#หีบร้อยแฮชแทค #หีบหายรีวิว #หีบหายพาหิว เมื่อสามสี่วันก่อนหน้า ผมได้มีโอกาสเข้าไปเมืองกรุงในรอบปี ซึ่งบอกเลยว่ากรุงเทพไม่ใช่ที่ๆ ผมชอบไปสักเท่าไหร่เพราะผมปล่อยไก่ไปหลายครั้งมาก ทั้งเสียบบัตรรถไฟฟ้าผิดเอย หาที่แตะเหรียญรถไฟใต้ดินไม่เจอเอย โดนที่กั้นหนีบก้นเอยกรุงเทพฯ นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก แต่เพราะโอกาสดีๆ ที่ทำให้ผมได้ไปกรุงเทพ วันนี้เลยมาหาอะไรกินและเก็บภาพต่างๆ มารีวิวในรูปแบบ "บ้านนอกเข้ากรุง" สักหน่อย... ผมมาที่ตึก ทรู ดิติทัล พาร์ค ด้วยความรู้สึกแรกที่หาข้อมูลคือ เป็นพื้นที่สำนักงาน มีสถานที่ให้นั่งทำงานสบายๆ แต่ไม่คิดเลยครับว่าที่นี่มันจะเต็มไปด้วยของกินที่แบบ เยอะ...เยอะจังโว้ยยย!หันไปทางไหนก็เจอครับ ขึ้นชั้นสองหรือชั้นสามก็เจอ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกทานได้ไม่กี่ร้าน ทว่ากลับประทับใจเสียทุกร้านเลย บอกได้คำเดียวว่า "ดีจัง"ร้านที่ผมเลือกครั้งนี้ เกิดจากการที่ผมและมิตรภาพใหม่นามว่า "พี่บอย" ได้ตกลงกันว่าอยากลองชิม "ชาการิกิ 432" จากการหาข้อมูลร้านนี้ไม่ได้มีสาขาเดียวครับ ยังมีสาขาอื่นๆ ให้ไปลิ้มลองกันได้เลยครับ ซึ่งในวันที่ผมไป ก็ได้รับคำแนะนำจากพนักงานที่แสนน่ารัก และบริการดี๊ดี ดีจนผมเขินครับ...ว่ามีบุฟเฟ่ต์ด้วย ในราคา 432 บาท ตามชื่อร้านเลย (ซึ่งรวมทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วจบที่ประมาณ 480 บาทครับ) บรรยากาศภายในร้านตบแต่งได้อย่างเฉพาะตัวครับ มีป้ายเมนูใหญ่ๆ แปะเต็มไปหมดเลย แล้วก็มีรูปคุณเจ้าของร้านที่เป็นคนญี่ปุ่นในท่าทางทรงพลังอยู่ด้วย ในร้านจะมีรูปการ์ตูนที่เอามาตัดแปะล้อเลียนให้รู้สึกสนุกตั้งแต่ยังไม่ได้กินครับ เรียกได้ว่าแค่เข้ามาในร้านก็อมยิ้มกันแล้วในร้านจะมีโต๊ะแบบปกติทั่วไปครับ กับโซนนี้ที่ดูเป็นส่วนตัวหน่อย แล้วก็โซนด้านนอกร้าน ติดระเบียงครับ ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ของตึกทรูด้านล่างได้ ซึ่งผมเลือกโซนในรูปครับ ให้ความรู้สึกว่าเป็นส่วนตัวดี บรโต๊ะจะมีอุปกรณ์ไว้ให้ประมาณนี้ครับ ประกอบไปด้วย ซาชิมิ โชยุ กับโชยุที่ไว้ทานกับเต้าหู้ เกลือป่น และพริกญี่ปุ่นครับ ที่นี่ "ไม่มีน้ำจิ้ม" นะครับ พนักงานบอกว่าเราสามารถจิ้มได้ตามใจชอบเลย อันนี้ก็แปลกใหม่กับผมอยู่เหมือนกัน แต่ว่านะครับ อาหารญี่ปุ่นแท้ หรือพวกสุกี้ชาบู ก็ไม่เคยเจอน้ำจิ้มสุกี้นะครับ ดังนั้น นี่คงเป็นแบบต้นตำหรับเลยครับ มีน้ำซุปหลายชนิดให้เลือกครับ ซึ่งวันนี้ผมเลือกซุปใส (ซึ่งก็ไม่ได้ใสเท่าไหร่) กับ หม่าล่า โดยรสชาติซุปใสจะออกไปในทางกลมกล่อมครับ มีความหอมและหวานเล็กๆ ซดคล่องคอดี ส่วนหม่าล่า บอกเลยว่า "เผ็ดโว้ยยย ชาโว้ยยย" คือมีความเผ็ดเข้มข้น แค่ดิมกลิ่นก็แทบสำลักแล้วครับ ความเป็นหม่าล่ามาเต็ม ซดเข้าไปทีหนึ่งที่ทั้งเผ็ดทั้งชาสมคำร่ำลือจริงๆ ครับ อันนี้อาจจะหลุดโทนญี่ปุ่นไปหน่อย แต่ผมว่ามันช่วยเสริมความอยากอาหารได้ดีครับ เล่มเมนู ที่มีความอลังการครับ ภายในก็จะมีเมนูต่างๆ บอกเอาไว้ครับ แต่ที่ผมแปลกใจคือ บุฟเฟ่ต์ที่ผมทาน พนักงานบอกว่าเป็นชาบูครับ แต่พอดูเมนูจริงๆ แล้ว เมนูนอกจากชาบูเยอะมากครับ เมนูส่วนชาบูจะมีแค่ "ไส้กรอก" (อันนี้อร่อยมาก) กับ "หมูสามชั้น" และ "เนื้อไก่" เท่านี้เองครับ นอกนั้นก็จะเป็นผักและเมนูอื่นๆ และซูชิ เรียกได้ว่าอินดี้สุดๆ เลยครับผม เครื่องดื่มรีฟิล จะเป็นชายอดข้าวครับ รสชาติกำลังดีครับ ไม่จืดเกินไป (เคยเจอกรณีที่มาแต่สีครับ รสชาติไม่มาเลย) แล้วก็กลิ่นของยอดข้าวตีขึ้นจมูกมาเลย ตัดเลี่ยนได้ดีครับ และต่อไปก็จะเป็นพาเหรดอาหารที่ผมกับพี่บอยสั่งมาแบบไม่ยั้งนะครับ...เตรียมใจไว้ดีๆ ล่ะ แซลม่อน ซูชิ ไม่ต้องมีคำบรรยายครับ แซลม่อนชิ้นกำลังดี ข้าวคำไม่ใหญ่มากครับ และรสชาติของข้าวก็พอดี ไม่กลบกลิ่นวัตถุดิบเลย โรลแซลม่อนกรอบ อันนมีความกรุบกรอบจากแป้งเทมปุระเข้ามาเสริมครับ ความหอมของสาหร่ายก็เข้ากันดี ชอบครับ แต่ตัดกำลังสุดๆ เลยละ แซลม่อนโรล กรุบกรอบจากชั้นในที่เป็นแตงกวาและผักอื่นๆ โปะมาด้วยแซลม่อน นี่ขนาดบอกว่าตัดกำลังนะครับ ยังจะสั่งมาอีก! โรลแซลม่อนชีส เหมือนอันก่อน เพิ่มเติมคือเบิร์นชีส...อร่อยแบบจุกๆ (จุกจริงๆ) ซูชิแบบคอมโบ้ แซลม่อนที่สั่งมาเพิ่ม ปลาหมึก(ที่ไม่เคยชินกับใบที่สอดมาด้านล่างเลยสักครั้ง) หน้าไข่หวาน ทาโกะ ปิดท้ายด้วยหน้าไข่กุ้ง เทมปุระกุ้ง โนคอมเม้นต์...สั่งเพิ่มมาเลยจ้า ไข่หวานหน้าไข่ปลา อันนี้ดีตรงที่ว่ารสชาติไม่หวานมากครับ กินได้ลื่นๆ เต็มโต๊ะไปหมดแล้วครับผม...บอกได้คำเดียวพอ พอเลิกถ่ายรูป...สงครามก็เกิดขึ้นมีที่ผมไม่ได้ถ่ายมาก็จะเป็น "ไข่ไก่" ครับ ซึ่งตัวนี้เป็นไข่ได่จากญี่ปุ่นเลย ที่สามารถทานสดได้ครับ ลวกเนื้อในน้ำชาบู แล้วชุบไข่ทานอร่อยมากครับ ยิ่งโดยกับคนไทยสายจัดจ้าน ลวกในน้ำหม่าล่าที่เผ็ดได้ที่ พอชุบไข่แล้วทานรสชาติกำลังดีเลยครับ ไม่ต้องมีน้ำจิ้มเลยจริงๆ แถมพนักงานที่นี่บริการดีมากทุกคนครับ ดีจนผมเขิน ทุกๆ ครั้งที่สั่งอาหาร 1 เมนู จะได้ยินเสียง "ขอบคุณค่ะ" อยู่ตลอดจนแทบไปไม่เป็นครับการเอาใจใส่ลูกค้าก็ดีมากๆ คอยเดินถามไถ่ เก็บจาน เติมน้ำอยู่ตลอดโดยไม่ต้องแสดงอาการร้องขอใดๆ ครับ เรื่องบริการอันเป็นหัวใจหลักของร้านอาหารผมให้ใจร้าน "ชาการิกิ432" นี้เต็มๆ เลยครับผมผ่านมื้ออาหารอย่างจริงจัง สั่งเพิ่มแล้วเพิ่มอีก จนถึงจุดท้ายๆ แล้ว เลยลองสั่งเมนูอื่นๆ มาทานเพิ่มอีก หมูผัดเกลือ กับหมูผัดซอส มีความเป็ฯผัดที่ใส่หอมกับถั่วงอกครับ กลิ่นถั่วงอกออกชัดกว่า เลยได้อารมณ์ผัดถั่วงอกครับ ตรงตัวเลย ผัดเกลือก็เค็มๆ ผัดซอสออกหวานๆ ครับ มีความหยินหยาง ไอศกรีม วานิลลา อันนี้เป็นปกติทั่วๆ ไปครับ มีความครีมมีนุ่มนวลพอสมควร โมจิถั่วแดง กับ ขนมงาทอดไส้ถั่วแดง ทั้งสองอย่างเป็นโมจิทอดเหมือนกันครับ ต่างกันตรงที่อย่างแรก โปะถั่วแดงมาเลย ส่วนอย่างที่สองนั้นยัดไส้ถั่วแดงแล้วคลุกงาทอด ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนขนมไข่หงส์หน่อยๆ เป็นการกินแบบจัดหนักจัดเต็ม สั่งเพิ่มแล้วเพิ่มอีก สิ่งที่ผมคิดว่าคือจุดเด่นของที่นี่น่าจะเป็น ความเข้มข้นของน้ำซุปที่ซึมเข้าเนื้อสัตว์ได้ดีครับ ทำให้ไม่ต้องมีน้ำจิ้มก็ทานอร่อยได้ แถมพอลวกน้ำซุปต่างกัน ความรู้สึกและรสชาติที่แฝงอยู่ก็แสดงออกมาไม่เหมือนกัน ทำให้การกินมันสนุกครับ ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เสริมเข้ามาก็เยอะมากๆ จนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวครับ ซึ่งภายในเวลาถึง 2 ชั่วโมงก็ทำให้ลุกแทบไม่ขึ้นครับ ขนาดไม่ได้เร่งทานอะไรมากมายแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันช่างแน่นเสียเหลือเกินเลยจริงๆ สรุปโดยรวมแล้วร้านนี้ผมประทับใจครับ รสชาติอาหารก็ดี ด้วยความที่เป็นอาหารญี่ปุ่น รสชาติเลยไม่ได้จัดมาก เน้นไปทางรสชาติปกติของวัตถุดิบเลย การบริการก็น่ารัก บรรยากาศในร้านก็สนุก มีอะไรให้มองอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ยิ่งเขินไปใหญ่ตอนที่จะเดินออกจากร้าน เพราะพนักงานทุกคน ย้ำว่า "ทุกคน" เอ่ยขอบคุณกันดังลั่นร้านเลยครับ พ่อครัว คนล้างจาน ใครก็ตาม โผล่หน้าออกมายิ้มทักทายขอบคุณเกรียวกราว เรียกได้ว่าอิ่ม คุ้ม การบริการก็ดีครับ...หัวใจของร้านอาหารทุกอย่างครบครัยครับ เป็นการปิดมื้อก่อนกลับเข้าเขา(ใหญ่) ของผมได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ แต่นี่เป็นแค่รีวิวร้านแรกที่เลือกมานะครับ...ยังมีอีกร้านที่แอบไปนั่งทานคนเดียว บอกเลยว่าอิ่มๆ จุกๆ ไม่แพ้กันเลยครับผม อย่าลืมติดตามน้องหีบคนดีคนเดิมไว้ด้วยนะครับ ความหลากหลายที่แสนสนุกสนาน และเรียกความหิวในบางครั้งมีมาให้ทุกๆ ท่านถึงจออย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ ^^ พบกันใหม่สถานีต่อไปครับผม