินไม่หมดก็ตามแต่ เมื่ออ่านจบแล้วเราจะสามารถเลือกวิธีเก็บทาร์ตไข่ที่เหมาะสมกับความต้องการของเราได้อย่างมั่นใจ ทำให้ทาร์ตไข่ของเรายังคงความอร่อย กรอบนอกและนุ่มใน เหมือนเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ และไม่ต้องเสียดายที่ต้องทิ้งของอร่อยๆ ไปค่ะ และถ้าอยากรู้แล้วว่ามีวิธีอะไรบ้าง งั้นเรามาอ่านกันเลยจ้า 1. การเก็บในอุณหภูมิห้อง คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเก็บทาร์ตไข่ไว้ในอุณหภูมิห้องเพื่อกินวันหลังนั้น เหมาะกับคนที่ตั้งใจจะทานทาร์ตไข่ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง และอยู่ในสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดจนเกินไป หรืออยู่ในห้องที่เปิดแอร์ตลอดค่ะ เพราะวิธีนี้สะดวกและง่าย โดยไม่ต้องพึ่งตู้เย็น เหมาะสำหรับวันที่เราอยากหยิบทาร์ตไข่มาทานได้ทันที หรือพกพาไปข้างนอกเล็กน้อย เพราะเนื้อทาร์ตจะไม่แข็งเหมือนตอนแช่เย็นจัดๆ แต่ข้อควรระวังคือทาร์ตไข่มีส่วนผสมของนมและไข่ค่อนข้างเยอะ ทำให้บูดเสียง่ายหากอากาศร้อนหรือชื้นเกินไป ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจว่าจะทานหมดเร็วๆ หรือสภาพอากาศไม่เป็นใจจริงๆ การเก็บในตู้เย็นจึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเยอะเลยค่ะ 2. ห่อด้วยพลาสติกแรปแต่ละชิ้น การเก็บทาร์ตไข่ด้วยการห่อพลาสติกแรปแต่ละชิ้น เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการเก็บทาร์ตไข่ให้นานขึ้นอีกนิด ไม่ว่าจะเอาเข้าตู้เย็นหรือช่องฟรีซค่ะ วิธีนี้ช่วยป้องกันอากาศเข้าได้ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ขนมแห้งหรือกลิ่นอาหารอื่นๆ ในตู้เย็นไปติด แถมยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของไส้ทาร์ตไม่ให้แห้งแข็ง และป้องกันแป้งทาร์ตจากความชื้นได้ดีกว่าการใส่กล่องรวมๆ กันด้วย ทำให้ทาร์ตไข่ยังคงเนื้อสัมผัสและรสชาติที่ดีอยู่เมื่อนำกลับมาอุ่นทานอีกครั้ง เหมาะสำหรับคนที่ซื้อมาหลายชิ้นแล้วอยากทยอยกินทีละชิ้น หรือจะเก็บไว้ทานวันหลังหลายๆ วันเลยค่ะ 3. ใช้ภาชนะมีฝาปิด การเก็บทาร์ตไข่ไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการปกป้องทาร์ตไข่จากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ และต้องการรักษาคุณภาพของขนมให้ดีที่สุดค่ะ วิธีนี้ช่วยป้องกันกลิ่นอาหารอื่นๆ ในตู้เย็นไม่ให้เข้าไปติดทาร์ตไข่ ทำให้รสชาติไม่เพี้ยน และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของไส้ทาร์ตไม่ให้แห้งแข็ง รวมถึงป้องกันแมลงหรือสิ่งสกปรกจากภายนอกได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ชอบเก็บของให้เป็นระเบียบ และอยากมั่นใจว่าทาร์ตไข่ที่นำออกมาทานจะยังคงความอร่อยและปลอดภัยเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ค่ะ 4. ห่อด้วยกระดาษไข หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า การเก็บทาร์ตไข่ด้วยการห่อด้วยกระดาษไข เหมาะกับคนที่ต้องการวิธีเก็บแบบง่ายๆ ที่บ้าน โดยเฉพาะคนที่อาจจะไม่มีพลาสติกแรป หรือไม่อยากให้พลาสติกสัมผัสกับขนมโดยตรงค่ะ ซึ่งกระดาษไขช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ได้เล็กน้อย และยังป้องกันไม่ให้ทาร์ตไข่ติดกัน หากต้องวางซ้อนกันเบาๆ หรือเก็บในภาชนะรวมกัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บทาร์ตไข่ไว้ในตู้เย็นเพียง 1-2 วัน และต้องการวิธีที่สะดวก และไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษอะไรมากค่ะ 5. เก็บในชั้นที่เย็นที่สุดของตู้เย็น แต่ไม่ใกล้ช่องแช่แข็งเกินไป การเก็บทาร์ตไข่ไว้ในชั้นที่เย็นที่สุดของตู้เย็น แต่ไม่ใกล้ช่องแช่แข็งเกินไปนั้น เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่ต้องการยืดอายุทาร์ตไข่ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตู้เย็นปกติค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้ไส้ทาร์ตไข่คงความสดใหม่ ไม่เสียเร็ว เพราะได้รับความเย็นที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เย็นจัดจนไส้แข็งเป็นน้ำแข็ง หรือไม่ทำให้แป้งทาร์ตด้านเกินไปเมื่อนำมาอุ่นซ้ำ เหมาะสำหรับคนที่วางแผนจะทานทาร์ตไข่ภายใน 2-3 วัน และอยากมั่นใจว่าทาร์ตไข่จะยังคงคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ 6. ใช้การแช่แข็งสำหรับเก็บนานขึ้น หากเราต้องการรักษาคุณภาพของทาร์ตไข่ด้วยการแช่แข็งนั้น ต้องรู้ก่อนว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ซื้อทาร์ตไข่มาในปริมาณมากๆ ค่ะ หรือยังไม่มีแผนว่าจะกินหมดภายในไม่กี่วันค่ะ ซึ่งวิธีนี้ช่วยยืดอายุทาร์ตไข่ให้เก็บได้นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเลยทีเดียวนะคะ จึงทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าทาร์ตไข่จะเสียหรือต้องรีบกินให้หมด เหมาะมากสำหรับสายตุนขนมที่ชอบซื้อทีเดียวเยอะๆ แล้วค่อยๆ ทยอยเอาออกมาอุ่นทานเมื่ออยากกิน หรือสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำขนมบ่อยๆ การแช่แข็งจะช่วยล็อกความสดใหม่ของทาร์ตไข่เอาไว้ได้ค่ะ ทำให้เมื่อนำมาอุ่นทานอีกครั้งก็ยังได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีใกล้เคียงกับตอนทำใหม่ๆ 7. หลีกเลี่ยงการวางซ้อนกัน อีกหนึ่งข้อที่ควรรู้เลยถ้าต้องการเก็บทาร์ตไข่ไว้กินวันหลัง คือ ควรหลีกเลี่ยงการวางซ้อนทับกันค่ะ ทำได้โดยการวางทาร์ตไข่เรียงเป็นชั้นเดียวในภาชนะที่กว้างพอ หรือถ้าจำเป็นต้องซ้อนจริงๆ ให้วางกระดาษไขกั้นระหว่างชิ้นก่อนนำเข้าตู้เย็นค่ะ ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าไส้คัสตาร์ดด้านบนของทาร์ตไข่มีความนิ่มและบอบบางมาก ถ้าเราวางซ้อนทับกันไปโดยตรง น้ำหนักที่กดทับจะทำให้ไส้ทาร์ตเละ เสียรูปทรง ไม่สวยงาม และอาจทำให้แป้งทาร์ตด้านล่างแตกหักเสียหายได้ง่าย ทำให้ทาร์ตไข่ที่อุตส่าห์เก็บไว้อย่างดีไม่น่ากินเหมือนเดิมค่ะ 8. หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยๆ เราควรหลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยๆ ค่ะ และจะทำได้โดยการวางแผนหยิบของในตู้เย็นให้เสร็จในครั้งเดียว ไม่เปิดแช่ไว้นานเกินความจำเป็น และอาจจะรวมของที่จะหยิบออกมาใช้พร้อมกันไว้ในจุดที่มองเห็นง่ายๆ ค่ะ ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า ทุกครั้งที่เราเปิดประตูตู้เย็น อุณหภูมิภายในจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อปิดประตูแล้ว เครื่องทำความเย็นก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิกลับมาเท่าเดิม การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่บ่อยและฉับพลันนี้จะส่งผลให้ทาร์ตไข่ โดยเฉพาะไส้คัสตาร์ดด้านใน ที่อาจสูญเสียความสดใหม่ได้เร็วขึ้น อาจทำให้แห้ง หรือเสียง่ายขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นนั่นเองนะคะ 9. ให้อุ่นซ้ำเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด การนำทาร์ตไข่ที่เก็บไว้มาอุ่นซ้ำ เป็นเคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ทาร์ตไข่กลับมาอร่อยเหมือนใหม่ค่ะ ทำได้โดยให้นำทาร์ตไข่เข้าเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 180-200 องศาเซลเซียส ประมาณ 5-10 นาที หรือจนกว่าไส้ด้านในจะอุ่นขึ้นและแป้งทาร์ตกลับมากรอบอีกครั้ง ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า เมื่อเราเก็บทาร์ตไข่ในตู้เย็น ความเย็นจะทำให้แป้งทาร์ตนิ่มลงและไส้ทาร์ตก็เย็นชืด การอุ่นซ้ำด้วยความร้อนที่เหมาะสมจะช่วยให้แป้งกลับมากรอบหอม และไส้คัสตาร์ดกลับมานุ่มละมุนลิ้น ที่อุ่นกำลังดี ที่ทำให้ทาร์ตไข่ที่เก็บไว้นั้น กลับมาอร่อยฟินเหมือนเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ ค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการจะเก็บทาร์ตไข่ให้อร่อยเหมือนเดิมเมื่อกินวันหลังนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะกินเมื่อไหร่และมีอุปกรณ์อะไรบ้างนะคะ ถ้าจะกินภายใน 24 ชั่วโมง และอากาศไม่ร้อนจัด แค่เก็บในภาชนะปิดหรือห่อพลาสติกแรปแต่ละชิ้น แล้ววางไว้ที่อุณหภูมิห้องก็พอแล้วค่ะ แต่ถ้าอยากเก็บได้นานขึ้นอีกหน่อย สัก 2-3 วัน การเก็บในตู้เย็น โดยใส่ในภาชนะมีฝาปิดหรือห่อพลาสติกหรือกระดาษไขแต่ละชิ้น แล้ววางในจุดที่เย็นแต่ไม่ใกล้ช่องฟรีซเกินไป ก็จะช่วยคงความสดใหม่ได้ดีที่สุด ส่วนใครที่ซื้อมาเยอะแล้วกะจะกินนานเป็นสัปดาห์ การแช่แข็งคือคำตอบค่ะ และไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเลือกซื้อทาร์ตไข่ที่มีคุณภาพดีและถูกสุขลักษณะมาให้ได้ก่อนเสมอ และเมื่อจะกินก็นำมาอุ่นซ้ำในเตาอบ เพื่อให้แป้งกลับมากรอบและไส้นุ่มละมุนลิ้นอีกครั้ง แค่นี้ทาร์ตไข่ของเราก็จะยังคงอร่อยฟินเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่แล้วค่ะ เอาไว้บนความหน้าผู้เขียนจะมาบอกต่อเกี่ยวกับการสังเกตทาร์ตไข่ที่น่าซื้อค่ะ ซึ่งปกติแล้วสำหรับผู้เขียนจะเลือกเก็บทาร์ตไข่ในสองลักษณะ คือ การเก็บในอุณหภูมิห้องและการเก็บในช่องธรรมดาของตู้เย็นค่ะ โดยมักเลือกกล่องสำหรับใส่อาหารที่มีฝาปิดมิดชิด เนื่องจากมีอุปกรณ์นี้สำหรับที่นี่ค่ะ แต่ยังไม่เคยได้ลองเก็บทาร์ตไข่ในช่องแช่แข็งค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองไปประเมินสถานการณ์ของตัวเองดูนะคะ ว่าเรามีทาร์ตไข่มากน้อยแค่ไหน แล้วทาร์ตไข่ชุดนั้นเรามีแผนการบริโภคยังไง พอเราชัดเจนในประเด็นได้แล้ว จากนั้นก็แค่เลือกวิธีการในบทความนี้ไปใช้เท่านั้นเองค่ะ พอจะมองเห็นภาพแล้วใช่ไหมคะ? ถ้าจุดไหนยังไม่ชัดเจนให้ลองกลับไปอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบก็ได้ค่ะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและหน้าปกโดยผู้เขียน ออกแบบใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล ขนมดอกบัว แบบไหนดี มีคุณภาพ และน่าซื้อ 8 วิธีเลือกข้าวเหนียวสังขยา แบบไหนอร่อย สะอาด และน่าซื้อ วิธีเลือกกล่องพลาสติก สำหรับใส่อาหาร คุณภาพดี น่าซื้อ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !