ข้าวมันไก่แปดสิบปีคือโกหย่ง ตั้งแต่ก๋งส่งต่อถึงลูกหลาน อยู่คู่เมืองหาดใหญ่มาเนิ่นนาน เป็นตำนานเล่าขานสามชั่วคน ทำไมจึงมาเป็นโกหย่ง จากคำบอกเล่าของคุณประภารัตน์ ฉายศิริพันธุ์ บุตรสาวเจ้าของสูตรข้าวมันไก่คนแรกของหาดใหญ่ เธอเล่าว่า เดิมทีคุณพ่อของเธอคือนายฮงตัด แซ่พู่ และภรรยาช่วยกันเปิดร้านข้าวมันไก่ในย่านถนนธรรมนูญวิถี กลางเมืองหาดใหญ่ ใช้ชื่อร้านว่า"มุ่ยกี่" สองสามีช่วยกันทำมาค้าขายอย่างขยันขันแข็ง. จนสามารถส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆหลายคนให้มีการศึกษาที่ดี โดยถ้าจะย้อนวันเวลาที่เริ่มเปิดร้านจนมาถึงทุกวันนี้ก็นับรวมได้แปดสิบปีเศษ และยังเป็นข้าวมันไก่เจ้าแรกที่เปิดขายในอำเภอนี้ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ใช้งานมาอย่างตรากตรำ ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่มาหลายสิบปี เนื่องด้วยการเปิดร้านขายข้าวมันไก่ในสมัยก่อนต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง นับตั้งแต่การขุนไก่จนเป็นไก่ตอน การเชือดไก่ การทำความสะอาดถอนขนจนเกลี้ยงเกลา รวมทั้งการหุงข้าวหม้อขนาดใหญ่ด้วยเตาถ่าน แล้วยังต้องมายืนขายอีกหลายชั่วโมง ประกอบกับที่ท่านทั้งสองเริ่มชราภาพลงไปทุกวัน ในปี2529 ท่านจึงคิดจะถ่ายทอดกิจการให้ลูกๆ. แต่ตอนนั้นลูกๆไม่มีใครพร้อมจะสานต่อกิจการของพ่อแม่สักคน. ดังนั้น. เมื่อมีเพื่อนชาวไหหลำด้วยกันมาขอเซ้งต่อกิจการไปทำ จึงยกให้ด้วยความเต็มใจและจับมือสอนทำทุกอย่าง รวมทั้งอนุญาตให้ใช้ชื่อ"มุ่ยกี่"ด้วย เมื่อลูกๆคิดจะเปิดร้านขึ้นอีกครั้ง จึงต้องหาชื่อร้านกันใหม่กันนานทีเดียว และมาลงตัวที่ชื่อ"โกหย่ง" ลูกชายคนที่ห้าที่สืบสานสูตรอาหารของพ่อต่อมา ร้านโกหย่งมีสองสาขา ร้านดั้งเดิมตั้งอยู่ในเมือง แถวๆโรงแรมบีพีหาดใหญ่ แต่พอผู้คนเริ่มมาอาศัยแถวๆสนามบินมากขึ้น หมู่บ้านจัดสรรทะยอยสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหลายแห่ง ประกอบกับผู้คนที่สัญจรไปมาสนามบินมีมาไม่ขาดสาย ผู้ใหญ่หลายคนในครอบครัวรวมทั้งคุณประภารัตน์เองมองเห็นว่า. ถ้าเปิดร้านละแวกนี้ คงจะเจริญเติบโตได้แน่ๆ จึงควักเงินก้อนหนึ่งมาซื้อตึกแถวริมถนนใหญ่ ห่างจากสนามบินราวห้ากิโลเมตร หน้าหมู่บ้านปาล์มสปริง3 แล้วฝึกหัดลูกหลานให้เริ่มค้าขายที่นี่อีกแห่งหนึ่ง เพื่อรองรับลูกค้านอกเมือง แทนที่ร้านดั้งเดิมในเมืองซึ่งเริ่มจะคับแคบไปแล้ว และนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะธุรกิจนับวันจะดีวันดีคืน ด้วยองค์ประกอบต่างๆที่ลงตัว คือมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีปริมาณมากพอ ทั้งจากคนในพื้นที่ และผู้คนที่แวะเวียนมาเยือนหาดใหญ่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนมาเลย์และสิงคโปร์นิยมชมชอบข้าวมันไก่เป็นที่สุด ประกอบกับร้านมีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง สถานที่สะดวกสบาย สะอาดสะอ้าน นั่งกินได้อย่างสบาย ราคาไม่แบอกกันไปปากต่อปาก แม้แต่คนขับรถแท๊กซีสายสนามบินก็ยังเป็นขาประจำของร้านนี้ ปัจจัยสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือความพิถีพิถันใส่ใจของคนรุ่นใหม่ที่พยายามเรียนรู้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆตลอดเวลา จนมีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ตั้งของร้านหาได้ง่ายมาก. แต่ถ้าท่านใดกลัวจะมาไม่ถูก สอบถามเส้นทางได้ที่โทร 084-7488099 มาร้านข้าวมันไก่โกหย่ง ก็ต้องกินข้าวมันไก่สิคะ ข้าวมันไก่ที่นี่คัดสรรวัตถุดิบทุกอย่าง นับตั้งแต่ข้าวที่นำมาหุง จะเลือกใช้ข้าวหอมมะลิพันดีจากเครือบุญรอดจากไร่เชียงราย ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิเก่า เกรดพรีเมียม หุงแล้วจะได้ข้าวที่สุกนุ่มอร่อยทุกเม็ดเท่าๆกัน วิธีการหุง ต้องใช้มันไก่แท้แท้สูตรคนไหหลำ ห้ามใช้น้ำมันพืชเด็ดขาด เพราะจะทำให้กลิ่นเพี้ยนไปเลย ไก่ก็เลือกใช้ไก่สามสายพันธุ์ ที่มีลักษณะเนื้อนุ่มกว่าไก่บ้าน แต่ไม่เปื่อยยุ่ยเหมือนไก่เนื้อ ไม่มันจนเกินไป แทนการใช้ไก่ตอนแบบรุ่นก๋งที่จะมีมันแทรกมากและคนสมัยนี้ไม่นิยมรับประทาน ไก่ที่คัดมาใช้ก็มีวิธีการเลี้ยงอย่างพิเศษ คือในระยะสองเดือนแรกจะให้ชาวสวนเลี้ยงปล่อยตามธรรมชาติ ให้คุ้ยเขี่ยอาหารกินในลานปล่อยตามสบาย ปล่อยให้วิ่งเล่นกันเหมือนเด็กเด็กอย่างเริงร่า. จนอายุครบสองเดือน จึงจะคัดไก่ส่วนหนึ่งมาเลี้ยงในกรงขัง(เริ่มกระบวนการทารุณสัตว์) ตอนนี้ต้องเร่งทำการขุนให้อ้วนพี โดยให้อาหารประเภทรำข้าว และธัญญพืชเสริม จนทำให้ได้ไก่ที่เนื้อฉ่ำนุ่ม และหนังไก่จะมีสีสวยและกรุบกรอบ ทางร้านจะต้องรอจนไก่อายุครบสี่เดือนเต็ม จึงจะนำมาประกอบอาหารได้ ไก่ที่ทำความสะอาดถอนขนแล้ว น้ำหนักควรจะอยู่ในช่วงระหว่างหนึ่งกิโลกรัมครึ่งถึงสองกิโลกรัม จึงจะเป็นไก่ที่เรียกว่า เนื้อกำลังได้ที่ และเป็นขนาดที่คนจีนนิยมนำไปใช้ไหว้บรรพบุรุษหรือเซ่นเจ้าในเทศกาลต่างๆ นอกจากเครื่องปรุงอันได้แก่ข้าวและไก่ที่เป็นหัวใจหลักของข้าวมันไก่แล้ว ร้านโกหย่งก็ยังเลือกส่วนประกอบอื่นๆอย่างพิถีพิถัน ขิงก็จะเลือกขิงที่ไม่แก่จัดจนเกินไป ทำให้ไม่เผ็ดฉุนจนกลบความหอมของข้าว ซ๊อิ๊วและเต้าเจี้ยวก็จะใช้แบบที่ไม่เค็มจัด เพื่อให้ได้รสชาติที่คงเส้นคงวา แตงกวาและพริกก็จะหั่นสดใหม่ทุกวัน จึงทำให้น้ำจิ้มข้าวมันไก่มีรสหอมคงที่ ตั้งแต่รุ่นแรกมาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มสั่งอาหารกันดีไหมคะ วันนี้มากันสองคน สั่งไก่สับขนาดกลางมาหนึ่งจาน และข้าวมาสามถ้วย ไก่สับขอเลือดนุ่มๆเพิ่มมาพร้อมเครื่องใน เพราะไม่มีกลิ่นคาวและเครื่องในก็ไม่เหนียว. ทางร้านให้น้ำซุบมาคนละหนึ่งถ้วยด้วย ข้าวมันไก่ร้านนี้รสชาติจะออกแนวดั้งเดิมของคนไหหลำคือ ข้าวนุ่มเค็มนิดๆไม่เลี่ยน และเม็ดข้าวยังเรียงตัวสวยไม่แฉะ พอตักไก่โปะลงไปบนข้าว ความกรุบกรอบของหนังผนวกกับความนุ่มของเนื้อจะเข้ากันได้ดี ใครที่ชอบกินส่วนสะโพกหรือน่อง ก็จะได้เนื้อไก่ที่เคี้ยวได้หนุบหนับ แต่หนุ่มสาวที่กลัวอ้วน หรือสว.ที่ไม่รับประทานส่วนหนังและเลี่ยงไขมัน จะสั่งเนื้ออกไก่ก็ได้ ที่นี่อกไก่นุ่มไม่แห้งและไม่จืดชืดเพราะเป็นไก่สามสายพันธุ์ ใครที่ชอบรสจัดจ้าน จะเติมพริกสดและขิงสับเพิ่มก็ไม่ผิดกติกา. พริกสดและขิงขอเพิ่มได้ค่ะ เคล็ดลับการสับไก่ก็จะเป็นส่วนเสริมให้ไก่จานนั้นดูน่ากินหรือไม่ ร้านนี้สับไก่ชิ้นใหญ๋พอดีคำ เคี้ยวได้เต็มปาก เลาะกระดูกออกเกลี้ยง. สมัยก้อนดินยังเป็นเด็กๆ. เพื่อนบ้านที่เป็นจีนไหหลำจะคุยอวดว่า. ไม่มีจีนเผ่าพันธุ์ใดหุงข้าวและต้มไก่ได้อร่อยเท่าคนไหหลำอีกแล้วและดังไปไกลหลายๆประเทศ สมัยนั้น เราก็รู้สึกว่าป้าแกจะขี้โม้ไปหน่อย แต่พอโตขึ้นมาและมีโอกาสได้ไปกินข้าวมันไก่ที่ไนท์มาร์เกตของสิงคโปร์ และปีที่แล้วก็ได้ไปกินอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ได้ไปกินในร้านที่อยู่ในลิสต์ของมิชลินไกด์และได้ Bib Gourmand ด้วย ก็ต้องยอมรับว่าแกพูดถูกที่ว่า เรื่องข้าวมันไก่ต้องยกให้คนไหหลำจริงจริงค่ะ วันนี้ที่ร้านโกหย่งเรากินข้าวคนละถ้วยครึ่ง ไก่สับขนาดกลางหนึ่งจาน กินกันสองคนกำลังพอดี ไม่แน่นท้องจนเกินไป ขอน้ำจิ้มและพริกกับขิงเพิ่มอีกถ้วยเล็กๆ ก็แซบแล้วค่ะ อิ่มเลยค่ะ อิ่มทั้งพุง อิ่มทั้งใจ หมดเงินไปแค่สองร้อยนิดนิดเท่านั้น ราคานี้รวมเครื่องดื่มสุดโปรด คือโอเลี้ยงที่เข้มข้นของอาโกไหหลำรวมด้วยแล้วนะคะ ถ้าคุณดื่มกาแฟไม่ได้ ทางร้านก็มีเครื่องดื่มอื่นๆบริการให้เลือกหลายอย่าง มาร้านนี้ถ้าไม่อยากผิดหวัง มีคำเตือนเพียงสองอย่างค่ะ คือร้านจะเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงบ่ายโมงครึ่งเท่านั้น มาช้ากว่านี้ ร้านปิดเรียบร้อยแล้ว อดรับประทานค่ะ. และห้ามมาวันที่ 16 ของเดือน. เพราะเป็นวันที่ร้านปิดทำการหนึ่งวันในแต่ละเดือน