หลังจากที่ผู้เขียนได้ทำการเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องการไปเก็บผักกูดแดงหรือลำเท็งไปแล้ว คราวนี้ผู้เขียนจะมาเขียนถึงการนำผักกูดแดงมาทำอาหารกันครับ ซึ่งที่บ้านผู้เขียนจะนิยมนำมาแกงกับปลาช่อนตากแห้ง และนำมาลวกในน้ำเกลือกินกับน้ำพริกปลาร้า แต่สำหรับบทความในครั้งนี้จะเป็นการมาเล่าถึงวิธีเอาผักกูดแดงมาแกงครับ พร้อมแล้วไปดูกันเลยว่ามีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง ส่วนผสม ผักกูดแดง ปลาแห้ง (ใช้เป็นเนื้อหมูหรือไก่แทนก็ได้ครับ) ใบย่านาง 10 ใบ ข้าวเบือ (ข้าวสารแช่น้ำไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ข้าวที่ใช้เป็นข้าวเหนียวนะครับ) น้ำปลาร้าปรุงรส พริก ใบแมงลัก ผงชูรสและเกลือ ข่า (อันนี้แล้วแต่คนชอบครับ หากอยากได้กลิ่นข่าก็สามารถใส่ลงไปได้) วิธีทำ ขั้นตอนแรกนำผักกูดแดงไปล้างให้สะอาดเลยครับ และจัดการเด็ดเอาส่วนที่แข็งทิ้งไป แล้วเด็ดให้เป็นท่อน ๆ พอดีคำ เวลากินจะได้ไม่ลำบาก เพราะยอดผักกูดแดงจะค่อนข้างยาว เสร็จแล้วพักเอาไว้เตรียมมาทำน้ำใบย่านางกันต่อเลย ใบย่านางที่บ้านของผู้เขียนมีอยู่เยอะมาก เรียกได้ว่าเดินไปหาแปบเดียวก็เจอ เก็บเอามาซักสิบใบครับ นำมาล้างให้สะอาด แต่เราจะไม่ได้เอามาปั่นหรือคั้นนะ ที่บ้านของผู้เขียนใช้วิธีการตำแทน โดยนำใบย่านางใส่ลงในครกพร้อมกับข้าวเบือและพริก จากนั้นก็ตำให้ใบย่านางและข้าวเบือแหลกละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทน้ำเปล่าลงไปในครกใช้ทัพพีคน ๆ เทลงไปในหม้อยกขึ้นตั้งไฟเลยครับ พอน้ำย่านางเริ่มเดือด เราจะใส่หมูลงไปครับ ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถใช้ปลาแห้ง เนื้อไก่ หรือโครงไก่แทนก็ได้ครับ จากนั้นนำผักกูดแดงทั้งหมดใส่ลงไปและปิดฝาหม้อรอให้ผักกูดแดงสุก สังเกตง่าย ๆ เลยคือผักกูดแดงเวลาโดนความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม แต่พอสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวปนเหลือง ทีนี้เราก็มาปรุงรสด้วยปลาร้า ซึ่งน้ำปลาร้าคือเครื่องปรุงหลักของเมนูนี้เลยครับ ตามด้วยเกลือนิดหน่อย และผงชูรส ปรุงรสชาติให้ออกไปทางเค็มหน่อยนึงนะครับ เพราะอาหารอิสานจะไม่ค่อยมีรสชาติหวาน พอเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ใส่ใบแมงลักลงไปแล้วยกลงได้เลย (เมนูนี้ผู้เขียนจะไม่ใส่ข่า) เสร็จแล้วครับผม!! ผักกูดแดงหรือลำเท็งนั้นเป็นผักที่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักกันซักเท่าไหร่นัก หรือบางทีอาจจะรู้จักแต่ว่าก็ไม่เคยกินกัน สำหรับรสชาติของผักกูดแดงนั้นรสชาติจะออกไปทางหวานนิด ๆ และกรอบ เวลาแกงหรือลวกกินกับน้ำพริกกับข้าวเหนียวร้อน ๆ จะอร่อยมาก ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีโอกาสได้เห็นหรือได้กินก็อย่าลืมลองชิมกันดูนะครับ รูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดเป็นของผู้เขียน