โดยทั่วไปแล้วปลานิลหากซื้อเป็นตัวตามท้องตลาดราคาจะอยู่ประมาณ 70 – 80 บาทต่อกิโลกรัม คนส่วนใหญ่จะนิยมซื้อเป็นปลาสดที่ยังไม่ตายหรือหากตายแล้วก็ต้องพึ่งตายเท่านั้น ไม่เช่นนั้นปลาจะไม่สดและทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้เวลาที่จะนำไปประกอบอาหาร การที่จะถนอมเนื้อปลาได้ดีที่สุดคือการนำมาทำเป็นเนื้อปลาแดดเดียวซึ่งจริง ๆ แล้วเราคิดว่าจะทำไว้แค่พอกินในครอบครัวเท่านั้น แต่พอดีเราได้ปลานิลมาจากบ่อปลาพี่ชายหลายกิโลกรัมซึ่งแต่ละตัวก็ตกประมาณ 1 กิโลกรัม บ้านเราไม่ค่อยนิยมกินปลาตัวใหญ่แต่ก็เอามาแล้วเลยจัดการแปรรูปปลาเลยเพื่อง่ายต่อการทำกิน แต่พอทำปลาแล้วแล่เอาแต่เนื้อแล้วก็ยังได้เยอะอยู่ดี เลยคิดว่าจะลองทำขายดูก่อนว่าจะมีคนสนใจไหม วันนี้เลยอยากนำสูตรมาแบ่งปันไว้เผื่อใครอยากหารายได้เสริม หรือคิดกำลังอยากจะทำพวกเนื้อปลาแดดเดียว จะได้มีสูตรนำไปทำเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ตัวเองในช่วงนี้คะ เตรียมปลาด้วยการทำความสะอาดให้เรียบร้อย ตัดหัว ตัดคีบ ขอดเกล็ด ผ่าเอาส่วนต่าง ๆ ในท้องปลาออก ล้างทำความสะอาดและพักไว้รอทำปลาทั้งหมดให้เรียบร้อย (เราใช้ปลานิลขนาด 1 กิโลกรัมต่อตัว จำนวน 5 ตัว) เมื่อทำความสะอาดปลาเรียบร้อยแล้วให้แล่เอาแต่เนื้อปลาออกมา (ส่วนหัวและก้างปลาสามารถขายได้แต่เราไม่รู้ว่าขายที่ไหนและเราไม่ได้ทำเยอะเราเลยทิ้ง) นำเนื้อปลาที่แล่เรียบร้อยแล้วมาล้างด้วยน้ำผสมเกลือและน้ำส้มสายชูเพื่อลดความคาวของปลาให้น้อยลง จากนั้นล้างน้ำสะอาดตามอีก 2 – 3 ครั้ง เมื่อได้เนื้อปลาแล้วให้นำมาหั่นแนวยาวให้ได้เป็นเส้นสวยงาม ขนาดปลาที่เราทำสามารถหั่นได้ 8 – 9 เส้นต่อเนื้อปลา 1 ชิ้น ดังนั้นปลา 1 ตัวจะหั่นได้ประมาณ 16 18 ชิ้น เมื่อหั่นปลาเป็นเส้นเรียบร้อยแล้วให้ปรุงรสด้วย เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ หากกลัวว่ารสจะอ่อนไปให้เพิ่มเติมได้ตามความชอบ แต่เราทำรสชาติกลาง ๆ ไว้จะได้รสชาติออกเค็มนิด ๆ แต่ยังมีความกลมกล่อมของน้ำตาลเข้ามาช่วยด้วย เมื่อหมักปลาเสร็จเรียบร้อยสามารถนำไปตากแดดได้เลย แต่หากทำไม่ทันแดดให้หมักและใส่ตู้เย็นไว้ก่อนพอเช้าแล้วให้นำปลามาตาก รอบแรกตากแดด 2 ชั่วโมงจากนั้นให้พลิกกลับด้านปลาอีกด้านเพื่อให้ถึงแดดทั้ง 2 ด้าน อีก 2 ชั่วโมง เมื่อตากแดดครบเวลาแล้วเนื้อปลาแห้งแล้วให้เก็บทันที เมื่อเก็บมาแล้วให้วางตากลมไว้ก่อนซักพักแล้วจึงเริ่มจัดใส่ถุงเตรียมขาย หรือนำมาทอดกินได้เลย เราใช้ปลาทั้งหมด 5 ตัวรวมเป็น 5 กิโลกรัมเมื่อแล่เนื้อปลาและทำการตากแดดเรียบร้อยแล้ว จะเหลือน้ำหนักอยู่แค่ 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าน้ำหนักของปลาจะหายไปครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียวจากการทำเนื้อปลานิลแดดเดียว อีกทั้งเรายังใช้เวลาในการทำพอสมควรเราเลยขายอยู่ที่ 360 บาทต่อกิโลกรัม เราแบ่งไว้ทอดกินครึ่งกิโลกรัมและขายไป 2 กิโลกรัมเท่ากับว่าเราทำรายได้จากการทำเนื้อปลานิลแดดเดียวได้อยู่ที่ 720 บาท ถ้าในกรณีเราซื้อปลามาเองปลา 5 กิโลกรัมประมาณ 400 บาท เราสามารถทำกำไรจากการทำเนื้อปลาแดดเดียวได้อยู่ที่ 320 บาท ดังนั้นหากใครอยากหารายได้ให้แก่ตนเองเพิ่มลองเอาสูตรนี้ไปใช้ทำเนื้อปลานิลแดดเดียวขายกันดูคะ ช่วงนี้อาหารการกินขายดีมากอยากให้ลองเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสกันดูคะ เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน