เวลาเข้าไปร้านอาหารอีสานเมนูยอดฮิตนอกจาก น้ำตก ส้มตำแล้ว อีกเมนูซุปไว้ซดร้อน ๆ ก็คงจะคุ้นกันดีกับเมนู แกงหน่อไม้ใบย่านาง ถึงจะเป็นแกงร้อนแต่มีสรรพคุณกินแก้ร้อนในได้ จากน้ำใบย่านางนั่นเอง โดย หน่อไม้ที่ใช้จะใส่ได้ทั้งหน่อไม้สด หน่อไม้ปี๊บ หน่อไม้ป่า หรือ หน่อไม้หวาน ก็แล้วแต่จะหาได้ แต่หากคุณไปแอ่วเมืองเหนือ หรือ เข้าร้านอาหารเหนือ ถ้าคุณสั่งแกงหน่อไม้มาลองชิมดู อาจจะแปลกใจกับรสชาติ และหน้าตา เพราะแกงหน่อไม้แบบเหนือกับแบบอีสานนั้นมีวิธีการปรุงที่ต่างกันเล็กน้อย รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ แกงหน่อไม้แบบภาคเหนือ หรือ แกงหน่อ ใช้หน่อไม้สดในการปรุง หน่อไม้ที่นิยมนำมาแกง ได้แก่ หน่อไม้ไผ่ตง หน่อไม้บง หน่อไม้ไล่ หน่อไม้ไผ่สีสุก ทีนี้มาดูขั้นตอนการทำกัน ว่าต่างกันตรงไหนบ้าง ปอกหน่อไม้เอาเปลือกและส่วนแข็งออก นำหน่อไม้ที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วไปล้างให้สะอาด นำหน่อไม้มาฝานให้เป็นแผ่นบาง ๆ ต้มหน่อไม้โดยใส่หน่อไม้ในขณะที่เริ่มตั้งหม้อน้ำ รอจนน้ำเดือด (สังเกตจนน้ำต้มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง) การทำแบบนี้เพื่อช่วยขับความขม ความเฝื่อนของหน่อไม้ออก เทน้ำทิ้ง เปิดน้ำล้างหน่อไม้ที่ต้ม แบบผ่าน ๆ หนึ่งรอบ จากนั้นนำมาผึ่งทิ้งไว้ ตั้งน้ำจนเดือด แล้วใส่กระดูกหมูลงไป เติมเกลือ 1 ช้อนชา และช้อนฟองออกเรื่อย ๆ จนหมูเริ่มนุ่ม ใส่น้ำใบย่านางลงไป (ถ้าเป็นแกงเหนือจะไม่ใส่) ใส่พริก หอม กระเทียม ตะไคร้ ลงไป (แกงเหนือไม่ใส่ตะไคร้) เมื่อเครื่องแกงเริ่มสุก ให้ใส่น้ำปลาร้าลงไป 1 - 2 ช้อนโต๊ะ รอน้ำเดือดอีกครั้ง แล้วใส่หน่อไม้ที่ผึ่งทิ้งไว้ลงไป ตั้งทิ้งไว้สักพัก แล้วใส่ผักใบเขียวลงไป - แกงเหนือใส่ ชะอม ชะพลู เห็ดหูหนู - แกงอีสานใส่ ใบแมงลัก รอจนผักสลดเป็นอันเสร็จสิ้น แต่ถ้าเป็นแกงเหนือจะใส่น้ำปูลงไปในขั้นตอนนี้ สรุปแล้ว แกงแบบเหนือต่างกับแกงทางอีสานตรงที่ แกงเหนือไม่ใส่ใบย่านางกับตะไคร้ แต่จะใส่น้ำปูแทน รวมถึงผักที่เป็นส่วนประกอบ จะใส่ลงไปเยอะกว่า ส่วนแกงแบบอีสานจะใส่เพียง ใบแมงลัก ใครยังไม่เคยทานแกงหน่อไม้ทั้งสองเวอร์ชัน คงต้องหาโอกาสไปลิ้มลองแล้วล่ะค่ะ รสชาติอาจจะต่างกัน แต่ความอร่อยไม่แพ้กันแน่นอน