นึกถึงหมูสามชั้นชิ้นโต ๆ ย่างไฟให้เกรียมนิด ๆ จิ้มกับโกชูจังแล้วห่อกับผักสด หิวเลยค่ะ ว่าแล้ววันนี้เราพาไปเยี่ยมชมร้านปิ้งย่างบุฟเฟต์เกาหลีราคาย่อมเยาว์กันดีกว่า ร้านนี้หาเจอในอินเตอร์เน็ตพบว่าอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของผู้เขียนสักเท่าไหร่ แบบนี้ต้องไปลองชิมสักหน่อยค่ะ สนราคาหัวละ 299 บาทเท่านั้นอยากเห็นแล้วค่ะว่าจะเป็นอย่างไร ได้ยินว่าเจ้าของเป็นคนเกาหลีแท้ ๆ ที่อยู่ในเมืองไทยนะคะ แบบนี้เรื่องรสชาติความเป็นเกาหลีหายห่วงเลย มาถึงหน้าร้านเป็นซอกตึกแถวเล็ก ๆ ค่ะ แต่มีที่จอดรถทั้งหน้าร้านและด้านใน พอขึ้นไปถึงชั้น 2 ที่เป็นที่ตั้งแท้จริงถือว่ากว้างนะคะ ประมาณตึกแถว 3-4 ห้องได้เลย จำนวนพนักงานก็มากมายทั้งชายหญิง พอเราเข้าไปถึงก็ออกมาต้อนรับกันเป็นอย่างดี ว่าแล้วไปดูกันดีกว่าค่ะว่าเค้ามีอะไรกันบ้าง โซนแรก - เป็นโซนหมูและไก่ มีทั้งสามชั้น, สามชั้นหมักซอส, สันคอหมักซีอิ๊ว, สันคอหมักซอส, ไก่หมักซอส ฯลฯ รวมแล้วน่าจะเกือบสิบอย่าง ทีเด็ดของมุมนี้คือ "หนังหมูหมักซอสหวาน" (ไฮไลท์ตัวเข้ม) เหมือนที่เกาหลีเลย บอกแล้วไม่ผิดหวังหนังหมูหมักซอสหวานย่างเกรียม ๆ รสชาติหวานอร่อยมาก ถือเป็นทีเด็ดสำหรับเรา นอกจากนี้สามชั้นและไก่ก็เด็ดไม่แพ้กัน เพราะมีการหมักที่หลากลาย ในมุมนี้จะมีอยู่เมนูเดียวเท่านั้นที่จะต้องพิเศษหน่อยนั่น คือ สามชั้นแบบธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะต้องบอกพนักงานว่าจะทานสามชั้นแล้วพนักงานจะเป็นคนย่างมาให้ ไม่รู้ทำไม แต่ทำให้เราก็ชอบอยู่ดีนะ สบายดี โซนที่ 2 - จะเป็นมุมผักมีผักให้เลือกมากมายทั้งหัวหอม ผักกาดขาว ผักกาดหอม กิมจิชนิดต่าง ๆ สารพัดเห็ด ฟักทอง ฯลฯ พิเศษสุดสำหรับเราตรงที่กิมจิผักกาดขาวของที่นี่มีทั้งแบบกิมจิสดรสชาติจะออกหวาน กับกิมจิหมักรสชาติออกเปรี้ยว ตอนแรกไม่รู้ตักกิมจิมากินก็ว่าอร่อยดีถูกปากมาก มารู้ทีหลังว่าที่เราตักเป็นกิมจิสด เพิ่งเคยกินครั้งแรก รสชาติจะออกหวานหน่อยผักกรอบมาก หลงรักไปเลย โซนที่ 3 - มุมนี้เราว่าไม่เหมือนที่อื่น เพราะมีเครื่องสำหรับทำข้าวยำเกาหลี (บิบิมบับ) ได้เองเลย มีทั้งข้าว ไข่ดาว ท็อปปิ้งสารพัด และซอสสำหรับราดข้าว ซึ่งนอกจากข้าวยำแล้วยังเป็นแหล่งสารพัดน้ำจิ้มให้เลือก อันนี้ถูกใจมากเพราะเติมไม่อั้น ไม่ต้องขอ ไม่ต้องรอ ไม่ว่าจะเป็นโกชูจัง น้ำจิ้มแบบวอสญี่ปุ่น น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว กระเทียม พริกชีฟ้า โซนที่ 4 - เราเรียกว่าโซนเมนูเคียงก็แล้วกัน ไล่ไปตั้งแต่คิมบับ, จับแช, ข้าวผัดกิมจิ, ไก่ทอด ,ตอกโบกี, พิซซ่าเกาหลี , ซุปอีก 2 หม้อ กินไหวไม๊เนี่ย โซนที่ 5 - สุดท้ายแล้วโซนนี้เป็นโซนน้ำดื่มนะ ไม่อั้น ทั้งหมดนี้ราคาอยู่ที่ 299 บาทเน็ต ไม่มีบวกเพิ่มยกเว้นไอติมต้องเดินไปหยิบกินเองที่ตู้แล้วจ่ายต่างหาก แถมทาน 1 คนเก็บสแตมป์ได้ 1 ดวง ครบ 10 ดวง ทานฟรีอีก คุ้มมากจ้าแม่ สรุปโดยรวม : ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เพราะเนื้อสัตว์มีให้เลือกหลายแบบมากทั้งหมักและไม่หมัก แต่ละแบบหมักเข้าเนื้อและชิ้นใหญ่ อร่อย นุ่มกำลังดี เช่นตัวที่หมักซอสรสชาติจะออกหวาน ตัวหมักซีอิ๊วจะออกเค็มนิด ๆ ตัวที่ไม่หมักจะเด่นเรื่องความเกรียมพอเอาไปย่างจะเกรียมๆ จิ้มกับน้ำจิ้มแล้วเข้ากันอย่าบอกใครเลยค่ะ เครื่องเคียงทุกอันอร่อยหมด โดยเฉพาะกิมจิมะละกอ และกิมจิผักกาดแบบหวาน ถูกใจเรามาก เพราะอย่างที่บอกจุดเด่นของเค้าคือความสดและผักกรอบอร่อย ส่วนน้ำจิ้มมีถึงห้าแบบ ลองไปเลยจ้าเด็ดทุกอัน เราชอบแบบเต้าเจี๊ยวสุดเพราะเค็มนิดนึง ส่วนไก่ทอดคาราเกะก็ถูกใจกรอบนุ่มกำลังดี มีหักคะแนนตรงซุปกิมจิ วันที่เราไป เครื่องในซุปมันเละไปหน่อยเหมือนต้มไว้นาน แต่โดยรวมสำหรับเราผ่านหมด ร้าน Maru Korean Restaurant พระราม 3 เปิดทุกวัน 10:00-22:00 น. โทร. 093 639 5882 ภาพถ่าย : ใบไม้ไหว