มะยม คือไม้ยืนต้นขนาดเล็กและขนาดกลาง เปลือกของลำต้นจะขรุขระและจะมีสีน้ำตาลปนเทา ลักษณะของผลเมื่ออ่อนจะเป็นสีเขียวและตอนแก่จัดจะเป็นสีเหลือง เนื้อจะฉ่ำน้ำมาก ๆ มีทั้งสายพันธุ์เปรี้ยวและสายพันธุ์หวานออกฝาด ๆ ข้างในผลจะมีเมล็ดเล็ก ๆ ส่วนมากคนจะนิยมนำมาตำ หรือนำมารับประทานสดคู่กับพริกเกลือหรือน้ำปลาหวานนั่นเอง เครดิตภาพโดยผู้เขียน ทำไมต้องพูดถึงมะยม ใช่แล้วค่ะ วันนี้เราจะมานำเสนอเมนูที่เกี่ยวกับมะยม ซึ่งนั่นก็คือ ตำมะยมน้ำปลาร้าค่ะ พอพูดถึงแล้วก็เปรี้ยวปากรอ น้ำลายสอกันเลยทีเดียว มองเห็นต้นมะยมที่บ้านมันลูกดกมากจริง ๆ เลยช่วงนี้ เห็นหลาย ๆ คนยิ่งต้องอยู่แต่บ้านเพราะกำลังอยู่ในยุคที่ช่วงโรคโควิด19 กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ จึงจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องกักตัวเองไม่ให้ไปไหน อยู่บ้านเบื่อ ๆ ถ้าได้เมนูอะไรแซ่บ ๆ มาทานเล่นแล้วล่ะก็มันช่างพอดีเลยจริง ๆ เชียว ส่วนตำมะยมนั้นวิธีทำก็ทำง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากอะไรเลยนะคะ แค่เพียงใช้อุปกรณ์และเครื่องปรุงที่เรามีอยู่ติดบ้านติดครัวกันอยู่แล้วแค่นั้นเอง เราก็ทำได้แล้วและยังสามารถนำวัตถุดิบของเราที่มีอยู่แล้วมาสรรค์สร้างเมนูได้อย่างมากมาย แต่มะยมนั้นก็ยังสามารถนำมาทำเมนูได้อีกหลากหลายเมนูเช่นกัน เช่น ตำมะยมใส่กล้วย ตำมะยมหอยดอง ตำมะยมกุ้งสด เป็นต้น งั้นเรามาดูวิธีทำกันเลย วัตถุดิบ 1. มะยมสด 1 ถ้วยเล็ก(ประมาณ30-40ลูก) 2. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ 3. พริกสด/พริกแห้ง(ความเผ็ดตามชอบ) 4. น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ วิธีการทำ 1. นำมะยมที่ได้มาล้างน้ำให้สะอาด 2. ตำพริกตามชอบจะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ได้ ตามด้วยน้ำตาลและผลมะยม 3. ตำมะยมให้ละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า (หรือถ้ามีอย่างอื่นเช่นกุ้งสดก็ใส่ตามลงไปได้เลย) 4. ตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แล้วตักใส่ชาม เครดิตภาพโดยผู้เขียน เครดิตภาพโดยผู้เขียน เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับเมนูรสแซ่บของเราอย่างตำมะยม ดูแล้วทำตามได้เลยใช่ไหม เห็นไหมล่ะว่าวิธีการทำง่ายมาก ๆ เลยทีเดียว ด้วยความเปรี้ยวของมะยมนั้นมาบวกกับรสชาตินัว ๆ ของน้ำปลาร้าต้มสุก ช่างเป็นเมนูที่เข้ากันเสียจริง ๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากจะทานอาหารว่างรสแซ่บ ๆ จี๊ดจ๊าดแบบเปรี้ยวเข็ดฟันก็จัดให้กันเลยทีเดียว ไว้ทานแก้เบื่อสำหรับใครที่ต้องกักตัวอยู่แต่ภายในบริเวณบ้าน แต่ไม่แนะนำให้ทานบ่อย ๆ นะคะ เพราะช่วงนี้อากาศร้อนมาก ๆ อาจจะทำให้ปวดท้องหรือท้องเสียได้ง่ายนั่นเอง ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ หรือจะนำมะยมมาดองเพื่อเก็บไว้ให้กินได้นาน ๆ อีกด้วยจ้า เครดิตภาพโดยผู้เขียน