สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้ SEEMORETHEWORLD จะชวนเพื่อน ๆ มาเข้าครัวทำเมนูอาหารจานเดียวที่มีเครื่องเคียงแน่น ๆ อร่อยเน้นเต็มปากเต็มคำ รสชาติครบทั้งเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน พอจะนึกออกกันไหมค่ะว่าที่เกริ่นมาคือเมนูอะไร ใช่ค่ะเมนูที่เราจะทำกันในวันนี้ก็คือ ข้าวคลุกกะปิ ส่วนจะมีวัตถุดิบและขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น เรามาเริ่มพร้อม ๆ กันเลยค่า.. . ส่วนประกอบของเราในวันนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ข้าวผัดกะปิ และ เครื่องเคียง ในส่วนของข้าวผัดนั้น ประกอบด้วยข้าวและกะปิ ส่วนเครื่องเคียง จะประกอบด้วยหมูสามชั้น สำหรับทำหมูหวาน ไข่ไก่ สำหรับทำไข่ฝอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย ถั่วฝักยาวซอย มะม่วงดิบซอย ในวันนี้เราขาดกุ้งแห้งและเเตงกวาไป หรือถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากทานคู่กับเครื่องเคียงอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ก็สามารถเพิ่มได้เลยตามใจชอบ หนึ่งในเครื่องเคียงที่สำคัญในการทานคู่กับข้าวคลุกกะปิ นั่นก็คือ หอมแดง เพื่อน ๆ ทราบกันหรือไม่ค่ะว่า หอมแดง นั้นสามารถช่วยลดการเกิดการอักเสบภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะมีสารสำคัญที่ชื่อว่า เคอร์ซิทิน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและช่วยต้านการอักเสบ นอกจากนี้หอมแดงยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดไขมันเลวและลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งเป็นต้นเหตุที่สำคัญของการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หมูหวาน นับว่าเครื่องเคียงสำคัญที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่างในการทานข้าวคลุกกะปิ ขั้นตอนในการทำหมูหวานก็ง่ายมาก ๆ โดยเริ่มจากการนำหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้น หนาประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นเปิดเตาใส่น้ำมันลงไปในกระทะเล็กน้อย นำกระเทียมที่ทุบหยาบ ๆ มาผัดในน้ำมันจนหอมแล้วเติมหมูสามชั้นที่เราหั่นไว้ลงไป ผัดจนเนื้อหมูเริ่มตึงๆ เติมน้ำเปล่าลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ น้ำมันหอย เกลือเล็กน้อย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำตาล วันนี้เราเลือกใช้น้ำตาลมะพร้าว เพราะชอบรสชาติความหวานละมุนของน้ำตาลมะพร้าวมากกว่าความหวานแหลมของน้ำตาลทราย แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีน้ำตาลมะพร้าวก็ใช้น้ำตาลทรายแทนได้ เคี่ยวหมูกับน้ำปรุงรสไปเรื่อย ๆ จนน้ำเริ่มงวด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ระยะเวลาในการเคี่ยวหมูหวานขึ้นอยู่กับปริมาณของหมูด้วย ถ้าหมูมีปริมาณมากอาจจะต้องเพิ่มระยะเวลาอีกเล็กน้อย แต่ยิ่งเคี่ยวนาน หมูก็จะยิ่งนุ่มและเครื่องปรุงสามารถซึมเข้าเนื้อได้มากยิ่งขึ้น เสร็จแล้วพักไว้ ต่อไปเรามาทอด กุนเชียง กัน .. .การทอดกุนเชียงให้ออกมาสีสวยและไม่ไหม้ วันนี้เราเลือกใช้วิธีการทอดโดยการใช้น้ำ เริ่มต้นจากตั้งกระทะ พอร้อนใส่กุนเชียงลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วม จากนั้นต้มกุนเชียงให้น้ำไปเรื่อย ๆ จนน้ำเริ่มงวดและแห้ง สังเกตจากน้ำจะเริ่มเเห้งและมีความมันจากตัวกุนเชียงออกมาแทน พลิกไปพลิกมาสักพัก ให้ดูสีของกุนเชียง ถ้าเริ่มมีสีเหลืองออกน้ำตาลแล้ว แสดงว่าใช้ได้แล้ว จากนั้นมาทำ ไข่ฝอย วิธีการก็ง่ายมาก ๆ เหมือนกับการทำไข่เจียวเลย ... คือ นำไข่ไก่ประมาณ 2 ฟอง มาตีให้เข้ากัน จากนั้นเทไข่ที่ตีเข้ากันแล้วลงไปในกระทะที่กำลังร้อน รอให้สุกจากนั้นพลิกกลับอีกด้านให้สุกจนทั่ว ถ้าชอบไข่แบบบาง ๆ ให้ค่อย ๆ เทไข่ใส่ในกระทะ แล้วกลิ้งไข่ให้เต็มกระทะ ปรับความหนาได้ตามต้องการ เมื่อไข่สุกดีแล้ว พักไว้ให้เย็นสักครู่ จากนั้นนำมาซอยเป็นเส้นเล็ก ๆ ขนาดความกว้าง แล้วแต่ชอบ ต่อไปเรามาทำข้าวผัดกะปิกัน.. .กระทะเริ่มร้อนให้นำกะปิลงไปผัดในน้ำมันจนหอม โดยใช้ไฟอ่อน ๆ เพราะถ้าไฟเเรงเกินไป อาจทำให้กะปิไหม้ได้ หลังจากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากันกับกะปิจนเป็นเนื้อครีม ใส่ข้าวลงไปในกระทะ ผัดโดยใช้ไฟกลาง คลุกเคล้าข้าวกับกะปิให้เข้ากัน สังเกตดูว่าถ้าสีของเม็ดข้าวเป็นสีเดียวกันทั้งหมดแล้ว เป็นอันเสร็จ ขั้นตอนสุดท้าย.. .นำเครื่องเคียงต่าง ๆ ที่เราเตรียมไว้มาจัดวางเรียงเคียงข้างกับข้าวผัดกะปิ แนมด้วยผักชีเล็กน้อย รับรองว่าผักชีจะช่วยให้ข้าวคลุกกะปิจานนี้มีสีสันและรสชาติดีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จัดจานเสร็จพร้อมทาน ลุย !!! เเต่เคล็ดลับของการทานข้าวคลุกกะปิให้อร่อย คือ การคลุกทุกอย่างรวมกันก่อนทาน 555 จัดจานซะสวย แต่เพื่อความอร่อยก็ต้องยอมคลุก คลุกให้เข้ากัน รสเค็มอ่อน ๆ และหอมกลิ่นกะปิของข้าว เข้ากันดีกับหมูหวานรสหวานนำเค็มตาม ตัดเลี่ยนด้วยมะม่วงดิบรสเปรี้ยว เผ็ดหน่อย ๆ ด้วยหอมแดงและพริกขี้หนู อื้อฮื้อออ ฟินนนน ครบรส ข้าวคลุกกะปิ เป็นเมนูที่สามารถทานได้ ทุกเพศ ทุกวัย แถมยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เพื่อน ๆ ลองทำเมนูนี้กันดูนะคะ สำหรับครั้งหน้า SEEMORETHEWORLD จะมาชวนเพื่อน ๆ ทำเมนูอะไร หรือ ไปเที่ยวที่ไหนนั้น อย่าลืมติดตามพวกเราด้วยน๊า . .. เพราะข้างนอกยังมีอะไรอีกมากมาย - SEEMORETHEWORLD #เพราะข้างนอกยังมีอะไรอีกมากมาย #SEEMORETHEWORLD