ตอนเรายังเด็กน้อย เราจำได้ว่าเราได้ตามพวกผู้ใหญ่ไปเยี่ยมคุณยาย หรือ เราเรียกท่านว่า “อาม่า” นะเอง เวลาเราไปเยี่ยมอาม่าทีไรนะ ภาพที่เราจำได้ คือ เราจะเห็นตัวบ้านสีเขียวอ่อนอยู่ทางซ้ายมือ และสนามหญ้าสีเขียวเช่นกันอยู่ทางขวามือ ภาพหลังจากนั้น คือ เราจะเห็นพวกผู้ใหญ่ทักทายกัน ตามด้วยการยืนคุยกันก่อน และตามด้วยการนั่งลงคุยกันอย่างสนุกสนาน เฮฮา ตามประสาคนวัยเดียวกัน แต่ด้วยความที่เราเด็กน้อย เราก็ได้แต่มองซ้ายที ขวาที ตรงหน้าอีกที หลังอีกที ครบ 4 ทิศหลักพอดี 555 เรานั่งฟังเรื่องที่พวกผู้ใหญ่คุยกัน แบบเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เราก็เลยขอออกไปเดินเล่น วิ่งเล่น ที่สนามหญ้าสีเขียวน้อย ๆ ที่เราเห็นตอนแรก พวกท่านก็อนุญาต แต่มีเสียงไล่ตามหลังมาอย่างติด ๆ ว่า “อย่าไปไกลนักนะ” เราก็พยักหน้ารับ ถือเป็นการรู้กัน แล้วเราก็ได้ออกไปเดินเล่นบ้าง วิ่งเล่นบ้าง ตามประสาเด็กน้อย ที่สนามน้อย ๆ ซึ่งล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ซึ่งในธรรมชาติที่เราว่านั้น ก็จะมีต้นกล้วยบ้าง ต้นมะม่วงบ้าง มีดอกไม้บ้าง และมีต้นไม้ใหญ่อื่น ๆ ด้วย ปะปนกัน หลาย ๆ ครั้งที่เราไปเยี่ยมอาม่า ขากลับอาม่าก็จะให้กล้วยตากให้หิ้วติดไม้ติดมือกลับมาเกือบทุกครั้ง ซึ่งเราก็เคยเห็น อาม่าตากกล้วยบ้างเป็นบางครั้ง และเห็นกล้วยเป็นสีน้ำตาลแบน ๆ และนั่นคือ ภาพที่เราจำได้ติดตา และเราก็ไม่เคยถามอะไรอาม่า เกี่ยวกับเรื่องกล้วยนี้เลย ได้แต่หม่ำอย่างเดียวเลย 555 เรื่องของกล้วย นี่มันช่างไม่กล้วย เลยนะตอนนี้ ย้ำว่าตอนนี้ ซึ่งมันทำให้เราต้องมา ยืน นั่ง มอง จ้องเลยนะจ้อง เหตุเพราะเราได้กล้วยมาหลายหวีเลยหละ เรามองไปที่กล้วย ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังคงเขียวปี๋อยู่เลย และคิดต่อไปว่า มาซะเยอะขนาดนี้ อีกไม่นานก็จะเหลืองสุกแล้ว สุกอะไม่ว่า แต่ที่จะว่าคือ สุกพร้อม ๆ กันเนี่ยสิ เราควรทำอย่างไรกับกล้วยเหล่านี้ดีนะ ทำไงดีหละเนี่ย คิดนะ คิดไป คิดมา คิดไปเรื่อย ๆ คิดถึงวิธีถนอมอาหาร ก็ถนอมกล้วยเนี่ยแหละ เพื่อจะเก็บให้นานเท่าที่จะนานได้ แต่ยังมีคุณค่าอาหารของกล้วยอยู่ และเราก็จะได้หม่ำกล้วยแบบได้เรื่อย ๆ ที่ไม่ใช่แค่ได้หม่ำแค่ไม่กี่วันนี้ คิดไป คิดมา ก็มีหลายวิธีอยู่นะ แต่เราอยากได้แบบได้ประโยชน์จากกล้วย โดยไม่ผ่านการทอด อบ หรือ อื่น ๆ และไม่อยากให้ยุ่งยาก เพราะเผื่อใครอยากทำ ก็สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องไปหาเครื่องมือ อุปกรณ์ อะไรให้ดูยุ่งยาก เดี๋ยวจะไม่ได้ทำกันพอดี เมื่อคิดดังนี้ ก็จะรออะไรหละคร๊าบ ลงมือปฏิบัติกันเลยเถอะ ลุย ลุย เรานำกล้วยถวายพระก่อนเลยนะ กล้วยสด สะอาด ไร้สารพิษ ไร้สารเคมี นำมาถวาย แล้วเราก็ร่ายบทสวดไป ด้วยความตั้งอก ตั้งใจ หลังจากนั้น เราก็เริ่มปฏิบัติการอันใหญ่หลวง 555 ครั้งแรกก็งี้แหละ วันที่ 1 : เราก็นำกล้วยอันเป็นสิริมงคลยิ่ง ซึ่งเป็นกล้วยหน้าตาดี สีเหลือง อวบอิ่ม น่ามองเชียวนะ มาแก้ผ้า เอ้ย! เอ้ย! นำมาปอกเปลือกนะเอง อย่าคิดไปไกลนะ 555 เราหาที่นั่งเหมาะ ๆ สบาย ๆ เพื่อที่จะปอกเปลือกกล้วย อะ!อะ! เราได้ที่เหมาะสำหรับการปอกกล้วยแล้วหละ เราก็นั่งท่าสบาย ๆ เพื่อที่จะปอกเปลือกกล้วยหลาย ๆ หวี กันแบบยาวไป ยาวไป ปอกไปก็คิดไป บ่นพึมพัมไปเรื่อยว่า... “น้องกล้วยจะเหลืองสุกพร้อมกันไปทำไมฮะ ไม่ต้องสามัคคีสุกพร้อมกันก็ได้นะ เราไม่ว่าอะไรหรอก หม่ำไม่ทัน เข้าใจมั้ย” พอเราบ่นยาวจบไปยกหนึ่ง แล้วเราก็นิ่งไปสักแป๊ปนึง แต่มือก็ยังคงปอกเปลือกกล้วยอย่างคล่องแคล่วเชียว กะว่าจะไปออกรายการแข่งปอกเปลือกกล้วย 555 มีรายการไหนมั้ย ติดต่อมาเลย 555 ปอกไปทีละลูก เราก็เอาแต่ละลูกที่เราปอก นำไปวางในภาชนะที่เราเตรียมไว้ ซึ่งเราได้เตรียมภาชนะที่เรามีอยู่แล้วมาใช้ เช่น กล่อง จาน เราเลือกเอาแบบที่มีอยู่แล้ว หยิบใช้ได้ทันที สะดวกดี ปอกแล้ววาง ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนหมด เราก็นำทั้งหมดไปตากแดดเลย อย่างจัด แดดอะ อย่างจัด แดดจัดมาก คือ ดีนะ อีกสิ่งที่ต้องระวัง คือ ความสะอาดนะ สำคัญมาก คือ แดดจัดก็ดี แต่เราหาผ้าบาง ๆ มาคลุมเพื่อป้องกันแมลงด้วยนะ วันที่ 2 : ตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด เราว่ายิ่งแดดจัดยิ่งดีนะ วันที่ 3 : นำกล้วยที่ตากไว้ พลิกกลับฝั่งบนลงล่าง ด้านล่างพลิกขึ้นบนด้วยนะ จะได้โดนแดดทั่ว ๆ กัน แล้วก็ ตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด วันที่ 4 : มาถึงวันนี้แล้ว กล้วยเปลี่ยนสีแล้วหละ ออกสีน้ำตาล ๆ แล้ว แต่ก็ยังคงตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด วนไป ดูด้วยว่ามีแมลงเจาะเข้าไปในกล้วยมั้ย ความสะอาดต้องมานะ เราใช้ผ้าบาง ๆ คลุม แต่ยังคงมีแมลงเข้าไปได้ เจาะเข้าไปในกล้วย เราเลยคัดออก ที่เหลือก็ตากแดดต่อไป วันที่ 5 : นำกล้วยแต่ละลูกมาบีบ หรือ ทับ ให้แบน ๆ แล้วนำไปตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด วนไป วันที่ 6 : ต้มน้ำเปล่า ใส่เกลือพอประมาณ กะปริมาณของเกลือได้เลยนะโดยดูจากจำนวนกล้วยของเราเป็นหลักเลยนะ แล้ววางน้ำเกลือที่ต้มแล้ว วางไว้ให้อุณหภูมิลดลงเป็นอุณหภูมิปกติของห้อง แล้วค่อย ๆ หยิบกล้วยมาล้างน้ำเกลือ แล้ววางลงในภาชนะ แล้วก็นำไปตาก แบบตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดดจัด ๆ วนไป 555 วันที่ 7 : ตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป วนไป 555 ดูด้วยนะว่ามีแมลงเจาะเข้าไปในกล้วยมั้ย ความสะอาดต้องมานะ ดูแล้วดูอีก วนไปเช่นกัน วันที่ 8 : นำกล้วยที่ตากไว้ พลิกกลับฝั่งบนลงล่าง ด้านล่างพลิกขึ้นด้านบน แล้วก็ ตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด วนไป วนไป ใกล้แล้วหละ วันที่ 9 : ตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด เย่ เย่ ถึงเวลาแล้วหละ กะว่าช่วงเย็น ๆ พอแดดหมด เราก็จะเก็บใส่กล่องได้แล้วหละ เราตั้งใจไว้ว่าเราจะเก็บใส่กล่องเล็ก ๆ หลาย ๆ กล่อง ว่าแล้วเราก็เดินไปหากล่อง ถึงเวลาซะทีนะ ถึงเวลาเก็บได้แล้ว เราก็รื้อ ๆ หา ๆ กล่อง เอาจากในบ้านนี่แหละ ถึงเวลาของเจ้าแล้ว เจ้ากล้วยตาก มาให้เราจับใส่กล่องซะดี ๆ ว่าแล้วก็ค่อย ๆ นำกล้วยตากที่ตากแล้ว ตากอีก ตากมันเข้าไป ตากให้โดนแดด จัดใส่กล่อง หน้าตาดีมั้ย อิอิ เพื่อเก็บไว้หม่ำ กล้วยตากครั้งแรกของเรา แจ่มอยู่นะ รสชาติดีด้วย ภูมิใจนะเรา 555 กล้วยตาก 9 วันของเรา มาแล้ว คนเราต้องมีครั้งแรก หรือ ก้าวแรกเสมอ พลาดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดานะ ซึ่งการถนอมอาหารครั้งนี้ ก็เป็นครั้งแรกของ เรา กะ กล้วย การถนอมอาหารไว้หม่ำกันยาวไป ยาวไป ของเรา เราใช้เวลาตากกล้วย 9 วัน ซึ่งใคร ๆ ก็ทำได้สบายมาก อาจจะใช้จำนวนวันน้อยกว่า หรือ มากกว่าเราก็ได้ 9 วันผ่านไปของเรา จะว่าไปก็ไวอยู่นะ ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง วันที่ 9 ในช่วงเวลานี้ เราก็จะส่องกล้วยทุกวัน แบบมีนัดกันทุกวัน 555 สำหรับเรา ถ้าจะให้กล่าวถึง เรื่องเวลาที่ใช้ในการตากกล้วย เราใช้หลักง่าย ๆ เลยนะ เราดูจากกล้วยที่เราตากเป็นหลักเลยนะ และใช้ความพอใจของตัวเราเป็นเกณฑ์ นอกจากดู ก็หม่ำชิมได้เลย เราพอใจ เราชอบ ก็จบเลย ซึ่งพอดีตรงกับ 9 วัน เลขสวย เลขดี ก้าวหน้า กล้วยสิริมงคลหลังจากการนำไปถวายพระด้วย รู้สึกดี เหมือนมีของขลังเลย "กล้วยตาก มาแล้วฮับ กล้วยตาก ถนอมอาหารไว้หม่ำกัน ยาวไป ยาวไป" หลังจากเก็บใส่กล่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ค่อย ๆ นำออกมาหม่ำ วันละ 1-2 ชิ้น หรือ นำไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ในอาหารอื่นก็อร่อยนะ เช่น สลัด เราก็จะได้หม่ำไปเรื่อย ๆ อร่อยดี ประโยชน์ก็มี สุขภาพดี แข็งแรงกันไป